มนุษย์กาแฟ ก็ช่วยรัก(ษ์)โลกได้

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ : เอเอฟพี อีพีเอ

ถึงเทรนด์รัก(ษ์)โลก หรือที่เรียกติดปากว่า "Eco-friendly" จะถูกพูดถึงมาพักใหญ่ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่ม แต่เชื่อเถอะว่า ในไม่ช้า ความนิยมกลุ่มเล็กๆ นี้จะขยายวงกว้างขึ้น เพราะเวลานี้ไม่ว่าแบรนด์ใหญ่หรือแบรนด์เล็กต่างหันมาตื่นตัวกับการรักษ์โลก หันมาใส่ใจกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น

 หลายปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีแบรนด์ระดับโลกมากมายเริ่มหันมาจับกระแสกรีน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่างซาร่า (Zara) ที่ส่งคอลเลกชั่นรักษ์โลก ออกมาจับกลุ่มผู้บริโภคหัวใจสีเขียวด้วยการนำเส้นด้ายขนแกะรีไซเคิล ออร์แกนิกคอตตอน และผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติมาใช้ 

 ตลอดจนแบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังอย่างอาดิดาส (adidas) ก็เคยออกรองเท้ารุ่นพิเศษที่ใช้อวนจากการทำประมงที่เป็นขยะอยู่ในทะเล มาออกแบบเป็นรองเท้ารักษ์โลกสุดเท่ รวมทั้งยังผลิตรองเท้าที่ทำมาจากเศษรองเท้าของรุ่นอื่นๆ ควบคู่กับการทำชุดกีฬารักษ์โลก โดยใช้เนื้อผ้าที่รีไซเคิลจากขวดพลาสติก เป็นต้น

 ทั้งหมดนี้คือ หนึ่งในการปรับตัวของแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่

 ถามว่า อะไรคือแฟชั่นรักษ์โลก? แค่เป็นแบรนด์ที่มองหาวัสดุรีไซเคิลมาใช้เท่านั้นหรือ?

 คำตอบคือ ถูก แต่ไม่ทั้งหมด เพราะความหมายของแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น มากกว่าการเลือกใช้วัสดุตั้งต้นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังต้องคำนึงถึงกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ลดการใช้กระบวนการทางเคมี เพื่อไม่เป็นการรบกวนธรรมชาติ

 นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรม อย่างน้อยพวกเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมตามทักษะและแรงงาน

 กระแสแฟชั่นสีเขียวนี้ ได้ขยายความนิยมเข้ามาในเพื่อนบ้านเรา อย่างสิงคโปร์ ซึ่งเทรนด์แฟชั่นรักษ์โลกกำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ พิสูจน์ได้จากยอดขายของแบรนด์ในสิงคโปร์ที่ชูกระแสเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นได้รับการตอบรับดีเหลือเกิน

 เริ่มจาก Matter ไลฟ์สไตล์แบรนด์สำหรับนักเดินทาง สร้างชื่อด้วยการชูจุดเด่นด้วยการทำงานร่วมกับกลุ่มช่างฝีมือในอินเดียในการพัฒนาลายพรินต์ที่เป็นเอกลักษณ์ บวกกับการเลือกใช้ผ้าทอมือที่มาจากเส้นใยธรรมชาติ เช่นเดียวกับมัลติเลเบลสโตร์อย่าง Touch The Toes แหล่งรวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์โยคะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลังพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ความต้องการในสินค้ารักษ์โลกเพิ่มขึ้นถึง 350%

 ขณะที่ประเทศไทยเอง ก็มีหลายแบรนด์เริ่มตื่นตัวตามกระแสโลกให้เห็นไม่น้อย แต่ที่น่าจะถูกใจคนเมืองโดยเฉพาะคอกาแฟ คงหนีไม่พ้นการขยับตัวของแบรนด์กาแฟชื่อดัง "เนสเปรสโซ่" ที่ล่าสุดขานรับแนวทางโกกรีนของบริษัทในทั่วโลกมาต่อยอด

 โดยทางเนสเปรสโซ่ ประเทศไทย ได้ริเริ่มโครงการรีไซเคิล ด้วยการจัดเก็บรวบรวมแคปซูลเนสเปรสโซ่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลโดย บริษัท วงษ์พาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการแบบครบวงจรและได้มาตรฐานรับรองด้านบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 สมาชิกของเนสเปรสโซ่ คลับในประเทศไทย สามารถส่งคืนแคปซูลกาแฟเนสเปรสโซ่ที่ใช้แล้วที่ร้านเนสเปรสโซ่ บูติก หรือ ณ จุดจำหน่ายเครื่องชงกาแฟเนสเปรสโซ่ ห้างเซ็นทรัลชิดลม และโฮมโปร รามอินทรา เพื่อให้ทางเนสเปรสโซ่ ประเทศไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ในส่วนของกากกาแฟจะนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยธรรมชาติสำหรับการเกษตรกรรม