posttoday

‘บิตตี้ แอนด์ โบส์’ ร้านกาแฟเพื่อคนพิการ

06 สิงหาคม 2560

เมื่อผู้คนส่วนใหญ่นึกถึงร้านกาแฟ ก็จะนึกถึงบรรยากาศภายในร้านที่เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยวิวต้นไม้เขียว หรือตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยหรู

โดย...ศรัณย์ วิสุทธิอารีย์รักษ์

เมื่อผู้คนส่วนใหญ่นึกถึงร้านกาแฟ ก็จะนึกถึงบรรยากาศภายในร้านที่เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยวิวต้นไม้เขียว หรือตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยหรูที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน แต่สำหรับร้าน “บิตตี้ แอนด์ โบส์” (Bitty and Beau’s) ในเมืองวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา นั้นแตกต่างออกไปชนิดที่หลายคนคงไม่เคยดื่มกาแฟในบรรยากาศเช่นนี้มาก่อน

เพราะเสน่ห์ของร้านแห่งนี้ คือ ความอบอุ่นที่ลูกค้าจะได้รับจาก “พนักงานที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการและสติปัญญา” (IDD) โดยทางร้านได้ให้โอกาสผู้ที่มีความผิดปกติทางสมองไม่ว่าจะเป็น ดาวน์ซินโดรม ออทิซึม หรือแม้แต่สมองพิการได้เข้าทำงาน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นงานแรกในชีวิตของพวกเขา และยังนับเป็นการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนที่มีต่อคนกลุ่มนี้ด้วย

ร้านกาแฟแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือน ม.ค. 2016 โดย เอมี่ และ เบน ไรท์ คู่สามีภรรยาชาวเมืองวิลมิงตัน ที่มีความต้องการจะเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมๆ ของผู้คน และให้โอกาสแก่ผู้มีความบกพร่องทางสมอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากคนใกล้ชิดภายในครอบครัวเอง หลังจากที่ลูกคนเล็ก 2 คน คือ บิตตี้ และ โบ เกิดมาพร้อมกับโรคดาวน์ซินโดรม

การเลี้ยงลูกชายและลูกสาวที่ถือเป็นเด็กพิเศษ ทำให้สองสามีภรรยาได้รู้จักและเข้าใจโรคนี้อย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก อีกทั้ง เอมี่ และ เบน ไรท์ ได้ค้นพบว่าเกือบ 70% ของผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญานั้น ไม่มีงานให้ทำ แม้ว่าจะเรียนจบชั้นมัธยมแล้วก็ตาม ทำให้ทั้งคู่เริ่มคิดที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง พวกเขาต้องการสร้างธุรกิจให้กับลูกและคนในชุมชนได้มีโอกาสทำงานเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง

“อยู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจทำให้ฉันนึกถึงร้านกาแฟ ฉันคิดว่าการเปิดร้านกาแฟน่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุด ทั้งเรื่องของบรรยากาศภายในร้าน และการได้มาอยู่รวมกันของผู้คน อีกทั้งผู้บกพร่องทางสมองจะได้เข้าใจว่าตัวเองก็มีความสามารถพอที่จะทำงานได้ การริเริ่มทำร้านแห่งนี้ช่วยให้คนทั่วไปได้เข้าถึงผู้บกพร่องทางสมองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สถานที่นี้คือที่ที่ทำให้เข้าใจว่าคนเหล่านี้เหมือนพวกเราอย่างไร ไม่ใช่แตกต่างอย่างไร” เอมี่ ไรท์ กล่าว

‘บิตตี้ แอนด์ โบส์’ ร้านกาแฟเพื่อคนพิการ

คู่สามีภรรยาไรท์จึงได้เริ่มเปิดร้านขนาด 500 ตารางฟุต (ตร.ฟ.) ขึ้นในไรท์สวิลล์ อเวนิว เมืองวิลมิงตัน เมื่อต้นปี 2016 โดยมีพนักงานทั้งหมด 19 คน ทว่าหลังจากเปิดร้านได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ผู้คนต่างให้ความสนใจและมีลูกค้าต่อแถวยาวไปถึงหน้าประตู ทำให้ในอีก 6 เดือนต่อมาร้านนี้จึงจำเป็นต้องย้ายไปในพื้นที่ที่กว้างขึ้น

แนวคิดธุรกิจเพื่อสังคมที่ลงตัวเช่นนี้ ทำให้ร้านมีทั้งลูกค้าและผู้บริจาคพร้อมๆ กัน อาทิ การบริจาคที่ดินของเศรษฐีรายหนึ่งขนาด 5,000 ตร.ฟ. ในย่านนิวเซ็นเตอร์ ไดรฟ์ เพื่อการเปิดร้านใหม่ให้ใหญ่ขึ้น รองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้ร้านกาแฟแห่งนี้มีกำลังมากพอที่จะจ้างพนักงานที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาให้มาทำงานมากขึ้นด้วย

ทุกวันนี้ ร้านบิตตี้ แอนด์ โบส์ มีการจ้างงานพนักงานซึ่งมีความบกพร่องทางสติปัญญาถึง 40 คน ยกเว้นเพียงผู้จัดการ 2 คน ซึ่งได้รับการอบรมเป็นพิเศษเพื่อดูแลลูกจ้างพิเศษเหล่านี้ และช่วยให้การทำงานภายในร้านเป็นไปอย่างราบรื่น

จุดเด่นภายในร้านนอกจากกาแฟหอมกรุ่นและเบเกอรี่สดใหม่จากเตาแล้ว ก็คือบริการที่สร้างรอยยิ้มจากเหล่าพนักงาน ซึ่งมักจะทักทายลูกค้าด้วยการจับมือ สวมกอด หรือไฮไฟว์ จนสร้างความประทับใจต่อลูกค้า และขยายต่อไปยังสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งร้านแห่งนี้ได้รับรีวิว 5 ดาว ทั้งในแง่ของอาหารและบริการ จนสื่อหลายแห่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวกลายเป็นร้านที่ไม่ได้ดังแค่ในเมืองวิลมิงตัน แต่ยังเป็นที่รู้จักไปทั่วสหรัฐ

รายได้ของร้านกาแฟแห่งนี้นอกจากจะมาจากธุรกิจหลักที่อาหารและเครื่องดื่มแล้ว ก็ยังมาจากการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ภายในร้าน เช่น เมล็ดกาแฟคั่ว แก้วกาแฟ เสื้อยืด หมวก และผ้ากันเปื้อน โดยร้านยังได้ขยายบริการสู่ธุรกิจออนไลน์สั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ด้วย และทำให้ภายในปีแรกของการทำธุรกิจ บิตตี้ แอนด์ โบส์ สามารถทำยอดขายทั้งหมดได้ถึง 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.6 ล้านบาท)

ผลตอบรับที่ล้นหลาม ทำให้ร้านบิตตี้ แอนด์ โบส์ ซึ่งได้รับรางวัลผู้ประกอบการยอดเยี่ยม โคสท์ อองเทรอเพรอเนอร์ อวอดส์ ในปี 2016 มีแผนที่จะเปิดแฟรนไชส์ในปีนี้และในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง สองสามีภรรยาไรท์ยังเตรียมขยายสาขาไปที่เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา เพื่อขยายเป้าหมายเดิมของการช่วยเหลือผู้บกพร่องทางสติปัญญาให้มีงานทำ และช่วยหลอมความต่างให้คนในสังคมได้เข้าใจพวกเขามากขึ้นด้วย

‘บิตตี้ แอนด์ โบส์’ ร้านกาแฟเพื่อคนพิการ

“ผู้คนไม่ได้มาที่นี่เพียงแค่ดื่มกาแฟและหาซื้อของ แต่พวกเขามาเพื่อรับประสบการณ์ใหม่ ผมคิดว่าการที่พวกเขามาดื่มกาแฟหรือซื้อเสื้อและของไปใช้นั้น เป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนอย่างหนึ่ง” เบน ไรท์ กล่าว

กำไรทั้งหมดที่ได้มานั้น ทางร้านยังมอบให้หน่วยงานเอเบิล ทู เวิร์ก ยูเอสเอ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรเพื่อสร้างงานให้แก่ผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา ให้นำไปต่อยอดช่วยเหลือสังคมอีกทางหนึ่งด้วย

การเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกในการช่วยเหลือผู้บกพร่องทางสมอง ความพยายามของสองสามีภรรยาไรท์ได้เริ่มขึ้น เมื่อ โบ ซึ่งเป็นลูกชายคนที่ 3 ถือกำเนิด และยังได้ให้การสนับสนุนในหลายๆ ทางเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ แต่แล้วความพยายามของเอมี่และเบน ไรท์ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเมื่อให้กำเนิดบิตตี้ลูกสาวคนสุดท้อง

อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ผู้คนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้คนต่างกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เอมี่ และ เบน ไรท์ จึงตัดสินใจแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ซึ่งนอกจากจะต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนในสังคมแล้ว ทั้งสองยังต้องการที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บกพร่องทางสมอง โดยพิสูจน์ว่าคนเหล่านี้เองก็สามารถทำงานได้ดั่งเช่นคนทั่วไป เพียงแต่ไม่เคยได้รับโอกาสเท่านั้น

ร้านกาแฟแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้บกพร่องทางสมองได้รับรู้ถึงการทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิต และยังได้รับการยอมรับจากผู้คนแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

เอมี่ ไรท์ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้ให้โอกาสที่จะได้อยู่ร่วมกันของผู้คนและผู้ผิดปกติทางสมอง และยังได้รับรู้ถึงความสุขและความภูมิใจของพนักงาน อีกทั้ง บิตตี้ แอนด์ โบส์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านกาแฟ หากแต่ยังเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นเพียงแค่ตัวผลักดันเพื่อไปสู่เป้าที่แท้จริงเท่านั้น