posttoday

เลี้ยงเด็กในคอนโดให้สุขและสนุก

30 กันยายน 2560

หนุ่มสาวรุ่นใหม่นอกจากจะนิยมสร้างครอบครัวเดี่ยว

 โดย  พุสดี

 หนุ่มสาวรุ่นใหม่นอกจากจะนิยมสร้างครอบครัวเดี่ยว ยังเลือกที่จะสร้างอาณาจักรความสุขหลังแตะหลักไมล์ใหม่ของชีวิตด้วยการอยู่คอนโดมิเนียม เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต แทนที่จะเลือกสร้างบ้านสักหลัง

 แน่นอนว่า สำหรับคู่หนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัว รสชาติของการใช้ชีวิตแนวดิ่งอาจสุข-ทุกข์ปนเปกันไป ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

 แต่เมื่อมีสมาชิกตัวน้อย ปัญหาปวดหัวที่หลายครอบครัวหนีไม่พ้นคือ จะบริหารจัดการพื้นที่ห้องเด็กอย่างไรให้ปลอดภัย และไม่ขัดขวางโลกแห่งการเรียนรู้ของเขา

 เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ปรีชญา ชวลิตธำรง อาจารย์ประจำภาควิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและผู้ก่อตั้งบริษัท 10DK มีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการจัดห้อง หรือแบ่งพื้นที่ในคอนโดมิเนียมสำหรับเด็กที่ทั้งสวยงามและปลอดภัยมาฝากกัน

เลี้ยงเด็กในคอนโดให้สุขและสนุก

 1.เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยกับเด็ก เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย (Non-toxic) และเฟอร์นิเจอร์ที่พัฒนามาเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก (Child-proof) เพราะถูกพัฒนามาอย่างดีแล้วว่าไม่มีรูปทรงและส่วนประกอบที่ไม่เป็นอันตรายหรือทำให้เด็กบาดเจ็บ      

 2.ในกรณีมีลูกสองคน แนะนำให้แบ่งที่นอนสำหรับเด็ก 2 คน ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน เพราะเด็กอาจรู้สึกอึดอัดที่ต้องนอนร่วมเตียงแม้จะเป็นพี่น้องกันก็ตาม แต่หากพื้นที่ของคอนโดจำกัด อาจจัดให้อยู่นอนห้องเดียวกันแต่แบ่งสัดส่วนให้ชัดเจน เช่น มีโต๊ะข้างขั้นระหว่างเตียง หันเอาหัวเตียงตั้งฉากกัน หรือทำเตียงสองชั้น        

 3.เลือกใช้สีสันสดใสในส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เพราะแม้เด็กๆ จะชอบสีสันสดใส แต่ในขณะเดียวกันก็เบื่อง่าย เพราะฉะนั้นแทนที่จะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่สีสันฉูดฉาด อาจเปลี่ยนไปแต่งแต้มสีสันในเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น ผ้าม่าน ชุดเครื่องนอน วอลเปเปอร์ และของตกแต่งต่างๆ

 4.แบ่งพื้นที่สำหรับจินตนาการสร้างสรรค์ของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด หรืองานศิลปะต่างๆ เช่น เว้นผนังด้านหนึ่งไว้สำหรับติดงานศิลปะ เป็นต้น

 5.ติดตั้งฝาปิดเต้าเสียบปลั๊ก ผู้ปกครองอาจไม่สามารถจับตามองเด็กได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยว่าเด็กจะแหย่มือเข้าไปในเต้าเสียบ หรือทำน้ำหกใส่ จนเป็นอันตราย ควรป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ

 6.เช็กความปลอดภัยของประตูหน้าต่างเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยในห้องชุดคอนโด ควรเช็กว่าตัวล็อกของประตูหน้าต่างยังใช้การได้ดีหรือไม่? หลวมหรือไม่? และสามารถปิดล็อกแน่นหนาได้อย่างไรบ้าง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กๆ

 นอกจากจะใส่ใจกับการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ภายในบ้านแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่อย่ามองข้ามคือพื้นที่การเรียนรู้นอกบ้านสำหรับเด็กๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีแผนสร้างครอบครัว อาจเลือกคอนโดที่จัดสรรพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็กไว้ เผื่อจะได้ไม่ต้องปวดหัวทีหลัง

 พญ.เสาวภา พรจินดารักษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม จากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชให้ความรู้ในงานเปิดตัว “Educational Playground” โดยแสนสิริ ว่า การส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมต่างๆ ตามช่วงวัยที่มีความต้องการในด้านพัฒนาการที่แตกต่างกันเป็นเรื่องสำคัญ

 โดยต้องคำนึงถึงพัฒนาการ 4 ด้าน คือ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ภาษา และการเข้าสังคม อย่างเช่น วัย 1-2 ขวบ ที่เริ่มเดินได้เองแล้ว ควรเน้นพัฒนาด้านการเคลื่อนไหวให้เดินเยอะๆ หรือขึ้นลงบันไดด้วยการจับราวและพักเท้าทีละขั้น ช่วง 2-3 ขวบ จะเป็นวัยที่ยืนด้วยขาข้างเดียวได้ ก็สามารถกระโดดอยู่กับที่ เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้ ตอบคำถามได้ และโยนหรือเตะบอลได้แล้ว

 พอมาถึงวัย 3-4 ขวบ ให้เริ่มเล่นอะไรแบบคู่ขนานและเล่าเรื่องได้เป็นประโยคสั้นๆ พอโตขึ้นมาเป็นวัย 5-6 ขวบ ให้ลองกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเตี้ยๆ ได้ จำแนกหมวดหมู่สิ่งของได้ และการเล่นที่มีกติกา พอเป็นวัย 6-10 ขวบ ให้เรียนรู้เรื่องตำแหน่งและทิศทาง รู้จักแก้ปัญหาและไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น ฯลฯ  

 “ที่สำคัญพัฒนาการของเด็กจะเกิดขึ้นได้ ต้องผ่านการลงมือทำจริงอย่างเป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นพันธมิตรในการสร้างพัฒนาการ ไม่ควรยับยั้งการเล่น ดังนั้นสนามเด็กเล่นภายในโครงการที่พักอาศัย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเสริมสร้างทักษะรอบด้าน”