posttoday

10 ความเชื่อเรื่องหัวใจ จริงหรือเท็จ

02 เมษายน 2560

ในปี 1990 แพทย์ชาวญี่ปุ่นพบว่าหัวใจผู้ป่วยที่ “อกหัก” นั้นมีรูปร่างเปลี่ยนแปลง มีงานวิจัยยืนยันว่าบางคนที่เสียใจมากๆ

ความเชื่อที่ 1 จริง

หัวใจสลายฆ่าคุณได้

ในปี 1990 แพทย์ชาวญี่ปุ่นพบว่าหัวใจผู้ป่วยที่ “อกหัก” นั้นมีรูปร่างเปลี่ยนแปลง มีงานวิจัยยืนยันว่าบางคนที่เสียใจมากๆ อาจถึงขั้นทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ นักวิทยาศาสตร์เรียกอาการนี้ว่า อาการหัวใจสลาย (Broken Heart Syndrome) ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่อเหตุเศร้าโศกด้วยการปล่อยฮอร์โมนความเครียดอย่างอะดรีนาลิน และนอร์อะดรีนาลินเข้าสู่กระแสเลือด เส้นเลือดทั่วร่างกายจะหดลง เมื่อเส้นเลือดรอบหัวใจหดตัวมันจะส่งออกซิเจนไปที่หัวใจน้อยลง ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก 

ความเชื่อที่ 2 เท็จ

เมื่อหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันคุณจะตายทันที

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มันหมายถึงการที่หัวใจเต้นแบบควบคุมไม่ได้ หัวใจที่เต้นเร็วเกินไปจะปั๊มเลือดสู่ร่างกายได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ แปลว่าอวัยวะในร่างกายจะไม่ได้ออกซิเจนมากพอ เมื่อไม่มีออกซิเจนอวัยวะก็จะล้มเหลวไปทีละส่วน เมื่อแพทย์นวดหัวใจของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เป็นการเพิ่มแรงกดให้กับห้องของหัวใจ เลือดจึงถูกบีบให้ไหลเข้าไปตามเส้นเลือด ถ้าทำให้หัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้ง ขั้นต่อไปคือการป้องกันไม่ให้หัวใจหยุดเต้นอีก 

ความเชื่อที่ 3 จริง

นักกีฬามีหัวใจขนาดใหญ่

หัวใจเป็นกล้ามเนื้อเหมือนกล้ามเนื้อไบเซ็ปที่ต้นแขน และเติบโตได้ถ้าออกกำลังไปเรื่อยๆ ถ้าใช้งานกล้ามเนื้อหนักกว่าปกติ มันจะต้องการออกซิเจนเพิ่ม ซึ่งได้รับผ่านเลือดที่มาจากหัวใจ หัวใจเป็นเหมือนปั๊มคู่ที่ปั๊มเลือดเข้าไปในร่างกายและปั๊มไปสู่ปอดเพื่อจับออกซิเจน ดังนั้นหัวใจจึงมีห้องหลักๆ 2 ห้อง แต่ละห้องมีกล้ามเนื้อที่เรียกว่า ไมโอคาร์เดียม (Myocardium) ล้อมอยู่ เวลากล้ามเนื้อหดตัว ห้องหัวใจจะเล็กลง ดังนั้นความดันภายในห้องจะเพิ่มขึ้น บีบให้เลือดไหลไปสู่ร่างกาย เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ห้องหัวใจจะใหญ่ขึ้น ความดันลดลงและเลือดไหลเข้าสู่หัวใจ ดังนั้นหัวใจจึงผ่อนคลายและหดเกร็งสลับกันอยู่เสมอ เวลานักกีฬาออกกำลังกาย หัวใจจะปั๊มอย่างมีประสิทธิภาพและเร็วขึ้น การเอกซเรย์เผยให้เห็นว่านักกีฬาที่ฝึกหนักจะมีหัวใจใหญ่กว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด 

ความเชื่อที่ 4 เท็จ

หัวใจอยู่ด้านซ้ายเสมอ

ชายวัย 22 ปี จากไนจีเรีย มีอาการเจ็บปวดลึกลับที่ช่องท้องด้านซ้ายมานาน 6 ปีแล้ว ถ้าเป็นด้านซ้ายแพทย์จะคิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่เมื่อเอกซเรย์แล้วแพทย์พบว่าตำแหน่งของอวัยวะทั้งหลายกลับข้างกัน หัวใจของเขาอยู่ทางด้านขวาของหน้าอกเหนือช่องท้อง ตับอยู่ทางด้านซ้าย สภาวะอวัยวะกลับข้างนี้เรียกว่า Situs Inversus ซึ่งพบได้น้อย สภาวะนี้ไม่อันตราย หลายคนมีพันธุกรรมที่สามารถส่งผ่านให้ลูกมีอวัยวะภายในกลับข้างแบบนี้ได้ด้วย

ความเชื่อที่ 5 เท็จ

ไวน์ดีต่อหัวใจ

ความเชื่อนี้ถือกำเนิดขึ้นตอนที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าชาวฝรั่งเศสดื่มไวน์แดงมากและกินอาหารมีไขมันสูง แต่แทบไม่มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจเลย นักวิทยาศาสตร์พบสารพิเศษในไวน์แดงเรียกว่า เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งนำมาผลิตเป็นอาหารเสริม เชื่อกันว่ากำจัดได้ตั้งแต่สิวจนถึงเส้นเลือดขอดและความเหี่ยวย่น เรสเวอราทรอลเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในองุ่น ช็อกโกแลต ราสพ์เบอร์รี่ ฯลฯ พิสูจน์แล้วว่าป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือดได้เพียงเล็กน้อยในการทดลองในหนู แต่ปรากฏว่าหนูกินสารชนิดนี้ในปริมาณที่สูงกว่าในไวน์แดง 1 แก้วถึง 1,000 เท่า ฉะนั้นถ้าอยากให้เห็นผลก็ต้องดื่มไวน์วันละ 1,000 แก้ว 

ความเชื่อที่ 6 เท็จ

แม้ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงวัย แต่ไม่มีใครรู้ว่าคุณจะต้องเริ่มกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โรคเกี่ยวกับหัวใจนั้นเกิดขึ้นเพราะหลอดเลือดของร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเราอายุมากขึ้น ถ้าคุณสูบบุหรี่่และกินไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ประเภทหมูและผลิตภัณฑ์จากนมมาก หลอดเลือดจะเสื่อมและค่อยๆ สะสมคอเลสเตอรอลไม่ดี นั่นแปลว่าหลอดเลือดจะตีบลง และนำเลือดได้น้อยลงกว่าที่เคย รอบๆ หัวใจจะมีหลอดเลือดแดงใหญ่ที่นำเลือดกับออกซิเจนมาให้หัวใจ ถ้าหลอดเลือดนี้ตีบหัวใจจะมีปัญหาหนัก ถ้าคุณอยากดูแลหัวใจ ควรกินเนื้อสัตว์ปีกและอาหารที่มีไขมันจากนมต่ำ ออกกำลังกาย เลือกกินขนมปังเนื้อหยาบ ผลไม้ และผัก อาหารประเภทนี้จะลดคอเลสเตอรอลไม่ดีในร่างกายที่เป็นตัวการทำให้หลอดเลือดตีบ  

ความเชื่อที่ 7 จริง

หัวใจของคุณเต้นเร็วขึ้นเมื่อตกหลุมรัก

คู่รักข้าวใหม่ปลามันได้ประโยชน์จากการที่ร่างกายปล่อยอะดรีนาลินออกมา เพื่อเตรียมพร้อมรับเรื่องร้ายและทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น การตกหลุมรักใช้เวลาแค่ 1 ใน 5 วินาทีเท่านั้น นี่คือสภาวะที่เกิดขึ้นในสมองของเรา โดยจะเกิดการหลั่งสารเคมีขึ้นมาและส่งผลต่อร่างกายทั้งหมด ทำให้เกิดอาการปั่นป่วน หัวใจเต้นเร็วแค่ได้เห็นภาพของคนรัก

ความเชื่อที่ 8 จริง

จะปวดแขนขณะมีอาการหัวใจวาย

ถ้าความเจ็บปวดเกิดที่หัวใจ เช่น มีการอุดตันของเส้นเลือดทำให้เซลล์รอบๆ ตาย เราจะรู้สึกปวดด้วยเช่นกัน แต่มันจะเตือนเราด้วยการทำให้เราปวดที่แขนซ้าย เพราะเวลาหัวใจได้รับบาดเจ็บ สมองจะสับสน เมื่อเซลล์หัวใจตาย เซลล์ประสาทจะส่งสัญญาณไปยังเปลือกสมอง ตรงนั้นเป็นที่ที่เริ่มเกิดความสับสน เพราะสัญญาณจะไปถึงซีรีบรัลคอร์เทกซ์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่รับความเจ็บปวดจากผิวของแขนซ้าย 

ความเชื่อที่ 9 เท็จ

มีคนน้อยมากที่เชื่อมโยงอาการคลื่นไส้ เหงื่อแตก และปวดกรามกับหัวใจแพทย์จึงมักส่งผู้หญิงที่มีอาการทางหัวใจร้ายแรงกลับบ้านโดยไม่ได้รักษาอย่างถูกต้อง จนเมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าผู้ชายกับผู้หญิงมีอาการตอบสนองต่อภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดหัวใจแตกต่างกัน ถ้าหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ปกติแล้วผู้ชายจะรู้สึกปวดหน้าอกรุนแรง แต่ผู้หญิงจะปวดท้อง นักวิทยาศาสตร์อธิบายความปวดนี้ว่า ลิ่มเลือดที่อุดตันนั้นมักจะเกิดกับหลอดเลือดใหญ่ของหัวใจในผู้ชาย ส่งผลต่อบริเวณนั้นและทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง แต่ผู้หญิงจะเกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กอุดกั้นเส้นเลือดขนาดเล็กหลายๆ แห่ง ทำให้ผู้หญิงมีอาการหลายแห่งมากกว่า 

ความเชื่อที่ 10 เท็จ

หัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วปลุกให้ตื่นได้ด้วยการช็อกไฟฟ้า

ถ้าหัวใจหยุดเต้น สามารถทำให้กลับมาเต้นใหม่ได้ด้วยการช็อก การช็อกโดยใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้านั้นทรงพลังมากจนทำให้ร่างที่ไร้ชีวิตไปแล้วกระตุก แต่เครื่องมือชนิดนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้น