posttoday

J-Cruises 9

16 กรกฎาคม 2560

เราหาข้าวเที่ยงกินกันแถวถนนสายปีศาจ เล็งๆ ดูแล้วไม่พ้นอาหารทะเล ก็แถวนี้เป็นเมืองท่า

เราหาข้าวเที่ยงกินกันแถวถนนสายปีศาจ เล็งๆ ดูแล้วไม่พ้นอาหารทะเล ก็แถวนี้เป็นเมืองท่า จำได้ว่ามีแหล่งค้าส่งอาหารทะเลอยู่ไม่ไกล มั่นใจว่าได้กินของสดแน่ เห็นร้านหนึ่งอยู่ในซอยมีคนต่อคิวอยู่นิดหน่อย ป้ายผ้าหน้าร้านเป็นรูปปลา สัญชาตญาณบอกว่าเลือกร้านนี้เลย ร้านชื่อ Izumi มีเคาน์เตอร์นั่งได้ราวๆ 8-9 คน มีที่นั่งแบบยกพื้นอีก 2 โต๊ะ นั่งได้ 6-8 คน สรุปทั้งร้านรับได้ไม่ถึง 20 กำลังพอดีๆ เพราะมีพ่อครัวคนเดียวกับคนรับออร์เดอร์และเสิร์ฟด้วยอีกหนึ่งคน ที่ดูท่าจะเป็นสามีภรรยากัน บรรยากาศดูจะเป็นร้านที่คนแถวนั้นมากินกันประจำ เพราะมีขวดเหล้ารับฝากเรียงรายอยู่ไม่น้อย ในซอยนั้นมีป้ายร้านสแน็กอยู่หลายแห่ง สอบถามได้ความว่าอยู่ใกล้ท่าเรือจึงมีบรรดากะลาสีแวะเวียนมากินดื่มเป็นประจำ ร้าน Izumi อาจจะไม่มีความหลากหลายเท่าร้านซูชิอื่นๆ สังเกตจากเมนูและตู้แช่เห็นมีปลาอยู่เพียงไม่กี่ชนิด เพราะเจ้าของร้านเน้นปลาสดที่จับได้อย่างสม่ำเสมอในแต่ละฤดูกาล

J-Cruises 9

เนื้อปลาที่แช่อยู่ในตู้ดูแตกต่างจากปลาของร้านอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ขนาดของชิ้นปลาใหญ่กว่า ผ่านการตัดแต่งน้อยกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะใช้ปลาสดแล่กันวันต่อวัน ไม่ต้องตัดแต่งเพื่อเก็บรักษาไว้ใช้หลายวัน จึงไม่มีเนื้อปลามหานิยมอย่างมากุโระให้เห็น เพราะมากุโระส่วนใหญ่ผ่านการแช่แข็งมาแล้วแทบทั้งสิ้น ร้านซูชิท้องถิ่นบางแห่งที่ผมเคยไปกินก็ไม่มีเมนูปลาทูน่าด้วยเหตุผลเดียวกันนี้

ดังนั้น เมนูแรกที่ต้องสั่งก็คือซาซิมิ ซึ่งมีให้เลือกตามจำนวนชนิดของปลา เราสั่งแบบ 5 อย่างมาลองกิน ในจานไม่มีการจัดแต่งที่สวยงามฟุ่มเฟือยเหมือนร้านดีๆ แพงๆ เพราะความสดคือหัวใจของร้านนี้ครับ ถ้าปลาสดจริงโชยุหรือเกลือนิดเดียวพอแล้ว ปลาของร้านนี้ก็เช่นกัน ไม่ต้องใช้วาซาบิให้เสียรสชาติเลยแม้แต่คำเดียว จากนั้นก็สั่งข้าวกันต่อ ร้านนี้เด่นที่ความสดจึงควรสั่ง Kaisendon มากกว่าซูชิ เพราะเครื่องซูชิต้องผ่านการปรุงแต่งที่พิถีพิถันและใช้เครื่องชูรสที่หลากหลาย  แต่ Kaisendon หรือข้าวหน้าอาหารทะเลจะเน้นที่ความสดของเครื่อง เรามากัน 4 คน สั่งกันคนละถ้วย ผมสั่งถ้วยที่แพงที่สุดยังไม่ถึง 2,000 เยน ได้หน้าอาหารทะเลแน่นจนแทบไม่เห็นเมล็ดข้าว มีปลา 5 ชนิดกับไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน และเนื้อปู อีกคนสั่งที่ถูกลงมาหน่อยได้ปลา 5 อย่าง ถ้ามีเด็กมาด้วย Ikuradon หรือข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หรือถ้าพอเพียงกับซาซิมิแล้วจะสั่งข้าวหน้า Uni-Ikura-Kani มาอีกสักถ้วยก็จะอิ่มกำลังดี ทั้งหมดที่ว่ามานี้ควักแบงก์หมื่นเยนมาจ่ายยังมีทอน ผ่านมาแถวนี้แวะมากินกันให้ได้นะครับ ของเขาสดจริงๆ

J-Cruises 9

กินเสร็จก็ค่อยๆ เดินเล่นไปตามถนน ใครที่เป็นแฟนการ์ตูนอสูรน้อยคิทาโระจะต้องปลื้มมาก เพราะตลอดสองฝั่งถนนมีรูปหล่อสำริดของปีศาจต่างๆ ในการ์ตูนเรื่องนี้ประดับอยู่ ตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ร่วมร้อยกว่าตัว นอกจากนี้ยังมีร้านค้าขายของที่รำลึกรูปปีศาจสารพันที่จะมาหลอกหลอนให้ท่านควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจับจ่ายอย่างเต็มใจ ถ้าเดินไปซื้อไปควรมีเวลาให้ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ยังไงตรงนี้ต้องหมั่นดูนาฬิกาด้วย ห้ามช็อปเพลินเป็นอันขาด เพราะวันนี้มีภารกิจสำคัญรออยู่บนเรือ สุดถนนสายปีศาจคือสถานีรถไฟ JR Sakaiminto ซึ่งมีท่าเรือเฟอร์รี่สำหรับเส้นทางในประเทศอยู่ติดกันด้วย ใครจะเลือกนั่งรถบัสก็รอเวลา แต่ถ้ารีบก็เรียกแท็กซี่ที่จอดอยู่หน้าสถานีได้เช่นกัน

เรากลับถึงเรือราวๆ บ่าย 2 โมงครึ่ง สืบเนื่องมาจากเย็นวันนี้เรือจะออกจากท่าเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองปูซานประเทศเกาหลี จึงต้องมีพิธีการตรวจคนออกจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกระทำกันบนเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นมาอำนวยความสะดวกตั้งแต่เวลาบ่ายสองโมงครึ่งจนถึงเวลาเรือออกจากท่า ใครพลาดขั้นตอนนี้ก็จะเสียสิทธิในการเข้าประเทศเกาหลีในวันรุ่งขึ้น และต้องอยู่แต่บนเรือเท่านั้น16.30 น. เรือออกจากท่าพร้อมๆ กับเป็นเวลานัดพบเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี เพราะการเข้าเมืองทางเรือนั้นมีข้อยกเว้นบางประการ การไม่เข้ารับฟังอาจจะพลาดสาระสำคัญได้ จบกระบวนการแล้วก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะคืนนี้เป็น Gala Night เลยต้องแต่งตัวแบบจัดเต็ม อีกทั้งจองห้องอาหารอิตาเลียน Mama Trattoria ที่เจ้าหน้าที่บอกว่ามาเรือ Costa ต้องห้ามพลาด เพราะนอกจากจะได้กินอาหารรสชาติอิตาเลียนแท้ดุจดั่งคุณแม่มาปรุงเองแล้ว ยังเป็นห้องที่หรูหราที่สุดบนเรือลำนี้อีกด้วย

J-Cruises 9

หกโมงเย็นคณะของเราในชุดสุดสวยและสุดหล่อก็มาพร้อมที่ห้องอาหาร ผู้จัดการยืนหล่อรอต้อนรับเราอยู่แล้ว ถ้าจะเปรียบกับห้องสเต๊ก La Fiorentina ที่เรียบหรูดูมีมาด ห้อง Mana Trattoria ก็ดูวิจิตรอลังการด้วยสีสันที่สดใสและโคมไฟระย้าทำจากลูกแก้วนับร้อยลูกบนเพดานกลางห้อง แต่งชุดธรรมดามามีเขินแน่ๆ ครับ นั่งกันเสร็จสรรพก็เริ่มสั่งอาหาร แต่วันนี้คนแน่นอาหารเลยออกช้านิดหน่อย เมนูแรกเป็นสลัดผักสีเขียวสดตัดกับกุ้งต้มราดมายองเนสสีส้ม แอบคิดไปว่าเชฟคงตั้งใจให้สีสันตัดกับเฟอร์นิเจอร์โทนม่วงหรือเปล่านะ

เมนูถัดมาเป็นซุปถั่วหน้าตาคล้ายข้าวเหนียวถั่วดำ รสชาติพอได้อยู่ ตามด้วยRisotto ข้าวหุงกับอาหารทะเลจานนี้เด็ดมาก กินหมดจนแทบเลียจาน ต่อมาเป็นจานปลาชุบเกล็ดขนมปังแบบป่นละเอียดทอดแบบใช้น้ำมันไม่เยอะ เนื้อปลาทั้งหนาและแน่นแต่นุ่มชุ่มฉ่ำอร่อยมาก เบรกคอร์สด้วยจานผักแอสพารากัสย่างสุกกำลังดี ตอนเสิร์ฟยังร้อนอยู่เลย แล้วก็มาถึงอาหารจานหลักจะเลือกเป็นสเต๊กเนื้อหรือไก่ม้วนชุบแป้งทอดก็อร่อยทั้งคู่ ข้อดีของการมาเที่ยวทางเรือคือเลือกอาหารได้มากเท่าที่อยากกิน มื้อนี้เลยจัดมาทั้งเนื้อและไก่ให้หายอยาก จากนั้นควรจะเป็นของหวาน แต่ทว่าล็อบสเตอร์ที่เสิร์ฟคู่กับเส้นพาสต้าจานโตก็ออกตัดหน้ามาเฉย สอบถามดูถึงรู้ว่าวันนี้เป็นคืนกาล่าที่ห้องอาหารหลักเขาเสิร์ฟล็อบสเตอร์ ทางผู้จัดการกลัวเราเสียโอกาสเลยจัดมาให้เราด้วย ของหวานปิดท้ายของห้องอิตาเลียนก็ต้อง Tiramisu ที่หอมอบอวลด้วยกลิ่นกาแฟ เป็นอีกหนึ่งมื้อบนเรือ Costa ที่มีสุขปากลำบากพุงครับ

J-Cruises 9

J-Cruises 9

J-Cruises 9