ภาพความรู้สึกถึงในหลวง

โดย...มัลลิกา ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์

เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่ควรค่าแห่งการไปชม “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” กำลังจัดแสดง ณ ลานสังคีตศาลา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นการจัดแสดงภาพเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2559

ผลงานภาพถ่ายในนิทรรศการนี้ แสดงให้เห็นถึงการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และร่วมแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งของพสกนิกรที่มีต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้รวบรวมภาพถ่ายบันทึกเหตุการณ์จากประชาชนและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 2 หมื่นภาพ และคลิปวิดีโอจำนวน 53 คลิป ในเบื้องต้นได้คัดเลือกภาพจำนวน 89 ภาพ จากช่างภาพจิตอาสาและประชาชนทั่วไปทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และอีก 89 ภาพ จากหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 77 จังหวัด เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด หอจดหมายเหตุแห่งชาติ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ สห + ภาพ ฯลฯ รวมถึงภาพจากสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ มาจัดแสดงในนิทรรศการรวมทั้งสิ้น 178 ภาพ

“วสันต์ วณิชชากร” ช่างภาพสำนักข่าวเอพี ประจำประเทศไทย ภาพของเขาได้ถูกคัดเลือกให้ร่วมจัดแสดง 1 ภาพ เป็นภาพของผู้หญิงกอดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เธอร้องไห้แล้วหยดน้ำตาของเธอไหลผ่านพระกรรเจียก (ขมับ) และพระพักตร์ (หน้า) ของพระองค์ แลดูเสมือนพระเสโท (เหงื่อ)

ภาพนี้วสันต์ถ่ายยามเช้าของวันที่ 15 ต.ค. บริเวณหน้าประตูมหาราชวัง (ประตูมณีนพรัตน์) เขาให้เหตุผลที่เลือกภาพนี้ส่งเข้าร่วมว่า “รูปนี้ที่เลือกและตอนถ่ายมีความหมายเชิงซ้อนดี ตอนถ่ายไม่ได้มีภาพในหัวว่าภาพจะเป็นแบบไหน ผมจะเดินไปทั่ว แล้วจังหวะนั้นเห็นผู้หญิงกอดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงร้องไห้ ผมก็กดชัตเตอร์รัวๆ เลย แต่มีจังหวะเหลือบไปเห็นน้ำตาไหลลงบนพระบรมฉายาลักษณ์แต่จังหวะนั้นกดได้เพียง 2 ครั้งเอง ซึ่งภาพนี้แสดงความหมายที่ผมต้องการสื่อ คือหยดน้ำตาของคนไทยที่โศกเศร้าสูญเสียพ่อหลวง และอีกความหมายหยดน้ำตานั้นเป็นหยาดเหงื่อของพระองค์ที่ทรงงานหนักเหน็ดเหนื่อยมายาวนานเพื่อพสกนิกรของท่านตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ผมรู้สึกภูมิใจที่ภาพนี้ได้ถูกเลือกมาจัดแสดงในนิทรรศการ ผมได้ทำหน้าที่ช่างภาพที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ ได้เก็บบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์”

เป็นเวลา 20 ปี ที่วสันต์ประกอบสัมมาชีพเป็นช่างภาพ และ 10 ปี ในสังกัดสำนักข่าวต่างประเทศ สำหรับภาพเหตุการณ์นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต สิ่งที่ช่างภาพไทยต้องการสื่อไปยังสายตาของผู้อ่านต่างชาติคือ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยมหาศาลขนาดไหน

“ผมอยากสื่อให้ต่างชาติรู้ว่า การที่คนไทยสูญเสียท่านไป คนไทยโศกเศร้าขนาดไหน อยากให้เขาเห็นภาพแล้วมีคำถามขึ้นในใจ ที่เห็นคนไทยมาพระบรมมหาราชวังเยอะทุกวัน แล้วทุกวันนี้คนไทยยังเศร้าอยู่ อยากให้ต่างชาติเกิดคำถามว่าท่านต้องทำอะไรมากมายเพื่อคนไทย คนไทยถึงได้รักท่านมากขนาดนี้ ภาพข่าวของผมในช่วง 3 วันแรก 13-14-15 ต.ค. ได้ถูกนำไปใช้ในหลายสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น ซีเอ็นเอ็น วอชิงตัน โพสต์ นิวยอร์กไทม์ ภาพเหล่านั้นเป็นความโศกเศร้าของคนไทย ผมอยากให้ต่างชาติได้เห็นถึงพระบารมีของท่าน แล้วเกิดคำถามว่าทำไมคนไทยถึงรักท่านขนาดนี้”

สำหรับนิทรรศการทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ ยังมีอีกหลายภาพที่สะท้อนเหตุการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไทย และภายในงานนิทรรศการได้จัดฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้ นิทรรศการได้แบ่งจัดแสดงระหว่างวันนี้-30 พ.ย. และอีกช่วงคือ 2 ธ.ค. 2559-21 ม.ค. 2560 โดยภาพที่จะนำมาจัดแสดงจะสับเปลี่ยนไป สามารถชมได้ที่ ลานสังคีตศาลา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร