posttoday

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ

31 พฤษภาคม 2559

“สัตว์โลกย่อมอ้วนไปตามการกิน” คำกล่าวนี้คือความจริงที่เราต่างล้วนหาหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความอ้วน ยาลดน้ำหนัก อดอาหาร ใช้สายรัดพุง

โดย...โยธิน อยู่จงดี

“สัตว์โลกย่อมอ้วนไปตามการกิน” คำกล่าวนี้คือความจริงที่เราต่างล้วนหาหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความอ้วน ยาลดน้ำหนัก อดอาหาร ใช้สายรัดพุง วิถีลดน้ำหนักที่ดูง่ายและสบายแบบนี้ไม่เคยได้ผลในระยะยาวใช่ไหม เพราะนั่นคือหนทางลดน้ำหนักที่ไม่จีรังยั่งยืน เท่ากับการใช้แนวคิดใหม่ในการลดน้ำหนักคือการใช้ธรรมะชนะความอ้วน

ธรรมะชนะความอ้วนได้อย่างไร

ในงานเสวนาธรรมะชนะความอ้วน ซึ่งจัดขึ้นที่เสถียรธรรมสถาน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน กล่าวว่า ลิ้นเป็นช่องทางละกิเลสที่ลดยากที่สุด เพราะรับรู้ร่วมกับทุกประสาทสัมผัสของร่างกาย เพราะเมื่อเราเห็นอาหารก็เกิดความอยาก เป็นตาดู หูฟังเสียงประกอบอาหาร จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรสและสัมผัส การกินจึงเป็นกิเลสที่ลดได้ยากที่สุด และเป็นอันตรายไม่เพียงเฉพาะต่อร่างกาย จิตใจของเราก็ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นความอ่อนแอทางจิตใจอย่างหนึ่ง ที่หลงไปกับความอร่อยจนเกิดความเพลิดเพลินจนขาดสติ โดยไม่ได้พิจารณาเลยว่ารสชาติในปากมีความเปลี่ยนแปลงทุกคำเคี้ยว เป็นการเกิดดับอย่างฉับพลัน แล้วคำต่อไปก็ตามมาเลย

ดังนั้น การลดน้ำหนักต้องเริ่มต้นด้วยศรัทธาอย่างมีปัญญาเป็นตัวกำกับ เพราะถ้าไม่มีปัญญาเป็นตัวกำกับเราก็จะศรัทธาอย่างงมงาย ไปหลงกินยา กินอาหารเสริมด้วยหวังว่าจะช่วยลดน้ำหนักด้วยวิธีง่ายๆ แต่เราต้องใช้ศรัทธาเป็นตัวนำความเพียรความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ ต้องมีสมาธิ สติ ปัญญา เรียนรู้และทดลอง ตอนนี้สังคมลดน้ำหนักด้วยวิธีการที่ผิดมีเยอะมาก อยากสวยอยากหล่อ แต่เราไม่ลงทุนด้วยวิธีการที่ยั่งยืน เราเคยได้ยินข่าวตายเพราะยาลดความอ้วนมากมาย ดังนั้นเราจะต้องมีปัญญาศึกษาให้รู้รอบถึงการลดความอ้วนเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ เปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และจะประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้นหากมีเพื่อนมีกัลยาณมิตรที่จะช่วยกัน

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

 

คาถาลดความอ้วน

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี แคว้นโกศล เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อสนทนาธรรม คุยกันไปคุยกันมาได้ตรัสปรึกษาว่าตัวพระองค์เองเป็นพวกช่างกินเสวยจุบจิบทั้งวันไม่หยุดหย่อนจนร่างกายอ้วนใหญ่ รู้สึกอึดอัด เดินอุ้ยอ้ายไม่คล่องแคล่ว เสด็จไหนก็เหนื่อยหอบ พระพุทธเจ้าจึงทรงเมตตาพระราชทานคาถาบทหนึ่งแก่พระเจ้าปเสนฯ ว่า “มะนุชัสสะ สะทา สะตีมะโต มัตตัง ชานะโต ลัทธะโภชะเน ตะนุกุสสะ ภะวันติ เวทะนา สะณิกัง ชีระติ อายุ ปาละยัง” แปลความว่า ผู้มีสติรู้ตัวตลอดเวลาขณะกินอาหาร จะมีโรคน้อย แก่ช้า และอายุยืน

หลังจากได้คาถามา ก็ทรงดีพระทัยยิ่ง ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาเสวย พระเจ้าปเสนฯ จะทรงให้มหาดเล็กคนหนึ่งยืนระวังอยู่ตรงข้างโต๊ะเสวย โดยทรงกำชับว่าหากมหาดเล็กเห็นพระองค์เสวยจนอิ่มแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุด ก็ให้ท่องคาถาลดความอ้วนที่พระพุทธเจ้าพระราชทานไว้ ออกมาให้ดังๆ เพื่อเตือนสติให้ทรงหยุดเสวย

ผลก็คือ พระองค์ทรงสามารถลดปริมาณพระกระยาหารลงได้เรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ทรงลดน้ำหนักตัวลงได้

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ

 

 

แต่การที่พระองค์ทรงลดน้ำหนักกายลงได้นั้นไม่ได้เป็นเพราะผลจากอิทธิฤทธิ์ความขลังของคาถาลดความอ้วนที่รับพระราชทานมาจากพระพุทธองค์หรอก แต่การที่ทรงสามารถ “เอาชนะพระทัย” ระงับให้ทรงหยุดเสวยได้

ในพระคาถานี้สอนให้เราบริโภคเพื่อความเป็นอยู่ของร่างกาย เพราะร่างกายต้องการอาหาร เรายังต้องอาศัยร่างกายประกอบความดี

ต่อมาให้พิจารณาให้เห็นว่าปฏิกูล อาหารนี้มีความสำคัญเสมอกันอย่างหนึ่ง ในเมื่อเข้าไปรวมกันในปาก ต่อให้เป็นอาหารที่จัดสรรว่าเลิศ ราคาแพง คนปรุงจะมาจากโลกไหนก็ตาม เมื่อเอาอาหารมารวมกัน แล้วทำเป็นคำเพื่อบริโภคอย่างไรอาหารนั้นก็ห้ามความทุกข์ไม่ได้ กินดีเท่าไร ก็ยังมีทุกข์เป็นธรรมดา และยิ่งกินมาก จนน้ำหนักมาก ย่อมเพิ่มความทุกข์มากขึ้น

(ที่มา...พระคาถา ซึ่งปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก เล่ม 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อ 365 หน้า 116)

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ เอกภพ คุณากรไพบูลย์ศิริ

ลด 32 กก. ใน 6 เดือนด้วยธรรมะ

โค้ชเคี้ยง เอกภพ คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้เขียนหนังสือ สั่งจิต พิชิตพุง เล่าประสบการณ์ในการใช้ธรรมะเข้ามาช่วยในการลดน้ำหนักว่า

“ตอนเป็นเด็กผมเป็นคนรูปร่างผอมไม่ค่อยยอมกินอะไร แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตเริ่มต้นจากการเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แล้วรับประทานอาหารจังก์ฟู้ดเยอะมาก พิซซ่า 2 ถาด น้ำอัดลม 2 ขวดในมื้อเดียว และยังมีแอบซ่อนอาหารอีก จนน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปกว่า 30 กก.จนทะลุ 100 กก. ผมเคยลองกินยา อาหารเสริม เข้าสปานวดตัว กดจุด ใส่ชุดกระชับ และวิธีอื่นๆ ผมลองมาหมดแล้วครับ แต่สุดท้ายก็ลดน้ำหนักไปได้เพียงชั่วคราวแล้วก็กลับขึ้นมาใหม่ เพราะว่าเหมือนกินยาลดน้ำหนัก พอเลิกกินยาน้ำหนักก็กลับขึ้นมาเหมือนเดิม

“เคยบวชประมาณอายุ 21 ตอนนั้นน้ำหนักผมลดไปได้ประมาณ 10 กก. แต่พอสึกออกมาผมก็น้ำหนักกลับมาเท่าเดิมด้วยกลับมาเจริญอาหาร จดสุดท้ายแล้วผมต้องกลับมาแก้ที่ใจ และใช้ธรรมะเข้ามาข่มใจ ปรับความคิดโดยใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงรู้ถึงจิตใจของมนุษย์ดีที่สุด ดังนั้นเราต้องเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเรา เพราะเดี๋ยวนี้มีร้านอาหารอร่อยเยอะมาก จัดร้านสวยงาม มีเค้ก มีของหวานน่ารับประทาน จนเรารู้สึกอยากกินทุกสิ่งอย่างไปหมด

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ

 

“ผมจึงคิดว่าสิ่งที่เราต้องปรับเป็นอย่างแรกคือเรื่องของจิตใจที่เราต้องควบคุมไม่ให้อยากอาหารมากเกินไปและรับประทานสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ จึงนำธรรมะลองมาประยุกต์ใช้ดู ปรากฏว่าเราสามารถเอาชนะจิตที่เป็นเหมือนลิงอยู่ไม่นิ่งให้นิ่งได้ จนผมสามารถลดน้ำหนักได้ 32 กก. ภายในเวลา 6 เดือนเท่านั้น

 “แต่การเริ่มต้นที่คนเราจะทำอย่างนี้ได้ก็คือการเห็นทุกข์จากความอ้วนเสียก่อน เพราะถ้าไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม ผมเองก็เคยเกือบจะเป็นเบาหวาน เวลาวิ่งจะเจ็บหัวเข่า ขาเริ่มมีปัญหา ผมเลยคิดว่าถ้าปล่อยไปอย่างนี้ผมคงไม่รอดพ้นจากพวกนี้จึงเริ่มต้นการตั้งใจลดน้ำหนัก

“มีแรงจูงใจก่อนว่าอะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราต้องมาลดน้ำหนัก มีความทุกข์อะไรเกี่ยวกับน้ำหนักของเรา เพราะถึงเวลาตั้งใจที่เราจะลดน้ำหนักเวลาไปเจออาหารที่ชอบเราก็ขาดสติ เราถึงต้องเจริญสติ ในการรับประทานอาหาร แต่ถ้าเรามีเหตุผลที่จูงใจมากพอในการลดน้ำหนักเราก็จะทำได้สำเร็จ และที่สำคัญหลักการนี้ไม่ได้มีสูตรสำเร็จในเรื่องการลดน้ำหนักว่าเช้านี้จะต้องรับประทานอะไร ออกกำลังกายอย่างไร แต่เราต้องค้นหาหนทางลดน้ำหนักในแบบของตัวเองที่ทำแล้วยังมีความสุข และลดได้ในระยะยาว”

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ ปิติพร รัตนบุญทวี

 

การแพทย์ยืนยันใช้ได้ผลจริง

ธรรมะจะช่วยลดความอ้วนได้อย่างไรเป็นใครก็ไม่อยากเชื่อ แต่ในทางการแพทย์นั้นก็เคยมีการค้นคว้าวิจัยแนวทางในการลดความอ้วนด้วยวิธีการที่คล้ายกันนี้ปิติพร รัตนบุญทวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วนและเบาหวาน โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ระบุว่า “ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็เคยมีการวิจัยถึงวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลเหมือนกัน คือแบ่งกลุ่มคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกลดน้ำหนักด้วยวิธีการปกติ และกลุ่มที่สอง ลดน้ำหนักด้วยวิธีการเหมือนกลุ่มแรกแต่เพิ่มการพิจารณาระหว่างการรับประทานอาหารเข้าไปด้วย ปรากฏว่ากลุ่มที่ 2 ลดน้ำหนักได้มากกว่า จึงพบว่าการมีสติในการรับประทานอาหาร ไม่ใช่แค่การเรียนรู้เรื่องที่จะควบคุมการรับประทานอาหาร แต่ทำให้คนตระหนักถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จริงกับตัวเอง เรียนรู้กับจิตใจตัวเองมากขึ้น เพราะคนไทยมีความสุขก็ชวนกันไปกิน มีความทุกข์ก็ชวนกันไปกิน ดูเหมือนการกินจะเป็นทางแห่งความสุขที่ง่ายที่สุดสำหรับเรา แต่ที่จริงแล้วเรามีวิธีการสร้างความสุขได้หลายๆ อย่างไม่ใช่เฉพาะเรื่องการกินเท่านั้น เราต้องฝึกจิตใจในเรื่องการรับประทานอาหารไปด้วย”

นอกจากแนวทางในการใช้หลักธรรมะในการลดน้ำหนักแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย ในแนวทางลดน้ำหนักด้วยการใช้หลักธรรมะของโครงการนี้เลือกที่จะใช้วิธีการเล่นโยคะในการออกกำลังกาย ซึ่ง ลักษิกา ไกรลาสสุวรรณ ครูสอนโยคะ แห่งโยคะ ไดอารี่ เปลี่ยนชีวิต เล่าเสริมว่าการเล่นโยคะเป็นวิธีการออกกำลังกายในแบบของธรรมะละอ้วนวิธีการหนึ่ง แต่การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้อง
เล่นโยคะเพียงอย่างเดียว เพียงแต่ฝึกโยคะเพื่อที่จะเรียนรู้การใช้ลมหายใจและเรียนรู้

พิชิตไขมันด้วยธรรมะ

เรื่องของการใช้จิตใจนั่นคือปลายทางสำคัญของการฝึกโยคะที่จะเรียนรู้ร่างกายและปรับร่างกายให้เกิดความสมดุล สิ่งสำคัญในการเล่นโยคะไม่ใช่การทำท่ายากตั้งแต่บนลงล่างเหมือนที่หลายคนนิยมทำ แต่เป็นเรื่องของการรู้จักการใช้ลมหายใจอย่างถูกต้อง กำหนดจิตให้อยู่กับกายในการเคลื่อนไหวต่างๆ เมื่อฝึกจิตจากโยคะ เวลารับประทานอาหารก็มีจิตที่รู้ตัวในทุกขณะรับประทานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

หากสนใจแนวทางการใช้หลักธรรมะช่วยลดน้ำหนักก็สามารถติดตามอ่านแนวทางได้ที่เพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/ธรรมะชนะอ้วน ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคนที่มีใจใฝ่ธรรมะและรักสุขภาพไปด้วยในตัว เพราะการเริ่มต้นลดความอ้วนให้สำเร็จต้องเริ่มจากจิตที่มุ่งมั่นและเรียนรู้จากความจริงบนสัจธรรมแห่งความอ้วนนั่นเอง