posttoday

เสียง...ของชีวิต

09 กันยายน 2560

ผมเป็นคนชอบดูหนังโฆษณา ผมคิดว่านอกจากเราจะได้รับความบันเทิงขนาดสั้นจากหนังโฆษณาแล้ว เรายังมีโอกาสได้เสพไอเดีย

โดย  ธนะโรจน์ สิทธาธีระวัฒน์ ภาพ : เอเอฟพี 

 ผมเป็นคนชอบดูหนังโฆษณา ผมคิดว่านอกจากเราจะได้รับความบันเทิงขนาดสั้นจากหนังโฆษณาแล้ว เรายังมีโอกาสได้เสพไอเดีย ได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีสร้างเรื่องราว วิธีกำกับ วิธีแสดง วิธีการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ รวมทั้งวิธีการถ่ายทำ การตัดต่อ การใส่จังหวะฮา การสร้างซีนเศร้า หรือฉากซึ้งๆ ในหนังโฆษณานั้นๆ

 ทว่า “เสียง” ก็มีความสำคัญต่อหนังโฆษณาไม่น้อยไปกว่าสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงเพลง หรือเสียงดนตรี ที่ช่วยสร้างอารมณ์ หรือส่งอารมณ์เราให้พุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุดของเรื่อง

 ภาพจึงเปรียบได้ดั่งการที่เราเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า และเสียงในหนังโฆษณาจึงเปรียบประดุจดังกลิ่นของอาหารที่ลอยมาเตะจมูก จนทำให้เราโคตรหิว ไม่ใช่แค่รู้สึกหิวแบบดาดๆ

 มีโฆษณาของค่ายประกันชีวิตค่ายหนึ่ง ซึ่งเพิ่งออนแอร์ได้เพียงไม่นาน ผมอยากให้คุณใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code นี้ดู เพื่อจะได้เข้าไปดูหนังโฆษณาชิ้นนี้ อีกทั้งผมยังอยากให้คุณได้ลองสังเกตดูว่า เสียงมีความสัมพันธ์กับภาพมากน้อยแค่ไหน และความสัมพันธ์นั้นๆ ส่งผลทางความคิด ชีวิต และความรู้สึกของเราในฐานะคนดู คนฟังมากน้อยอย่างไร ทำไมเราถึง “รู้สึกอะไรบางอย่างได้มากมายเหลือเกิน” หลังจากที่ดูโฆษณาชิ้นนี้จบแล้ว

เสียง...ของชีวิต

 ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปในหัวข้อ “The Art of Sound Creation” ที่จัดขึ้นโดย หลักสูตรสื่อและการสื่อสาร (Media and Communication) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง ประเทศไทย

 โดยการเวิร์กช็อปในครั้งนี้ ผมได้ข้อคิดดีๆ จาก ยุทธพงศ์ วรานุเคราะห์โชค หนึ่งในขุนพลจากโอกิลวี่ ที่ได้มาช่วยตอกย้ำในความเชื่อของผมที่ว่า เสียงมีความสำคัญต่อหนังโฆษณามากมายเหลือเกิน

 ยุทธพงศ์ กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้นั้น เสียงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาพและตัวอักษรเลย เสียงสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าตราสินค้าได้ และทำให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

 "เพราะประสาทสัมผัสในด้านการรับฟัง มีส่วนช่วยให้เกิดการซึมซับได้มากกว่า ซึ่งกลยุทธ์การสร้างเสียงเพลงให้เหมาะกับตราสินค้า บางครั้งเสียงสามารถเชิญชวนและสร้างอารมณ์ได้มากกว่าภาพ และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการสร้างแบรนด์ระดับโลก”

 ย้อนกลับมาที่ชีวิตของเราทุกคน หากชีวิตจริงของเราคือหนังโฆษณาชิ้นหนึ่ง คุณคิดว่าเสียงในโฆษณาชิ้นนั้นประกอบไปด้วยเสียงใดบ้าง มู้ดแอนด์โทนของเสียงนั้นมีหน้าตาออกมาเป็นเช่นไร เสียงนั้นสะท้อนให้เราได้เห็นภาวะอารมณ์ใดของชีวิตเราบ้าง

 หากชีวิตจริงของเราต้องพบเจอกับภาวะอารมณ์ที่อาจจะสุข เศร้า เหงา หรือรื่นเริงบันเทิงใจ เราสามารถสร้างเสียงเพื่อบอกเล่าให้ตัวเราเองได้รับรู้ว่า เราจะรับมือ หรือเรียนรู้กับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นอย่างไร เสียงที่เราสร้างจะส่งผลหรือเป็นแนวทางให้เราก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร

 เสียงใดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับเสียงจากภายในใจ ที่จะคอยย้ำเตือนให้เรารู้ตัวว่า เราคือใคร เราเกิดมาเพื่ออะไร และสิ่งไหนคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิต

 ท้ายที่สุด “เสียง” จะเป็นดั่งแสงไฟส่องทาง ที่ช่วยส่องนำทางให้เราก้าวเดินไปแต่ละก้าวได้อย่างมั่นคงแข็งแรงมากที่สุด

 ว่าแต่วันนี้คุณได้ลองฟังเสียงจากหัวใจของตัวคุณเองแล้วหรือยัง?

 ถ้ายัง ทำไมไม่เริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้?

.............ล้อมกรอบ.............

ธนะโรจน์ สิทธาธีระวัฒน์

 อดีตผู้สื่อข่าวแห่งหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ รวมทั้งนักเขียนแห่งสำนักพิมพ์ใยไหมและโพสต์บุ๊กส์ ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้างานสื่อสารองค์กร ที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยาลัยมหิดล พูดคุยทักทาย รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรื่องราวดีๆ แก่กันได้ที่ www.facebook.com/thanaroht