posttoday

เคล็ดลับอายุยืนห่างไกลโรค

17 พฤศจิกายน 2559

โดย...ภาดนุ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

โดย...ภาดนุ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

คุณผู้อ่านคงเคยได้ยินหลักพื้นฐาน 4 อ. ซึ่งประกอบด้วย อากาศ อารมณ์ ออกกำลังกาย และอาหาร กันมาบ้าง เนื่องจากทุก อ. มีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเราไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยล่ะ แต่ครั้งนี้จะขอแนะนำเคล็ดลับในเรื่อง อ.อาหาร ว่ากินอย่างไรถึงจะช่วยให้อายุยืนและห่างไกลจากโรคภัยได้บ้าง

เมดิเตอร์เรเนียนสไตล์ก็ดี

จากรายงานการศึกษาร่วมของนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและวิทยาลัยแพทยศาสตร์เอเธนส์ ประเทศกรีซ พบว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจชายและหญิงที่กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนมีแนวโน้มเสียชีวิตลดลงถึงร้อยละ 30

ลองหันมากินผักที่มีสีสัน เช่น มะเขือเทศ ที่อุดมไปด้วยไลโคปีน ผลไม้ที่มีสีแดงและสีม่วง เช่น องุ่น ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ งดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม เพิ่มการบริโภคกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันมะกอก และอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ถั่วเหลือง ธัญพืช และผักใบเขียว สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคหัวใจได้

ทิปส์ : ร้อยละ 80-90 ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด มีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการใช้ชีวิต ในขณะที่ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

กินแบบโอกินาวาก็ใช่

โอกินาวาเป็นเมืองที่มีสัดส่วนประชากรชายและหญิงอายุ 100 ปี ขึ้นไปมากที่สุดในโลก ชาวโอกินาวามีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าชาวอเมริกัน และเป็นมะเร็งน้อยกว่าร้อยละ 75 อาทิ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สหรัฐ พบว่า ชายและหญิงชาวโอกินาวามีอายุยืนได้จากการกินอาหารแคลอรีต่ำ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะดังต่อไปนี้ ผักไม่น้อยกว่า 7 ส่วน/วัน โดยเฉพาะผักสีเขียวเข้มซึ่งอุดมไปด้วยแคลเซียม ธัญพืชอย่างน้อย 7 ส่วน/วัน ในรูปของเส้นหมี่ ขนมปังและข้าว (โดยส่วนมากเป็นธัญพืชไม่ขัดสี) ผลไม้ 2-4 ส่วนต่อวัน เต้าหู้และถั่วเหลืองในรูปแบบอาหารอื่นๆ ปริมาณมาก เนื้อปลาที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ให้ได้ 3 ส่วน/สัปดาห์ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะคือ ผู้หญิง 1 แก้ว/วัน ผู้ชาย 2 แก้ว/วัน

จึงสรุปได้ว่า การกินแบบโอกินาวา คือการกินอาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีพืชผักเป็นหลัก และไขมันต่ำนั่นเอง

ต้านอนุมูลอิสระด้วยซีลีเนียม

ซีลีเนียมเป็นธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อย แต่ก็จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสังเคราะห์โปรตีน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ซีลีเนียมยังอาจป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และลดความหนืดของเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในเส้นเลือดแดงที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจและสมองได้

นอกจากนี้ ซีลีเนียมยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งอีกหลายชนิด จากผลการศึกษา 2 ฉบับเป็นเวลา 5 ปี ของมหาวิทยาลัยคอร์เนลและมหาวิทยาลัยแอริโซนา แสดงให้เห็นว่าการกินซีลีเนียมเสริมทุกวัน จะลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากลงได้ร้อยละ 63 เนื้องอกในลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงร้อยละ 58 และมะเร็งปอดร้อยละ 46 การศึกษาเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ว่า มีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งในคนที่กินซีลีเนียมเสริมต่ำกว่าประชากรทั่วไปถึงร้อยละ 39 โดยปริมาณซีลีเนียมที่ใช้ในการรักษาคือ 100-200 ไมโครกรัม/วัน ซีลีเนียมพบมากในอาหารทะเล เมล็ดธัญพืช กระเทียม บร็อกโคลี่ หัวหอม ฯลฯ

ชนแก้วกันสักหน่อย

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่พอประมาณ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี และยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะไวน์แดง ซึ่งมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์ยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางยังช่วยยืดอายุการทำงานของสมองได้ จากการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ได้เฝ้าติดตามชายและหญิงที่ไม่ได้อยู่ในภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษา และมีอายุ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 5,395 ราย พบว่า ผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่ม “นักดื่มปานกลาง” (ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 แก้ว/วัน) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความจำเสื่อมเพียงร้อยละ 58 เมื่อคำนวณจากกลุ่มที่ไม่ดื่ม

สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจเลือกกินอาหารเสริมที่ให้สารเรสเวอราทรอล ซึ่งเป็นสารประกอบในไวน์ที่ออกฤทธิ์ในการรักษาแทนได้

หัวใจเคลือบช็อกโกแลต

นักวิจัยจากวิทยาลัยแพทย์เอเธนส์ ประเทศกรีซ พบว่า ดาร์กช็อกโกแลตอาจทำให้ดัชนีชี้วัดการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งความดันโลหิตสูงและอัมพาตลดลง

จากการศึกษาพบว่า การบริโภคดาร์กช็อกโกแลตช่วยลดการสะท้อนของคลื่น ซึ่งให้ผลที่เป็นประโยชน์ต่อผนังหลอดเลือดและระบบน้ำเหลือง และลดการแข็งตัวของเส้นเลือดแดง เนื่องจากดาร์กช็อกโกแลตซึ่งมีปริมาณฟลาโวนอยด์สูง (สารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง) จะช่วยให้เส้นเลือดแดงขยายตัว นักวิจัยจึงสรุปว่าช็อกโกแลตอาจมีประสิทธิภาพในการปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด

จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส ก่อนหน้านี้ พบว่า ช็อกโกแลตชิปกึ่งหวานปริมาณเล็กน้อยแค่หนึ่งกำมือ (25 กรัม) จะช่วยเพิ่มระดับฟลาโวนอยด์ในเลือดได้