posttoday

กล้วยไม้ พิกุลแย้ม กุลนิดา อุนาโลม เพื่อนรัก... กลางเส้นทางสู่ดวงดาว

05 สิงหาคม 2560

เป็นเวลาร่วม 4 ปีแล้วที่ทั้งสองสาว แคท-กล้วยไม้ พิกุลแย้ม กับ ฮาย-กุลนิดา อุนาโลม ได้ข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน

โดย...สมแขก และณัฐวดี ภญญศิริ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

 เป็นเวลาร่วม 4 ปีแล้วที่ทั้งสองสาว แคท-กล้วยไม้ พิกุลแย้ม กับ ฮาย-กุลนิดา อุนาโลม ได้ข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน

 ทั้งสองสาวเป็น 2 สมาชิกจากทั้งหมด 7 คนของวงน้องใหม่ โมโนมิวส์เซส (MONO MUSE’) เกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของประเทศไทย ที่ใช้การโปรโมทตัวเองผ่านสื่อโซเชียล โดยพวกเธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ 10 ล้านคะแนน จึงจะได้เดบิวต์และออกซิงเกิ้ล ซึ่งใน 10 ล้านคะแนนที่ว่าเป็นคะแนนที่มาจากยอดไลค์ ยอดแชร์ และยอดคอมเมนต์

 ย้อนกลับไปเดิมที แคท จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เคยมีผลงานทางด้านการแสดงซีรี่ส์เรื่องตี๋ใหญ่ดับดาวโจร ก่อนจะลองมาออดิชั่นเพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกวงโมโนมิวส์เซส และล่าสุดตอนนี้ที่ทำอยู่ คือ เป็นดีเจประจำคลื่น Mono Fresh

 ส่วนฮายนั้นจบการศึกษามาจากนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยมีผลงาน คือ เป็นพิธีกร มีผลงานด้านถ่ายแบบ ชและเป็นพรีเซนเตอร์

 ทั้งแคทและฮาย เล่าว่า พวกเธอต่างก็อยู่ในโมโน กรุ๊ป (MONO GROUP) มาก่อน ที่ในตอนแรกที่มีการแคสติ้งเพื่อเตรียมเดบิวต์ ทั้งสองคนค่อนข้างกังวลว่าใครคนใดคนหนึ่งจะถูกคัดออก จนกระทั่งการคัดเลือกมาลงตัวที่สมาชิก 7 คน ผลสรุปออกมาว่าพวกเธอยังคงอยู่ด้วยกัน ความกังวลใจที่เคยมีก็แปรเปลี่ยนเป็นความอุ่นใจ เนื่องจากพวกเธอ 2 คน เคยรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อน 

กล้วยไม้ พิกุลแย้ม กุลนิดา อุนาโลม เพื่อนรัก... กลางเส้นทางสู่ดวงดาว กล้วยไม้

มองพี่แคทอย่างชื่นชมและรู้สึกอุ่นใจ

 ฮายในฐานะน้องสาวคนสนิท ได้เปิดใจถึงตั้งแต่วันแรกที่เจอแคท รุ่นพี่ซึ่งสร้างความประทับใจให้เธอตั้งวินาทีแรกที่ได้เห็น จนกระทั่งทุกวันนี้ที่กำลังฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานาไปพร้อมกันว่า   

 “ความจริงเคยเห็นพี่แคทมาก่อนหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกัน เพราะคนในบริษัทมีค่อนข้างเยอะ จนกระทั่งวันธรรมดาวันหนึ่งที่ชั้นเรียนเต้นของบริษัท มีสอนเต้นซุมบ้าเพื่อการออกกำลังกาย วันนั้นเรียนรวมกับทุกคนตามปกติ แต่ฮายยืนหลังพี่แคท แล้วก็สะดุดตาว่าทำไมพี่คนนี้เต้นเก่งจัง รุ่นเดียวกันไม่เห็นมีใครเต้นเก่งเท่า มีก็พี่คนนี้ที่เต้นตามครูได้เร็ว ฮายจึงขยับมาอยู่ใกล้ๆ พี่แคท แล้วก็เริ่มซี้กันมาตั้งแต่ตอนนั้น มาออกกำลังกายก็อยู่กลุ่มเดียวกัน หากนับวันเวลาตั้งแต่วันนั้น ก็เป็นระยะเวลายาวนานร่วม 4 ปีได้แล้ว เพราะจำได้ว่า ฮายรู้จักพี่แคทตั้งแต่ตอนที่ฮายเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ

 “มองจากภายนอกพี่แคทอาจดูเป็นคนดุๆ นิ่งๆ และดูเข้าถึงยาก แต่พอได้ลองคุยจริงๆ แล้วพี่แคทกลับไม่เป็นแบบนั้น พี่แคทเป็นคนใจดี น่ารัก เป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่คิดร้ายกับใคร โดยเฉพาะนิสัยก็จะคล้ายๆ กัน ชอบกินเหมือนกัน และก็ไม่เคยสนใจมองว่าใครคนไหนมีข้อบกพร่องอะไร อีกอย่างที่สำคัญคือพี่แคทเป็นคนให้คำปรึกษาดี เวลามีเรื่องทุกข์ใจจะทักมาถามตลอด บางเวลาไม่ได้คุยกันหลายวัน อยู่ๆ แชตของพี่แคทก็จะดังขึ้นมาถามว่าเป็นไงบ้าง จึงฉุกคิดว่าพี่แคทเป็นคนที่รู้ใจเราคนหนึ่งเลย เป็นคนเอาใจใส่รายละเอียดทุกอย่าง

 “ด้วยเหตุนี้เองจึงรู้สึกอุ่นใจที่ได้มาอยู่ร่วมวงเดียวกัน เพราะการทำงานเราจะต้องทำด้วยกัน และยิ่งมีคนที่มีอะไรคล้ายเรา คุยกับเราได้ทุกเรื่อง และเราสามารถไว้ใจเขาได้ เราก็รู้สึกสบายใจ เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยนะที่จะได้เจอคนดีๆ แล้วทำงานร่วมกัน ยิ่งนิสัยเข้ากันได้อย่างพี่แคท ก็พบว่ามันยิ่งดีมากๆ” 

 “ตอนแรกที่มารวมวงกัน 7 คน น้องๆ ในวงอาจยังไม่ค่อยเปิดใจกัน แต่พี่แคทที่เป็นคนจริงจังกับการทำงาน เป็นคนที่ถ้ามีอะไรให้พูดตรงๆ พี่แคทก็จะถามเลยว่าไม่โอเคตรงไหน เพราะจะได้เอามาปรับกัน ซึ่งแม้กระทั่งตัวเราเองก็ต้องคอยปรับตรงกันไปพร้อมทุกคนด้วย"  

กล้วยไม้ พิกุลแย้ม กุลนิดา อุนาโลม เพื่อนรัก... กลางเส้นทางสู่ดวงดาว กุลนิดา

หัวหน้าวงออกปาก รู้จักฮายได้รับแต่สิ่งดีๆ

 แคทเล่าย้อนกลับไปถึงฮายน้องสาวคนสนิท รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ หลังได้มาพบเจอกับสมาชิกใหม่ของวงอีก 5 คนที่เด็กกว่าทั้งตัวเองและฮายว่า 

 “สิ่งที่ทำให้ประทับใจในตัวน้อง คือน้องเป็นคนเข้ามาคุยกับเราก่อน แต่ที่ทำให้ประทับใจมากกว่านั้น เป็นเพราะฮายไม่เคยมองโลกในแง่ร้าย จะมองทุกอย่างในแง่บวกเอาไว้ก่อน ไม่ว่าในอนาคตเรื่องนั้นจะเป็นยังไง อย่างบางเวลาเราเครียดมากๆ เราก็จะได้รับแต่สิ่งดีๆ มาแทนที่ความเครียดนั้น จึงรู้สึกว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เลือกสนิทกับน้อง แม้บางวันเจอกันแล้วแยกกัน ก็จะถามไถ่กันตลอดว่านอนรึยัง เหมือนแฟนแต่ไม่ใช่ 

 “อย่างตอนแรกที่รู้จัก น้องเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรกที่ถามเราว่าวันนี้พี่แคททำอะไร กินอะไรรึยัง เราก็จะถามว่ามีอะไร (มากกว่านั้น) รึเปล่า เพราะว่าไม่ชิน ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงคนไหนทักมาแบบนี้ แต่น้องก็ตอบกลับมาอย่างจริงใจว่า ไม่มี แค่ถามเฉยๆ ตั้งแต่นั้นมาก็เลยรู้สึกดีที่

คนห่วงใยเรา ตอนแรกที่ผ่านการออดิชั่นเข้ามาก็ตื่นเต้นพอสมควร ได้รู้ว่าสมาชิกแต่ละคนอายุยังน้อย ก็กังวลไปหมดว่าจะคุยกับใครได้ไหม เพราะได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าวงด้วย แต่พอรู้ว่าฮายก็ผ่านการออดิชั่นเข้ามาเหมือนกัน จึงค่อยๆ หายกังวลและสบายใจไปได้ในที่สุด

 “หลังจากมารวมวงด้วยกัน 7 คน แน่นอนว่าย่อมต้องก็สนิทกันมากขึ้น เนื่องจากตลอดสัปดาห์จะต้องเจอกันถึง 6 วัน อย่างใน 1 วัน ก็จะเจอกันร่วม 6-7 ชั่วโมง มีเรียนร้อง เรียนเต้นกัน จากแต่ก่อนที่จะชวนกันไปกินข้าวมันไก่ร้านประจำข้างบริษัทแค่ 2 คน ทุกวันนี้ก็เริ่มชวนน้องๆ คนอื่นไปด้วย เพื่อให้สนิทกันมากขึ้น และในส่วนของเรื่องการละลายพฤติกรรมน้องๆ ในวง เราก็เป็นคนเริ่มในจุดนั้นเองด้วยความที่อายุมากสุด อย่างในช่วงแรกๆ น้องจะยังไม่เปิดใจให้กันมากนัก เราก็จะศึกษานิสัยของแต่ละคน แล้วถึงบอกว่าวันนี้เราจะเปิดใจคุยกันนะ จนทุกวันนี้ทุกคนก็เปิดใจมากขึ้นและคุยกับเราได้ทุกเรื่อง 

 “ความโชคดีของการรวมตัวกันของโมโนมิวส์เซส คือ ช่วงอายุเราที่ต่างกันพอสมควร จึงทำให้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะน้องฟังพี่ พี่จึงฟังน้อง เราต่างก็ผลัดกันรับฟังกัน จึงไม่เคยมีการเถียงกันเกิดขึ้น เหมือนกับว่า เราเป็นจุดศูนย์กลาง พอน้องมาบอก เราก็จะคุยกัน และพอเราคุยให้ ทุกอย่างก็จะโอเค” 

 ทั้งสองสาวบอกว่าเป็นเวลาร่วมปีที่สมาชิกร่วมเรียนร้องเพลง เต้น และทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือพวกเธอไม่ยักเบื่อหน้ากัน เหมือนกลายเป็นความเคยชินที่ต้องเจอกันทุกวันไปแล้ว

 ส่วนการเดบิวต์ พวกเธอยอมรับว่าค่อนข้างคาดหวัง และต้องพิสูจน์ตัวเองให้ไปให้ถึง 10 ล้านคะแนนให้ได้ ดังนั้น ทุกคนจึงทุ่มเท ตั้งใจ และเชื่อมั่นว่าจะทำได้ 

 สำหรับใครที่อยากเห็นทั้ง 7 สาวได้รับการเดบิวต์และมีซิงเกิ้ลปล่อยออกมา สามารถเข้าไปร่วมให้กำลังใจพวกเธอได้ผ่านทาง Facebook: MONOMUSES, IG: MONOMUSES และ TWITTER: MONO_MUSES