posttoday

ปรัชญาสีเขียว กับความเป็นมนุษย์

10 พฤศจิกายน 2559

สีเขียว มีความหมาย และมีพลังต่อชีวิตเราทุกคนมากน้อยแค่ไหน?

โดย...จตุรภัทร หาญจริง ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

สีเขียว มีความหมาย และมีพลังต่อชีวิตเราทุกคนมากน้อยแค่ไหน?

คำถามนี้อาจเป็นคำถามง่ายๆ พื้นๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสี หรือเกี่ยวข้องกับการใช้สี ต้องขี้เกียจตอบเป็นแน่ แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องสี อย่างน้อยๆ ก็พอรู้ว่าสีเขียวมันดีต่อร่างกายและจิตใจเรามากมายทีเดียว หากจะชี้ชัดลงไปมากกว่านั้น ผู้ผลิตสียี่ห้อหนึ่งได้นิยามความหมายของสีเขียว และพูดถึงพลังของสีเขียวไว้ในเว็บไซต์ของตนเองไว้ว่า สีเขียว หมายถึง การเริ่มต้น ความสดชื่น ความปลอดภัย ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นอมตะ การเจริญงอกงาม การเติบโต การรักษาเยียวยา ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลทางกายและใจ รวมทั้งความสัมพันธ์
ที่ดี

ในส่วนของพลังของสีเขียว ผู้ผลิตสียี่ห้อนี้ก็ได้พูดไว้ในเว็บไซต์เดียวกันว่า สีเขียวช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกสดชื่น ลดความเหน็ดเหนื่อย คลายความตึงเครียด ความตื่นตระหนก และความวิตกกังวลลงไป อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์สากลของคำว่า “ผ่าน” หรือ “ไปได้” ด้วยนั่นเอง สีเขียวยังสามารถช่วยเราผ่อนคลายสายตาและระบบประสาท ช่วยในเรื่องของการมองเห็นและมีสมาธิ นอกจากนั้นยังมีพลังช่วยให้จิตใจภายในสงบ ช่วยพัฒนาอารมณ์และพฤติกรรม หากจำเพาะลงไปอีกนิด สีเขียวอ่อนนั้นจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นได้นั่นเอง

ว่าแต่เราจะน้อมนำให้ความหมายและพลังของสีเขียวมาช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นและเป็นสุขได้อย่างไร มันมีวิธีการน้อมนำมาสู่ชีวิตเราได้ตั้งมากมาย ตั้งแต่การเลือกใช้ของใช้ส่วนตัวที่เป็นสีเขียว ทาสีห้องหรือสีบ้านเป็นสีเขียว ขับรถสีเขียว ตั้งชื่อตัวเองว่าเขียว ใส่เสื้อผ้าสีเขียว ฯลฯ แต่หากจะพูดถึงสีเขียว ที่เป็นสีที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ ยอดหญ้า หรือท้องทุ่งนา ว่ากันว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้รวมตัวกันจนกลายเป็นพื้นที่สีเขียว ที่ไม่ว่าจะเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ หรือเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ มันคือแหล่งพลังงานชั้นดีที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิตเราทบเท่าทวีคูณ โดยเฉพาะพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนเมือง

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ผมไปอ่านเจอบทความหนึ่งจากเว็บไซต์หนึ่ง ซึ่งพูดถึงประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวในเขตชุมชนเมืองได้อย่างน่าสนใจ ว่ามันช่วยลดความแข็งกระด้างของสิ่งปลูกสร้าง ลดความตึงเครียดทางจิตใจ ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ ช่วยดูดสารมลพิษต่างๆ ช่วยดูดฝุ่นละอองในอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของเมือง ช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟจากรถราที่วิ่งสวนกันไปมาในยามค่ำคืน และอีกมากมายคุณประโยชน์

ถ้าถามความชอบส่วนบุคคล สำหรับผม ผมชอบสีเขียวที่มาจากท้องทุ่งนา อาจเป็นเพราะบ้านที่ต่างจังหวัดของผมอยู่ติดกับทุ่งนา แถมบ้านที่อยู่ในปัจจุบันก็อยู่ติดกับท้องทุ่งนาด้วยเช่นเดียวกัน เวลาที่ฤดูทำนามาถึง การเติบโตของต้นข้าวในนา ที่มาพร้อมกับฤดูฝน มันทำให้เวลาเรามองออกไปนอกหน้าต่าง สีเขียวชอุ่มของท้องทุ่งนา มันเพิ่มพลังกายพลังใจให้กับเราได้อย่างมากมายเหลือเกิน ยิ่งมีต้นไม้อยู่รอบๆ แถมมองไปไกลๆ ก็เห็นภูเขาสีเขียวนอนเรียงรายสวยงาม ตัดกับท้องฟ้าสีคราม มันยิ่งตอกย้ำให้เรารู้สึกว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปรัชญาของสีเขียวที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากใบไม้ ยอดหญ้า หรือท้องทุ่งนานั้น มันย่อมมีวันแห้งโรย เหี่ยวเฉา สีหม่น ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่เสพเอาความหมายและพลังจากมันมาน้อมนำไว้กับตัว ยามเมื่อมันเปลี่ยนสี เหี่ยวเฉา หรือโรยรา เราจะดำรงชีวิตของเราให้มีคุณค่า มีความหมาย มีพลัง มีสภาวะจิตใจที่มั่นคง แข็งแรง สดชื่น สดใส ได้อย่างไรให้ยาวนานที่สุด

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า “ในโลกนี้ อะไรจะเป็นของสำคัญหรือไม่สำคัญ อยู่ที่การสมมติของมนุษย์” หากพิจารณาคำกล่าวนี้ให้ดี เราจะค้นพบว่า ความหมายและพลังจากสีเขียว ที่เราได้รับจากธรรมชาติและน้อมนำมันมาไว้ในชีวิต จนทำให้มันมีความสำคัญต่อชีวิตเรานั้น แท้ที่จริงแล้ว มันคือสิ่งสมมติ ไม่ว่าจะเป็นการสมมติว่าสีเขียวหมายถึง การเริ่มต้น ความสดชื่น ความปลอดภัย ความอุดมสมบูรณ์ ความเป็นอมตะ การเจริญงอกงาม การเติบโต การรักษาเยียวยา ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลทางกายและใจ ความสัมพันธ์ที่ดี หรืออีกมากมายสารพัดประโยชน์ ที่เราต่างก็สมมติว่ามันมีพลังต่อชีวิตเรามากมายเหลือเกิน

เมื่อเราได้เรียนรู้ว่า ความหมายและพลังของสีเขียวคือสิ่งสมมติ อีกทั้งการดำรงอยู่ของมันก็ไม่อาจคงอยู่อย่างนั้นได้ตลอดกาล เพราะไม่ช้าไม่นาน มันก็จะเปลี่ยนสี เหี่ยวเฉา หรือโรยรา เราก็จะไม่เป็นทุกข์ เราจะดำรงตนอยู่ได้ สีเขียวของใบไม้ ยอดหญ้า หรือท้องทุ่งนานั้น เปลี่ยนสี ก็คือเปลี่ยนสี เหี่ยวเฉา ก็คือเหี่ยวเฉา โรยรา ก็คือโรยรา มันคือ อิทัปปัจจยตา (อิ-ทับ-ปัด-จะ-ยะ-ตา) ที่ท่านพุทธทาสสรุปเป็นภาษาไทยไว้ว่า “มันก็เป็นเช่นนั้นเอง”

ขอทิ้งท้ายไว้สักนิดว่า ถึงท้องทุ่งนาจะเปลี่ยนสี อย่างน้อยๆ การเปลี่ยนสีนั้นก็เป็นสีที่นำมาสู่การเติบโตของชีวิต เป็นสีทองที่เรามักเรียกขานกันว่า ทุ่งรวงทอง (ซึ่งมันก็เป็นสิ่งสมมติ และเป็นเช่นนั้นเองอยู่ดี) อย่างไรก็ตาม หากท้องทุ่งนาที่มอบสีเขียวให้มีความหมายและมีพลังกับเรา แถมยังเปลี่ยนเป็นสีทองที่นำพาเราไปสู่การเติบโตและดำรงชีวิตให้คงอยู่ได้ในแต่ละวัน ไฉนเลยผลผลิตของมันกลับกลายเป็นสินค้าราคาถูก?

หากนี่เป็นคำถามที่ต้องมีคำตอบ มันก็ควรเป็นคำตอบที่ได้มอบความหมาย มอบพลัง และมอบการเติบโตที่ดีงามแก่เราทุกคนด้วย โดยเฉพาะกระดูกสันหลังของชาติ ที่เราเรียกขานกันแบบบ้านๆ ว่า “ชาวนา”