posttoday

‘ผู้ชายรักเมีย’ โกรธเธอ...แต่ทำอะไรไม่ได้

14 กรกฎาคม 2558

“มนุษย์เมีย” เป็นคำที่ผู้ชายรู้สึกแสนละเหี่ยใจที่สุด ส่วนผู้หญิงก็บอกว่า “มนุษย์ผัว” ทำให้ปวดหัวที่สุด

โดย...พริบพันดาว

“มนุษย์เมีย” เป็นคำที่ผู้ชายรู้สึกแสนละเหี่ยใจที่สุด ส่วนผู้หญิงก็บอกว่า “มนุษย์ผัว” ทำให้ปวดหัวที่สุด ความแตกต่างและช่องว่างระหว่างเพศของผู้หญิงกับผู้ชายเป็นความลึกลับที่ไขเท่าไหร่ไม่มีวันเจอ เพราะเป็นปัญหาโลกแตกของมนุษยชาติ

ในยุคหนึ่งหนังสือที่ชื่อ “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” ของ ดร.จอห์น เกรย์ จึงขายดีไปทั่วโลก แม้แต่ฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยก็ได้รับความนิยม

สำหรับคนที่เป็นสามีภรรยา หรือแต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว ความขัดแย้งการทะเลาะกันจึงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถมองได้ทั้งในมุมผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงมุมของคนกลาง มาดูกันว่าผู้ชายไทย เวลาโกรธเมียเขาเป็นอย่างไร? รวมไปถึงจิตวิทยาในครัวเรือนที่จะชี้ทางออกในการเป็น “คนรักเมีย”

ข้อคิดจากคนรักเมีย

บทกลอนที่ฮิตกันในหมู่ผู้ชายและถูกนำไปเผยแพร่ในประชาสังคมออนไลน์ คงหนีไม่พ้น “คาถาบูชาเมีย” ซึ่งความจริงแล้ว ที่มาของคาถานี้มาจากบทกลอนที่ชื่อว่า “คนรักเมีย” ของ แสนพล อมตวนิช วิทยากรนักพูดนักเขียนเกี่ยวกับการพัฒนาสังคม ภาวะผู้นำ และศิลปะการขาย เขาเคยเป็นพ่อตัวอย่างแห่งชาติปี 2546 และเป็นบุคคลตัวอย่างแห่งปี 2551 สาขานักพูดพัฒนาสังคม

“รักเมียต้องอดทน ต้องเป็นคนเคารพเมีย

รักเมียต้องสั่งเสีย อย่าให้เมียต้องสงสัย

รักเมียต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยวไปรักใคร

รักเมียต้องทำใจ เพราะอย่างไรเธอคือเมีย

รักเมียอย่าขี้เหล้า เมียจะเหงาเราจะเสีย

รักเมียอย่าอ่อนเพลีย คนรักเมียต้องแข็งแรง

รักเมียอย่าเที่ยวดึก จะเกิดคึกผิดสำแดง

รักเมียอย่ารุนแรง ค่อยๆ แซงอย่าขับไว

รักเมียต้องยอมเมีย เพราะว่าเมียไม่ยอมใคร

รักเมียต้องเข้าใจ ไม่มีใครใหญ่กว่าเมีย”

ฮาเฮสำหรับชายไทยเป็นอย่างยิ่ง สะท้อนภาพความจริงของสังคมที่เป็นอยู่ของคู่สามีภรรยาโดยส่วนใหญ่ของครอบครัวไทยได้ดี อย่างที่ว่าผู้ชายไทยโดยธรรมชาติเวลาทะเลาะกับเมียหรือโกรธเมียมักจะไม่ค่อยใช้ความรุนแรง และมีการระงับความโกรธที่น่ารัก

‘ผู้ชายรักเมีย’ โกรธเธอ...แต่ทำอะไรไม่ได้

 

แอดมินเพจสมาคมคนรักเมียแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโกรธเมียจะทำอย่างไร? มีวิธีระงับอารมณ์เวลาทะเลาะกันแบบไหน? ว่า

“เราต้องรู้ตัวเราว่ารักเขาแค่ไหน ถ้าคุณรักเขาหากทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงจนต้องเลิกรากันไป ใครครับเสียใจ แค่คิดว่าเรารักเขาก็พอครับ เวลาทะเลาะกันปล่อยให้อารมณ์เบาลงสักนิดแล้วค่อยๆ พูดคุยกัน อย่าเอาฟางไปใส่ไฟเลยครับ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง”

เมื่อถามถึงเพจสมาคนรักเมียแห่งประเทศไทยว่า มีชายไทยมาระบายความเครียดเรื่องเมียกันมากไหม? แอดมินคนรักเมียก็บอกว่า

“ดีนะครับสำหรับเพจเล็กๆ พื้นที่นี้มีไว้สำหรับบอกว่าเรารักเขาขนาดไหน ความรักไม่ต้องถามหรอกครับว่า คุณรักฉันไหม คุณจะรับรู้และเข้าใจด้วยใจคุณเอง”

หลากหลายวิธีแก้โกรธของพ่อบ้าน

สมาชิกหมายเลข 1964020 ของเว็บบอร์ดพันทิป ได้โพสต์กระทู้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2558 เวลา 15.02 น. โดยมีหัวข้อ “ตอนคุณโกรธเมียถึงขีดสุด คุณทำอย่างไรบ้าง?” เรียกความนิยมจากชายไทยได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคำตอบที่สนุกสนานเบาสมอง เหล่าหญิงไทยก็ชอบใจเข้ามาตอบกระทู้นี้กันอย่างสนุกสนาน มาดูกันว่า เวลาทะเลาะและโกรธเกรี้ยวเมีย ชายไทยทำอย่างไรกันบ้าง

“ยามท้อแท้ เรื่องของกำลังใจสำคัญมาก ควรมี ‘รูปภรรยา’ ไว้ประจำตัว มีเพื่อนคนหนึ่งเก็บรูปภรรยาของเขาไว้ในกระเป๋าสตางค์เป็นประจำ…ทุกครั้งที่เขา...พบปัญหา...มีความทุกข์...รู้สึกท้อแท้...เขาจะหยิบรูปภรรยาขึ้นมาดูทุกครั้ง และรำพึงกับตัวเองว่า --- ‘ถ้ากูทนได้ อย่างอื่นกูก็ต้องทนได้สิวะ’”

‘ผู้ชายรักเมีย’ โกรธเธอ...แต่ทำอะไรไม่ได้

“เป็นคำถามที่ตอบยากครับ ปกติจะเงียบ แต่พอเงียบ ก็หาว่าแอบด่าในใจ จะออกไปข้างนอกสักพักให้อารมณ์เย็นลง ก็หาว่าเราจะหนี ถ้าออกพ้นประตูบ้าน ยิ้มตอบ งั้นก็พยายามใจเย็น แล้วยิ้มให้เค้า ก็หาว่ายิ้มกวนตี_ สุดท้ายก็เดินเข้าไปโอบกอดเค้าจากด้านหลัง แล้วพูดออดอ้อน ‘ขอโทษนะที่รัก’ ไม่ว่าเค้าจะผิดหรือถูก ก็ต้องขอโทษไว้ก่อน รอจนเค้าอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยอีกที เค้าจะยอมรับฟังเหตุผล และถ้าเค้าผิด เค้าก็จะยอมรับผิด สรุปคือ : ให้เราระงับความโกรธ ขอโทษเค้าก่อน หลังจากนั้นค่อยเจรจา”

“ผมเพิ่งทำไปครับ ทนความงี่เง่าเมียไม่ไหว โทรไปหาแม่ยายครับ ช่วยกันแชร์ความเครียดไปให้ครอบครัวเค้าหน่อย เพราะไม่รู้จะบ่นกะใครแล้ว สุดท้ายแม่ยายโทรมากำราบเมีย ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย”

เห็นไหมล่ะว่า ผู้ชายไทยน่ารัก โดยเฉพาะกับเมีย จากบทความที่ชื่อ “ไดแอน เฮลส์” ในนิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ ฉบับเดือน มิ.ย. 2549 หน้า 81-87 ได้ให้ข้อมูลเชิงวิจัยหลายอย่างเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชายซึ่งมีประโยชน์มาก มีหลายกรณีศึกษาที่น่าสนใจ อย่างในการศึกษาภาวะด้านอารมณ์ของผู้ใหญ่ 5 แสนคน กลุ่มตัวอย่างเพศชายระบุว่ารู้สึกอ่อนไหวสูงพอๆ กับกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง การศึกษาคู่สามีภรรยาพบว่าทั้งสองอ่อนไหวต่อความเครียดของคู่สมรสมากเท่าๆ กัน แต่ก็สามารถปลอบโยนอีกฝ่ายได้ดีไม่แพ้กัน

ดร.จอช โคลแมน นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ สามีจอมขี้เกียจ กล่าวว่า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชายซึ่งจัดหมวดหมู่สิ่งต่างๆ และมองทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า ดูเหมือนหญิงจะโอนอ่อนตามอารมณ์มากกว่าชายซึ่งพยายามจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ดีขึ้นและทั้งคู่ก็มีความสุขมากขึ้น

ทำไมผู้ชายขาดความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ คำตอบคือต้องโทษสมอง ดร.เดวิด พาวเวล ประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านสุขภาพนานาชาติ อธิบายว่า สมองของหญิงมีการสื่อสารระหว่างซีกซ้ายซึ่งควบคุมระบบเหตุผลกับซีกขวา ซึ่งควบคุมการทำงานของอารมณ์ได้ดีกว่าสมองของชาย ทั้งหมดนี้อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผลการศึกษาในกลุ่มสังคมต่างวัฒนธรรม 125 ฉบับ จึงระบุว่าเด็กชายกับผู้ชายตีความสารที่ได้สื่อออกมาเป็นคำพูด เช่น อากัปกิริยา สีหน้า และน้ำเสียงของคู่สนทนาผิดพลาดกว่าผู้หญิง

‘ผู้ชายรักเมีย’ โกรธเธอ...แต่ทำอะไรไม่ได้

ผู้ชายยังมีปฏิกิริยาต่ออารมณ์น้อยกว่าและลืมได้เร็วกว่า การทดลองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า ภาพสะเทือนอารมณ์ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในสมองของหญิงมากกว่าชาย สามสัปดาห์ต่อมา ผู้หญิงยังจำรายละเอียดของภาพได้มากกว่า นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าผลการศึกษานี้น่าจะอธิบายว่าทำไมผู้หญิงจึงพร่ำบ่นเรื่องหยุมหยิมที่สามีลืมไปตั้งนานแล้ว

แล้วทำไมผู้ชายหลายคนถึงแสดงอาการกราดเกรี้ยว ความโกรธมีสาเหตุมาจากจิตใจที่สับสนเมื่อต้องเก็บกดอารมณ์บางอย่างไว้ ชายทุกคนพยายามเก็บความรู้สึกเพราะกลัวว่าการเปิดเผยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การปอกเปลือกจนหมดใจ ดร.เคนแนท ดับเบิลยู. คริสเตียน นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือศัตรูตัวร้ายของคุณ บอกว่าถ้าคุณไม่หาทางปลดปล่อยมันออกมาบ้างหรือหาวิธีจัดการอย่างถูกต้องอารมณ์เหล่านี้จะเป็ นเหมือนไฟคุกรุ่น รอเวลาลุกโหมขึ้นมาเมื่อชีวิตของคุณพังครืนลง เพราะปัญหาบางอย่าง

ความเป็นจริงของสังคมไทย

ต้องยอมรับความจริงกันว่าทั้งโลก เมื่อรวมเอาผู้ชายตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ชายไทยจะติดอยู่ในหมวดหมู่ของผู้ชายที่อ่อนโยนที่สุดในโลกอย่างแน่นอน ดวงดล รงค์เดชประทีป
ผู้ชำนาญการฝ่ายพัฒนาเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ซึ่งเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาครอบครัว และผ่านประสบการณ์ในการทำงานเรื่องความขัดแย้งระหว่างสามีภรรยามาไม่น้อย ให้ข้อมูลว่าความจริงผู้ชายไทยอ่อนโยนมาก

“ผู้ชายไทยจะอ่อนโยนกว่าชาติอื่นๆ ส่วนกรณีที่ก่อความรุนแรงกับภรรยาหรือในครอบครัวมีน้อยมาก หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ประมาณ 0.01 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ก่อเหตุและเป็นข่าว ต้องยอมรับว่ามีน้อยมาก”

ดวงดล ชี้ว่า ความรุนแรงในครอบครัวมีหลายรูปแบบและหลายระดับที่แตกต่างกันไป เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยไปจนถึงขั้นทำร้ายกัน จากประเภทแรก เงียบ สอง-การบ่น ขี้บ่นมากเลย ประเภทที่สาม เวลาไม่พอใจอะไรก็จะเอะอะ โวยวายทำลายข้าวของหรือทำร้ายร่างกาย

“ตรงนี้เป็นความแตกต่างกันของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน เวลาผู้ชายโกรธมันนานกว่าที่จะหาย ในบริบทครอบครัวแล้ว เวลาโกรธกันหรือทะเลาะกัน สิ่งที่จะพูดคุยหรือถือสากันต่อไป เป็นเรื่องที่ว่าจะให้ผู้หญิงรับมือกับสถานการณ์ตรงนั้นอย่างไร การระงับความโกรธต้องใช้คำปรึกษากัน ส่วนใหญ่เวลาคนโกรธก็ไม่รู้ตัวหรอก เพียงแต่มุ่งไปที่ว่าคนนั้นทำให้เราไม่พอใจ

‘ผู้ชายรักเมีย’ โกรธเธอ...แต่ทำอะไรไม่ได้

“ผู้ชายประเภทที่โกรธแล้วเดินหนี ตรงนี้เขารู้ตัวแล้วว่าอยู่ในสภาวะไม่ปกติแล้ว ต้องเดินออกไปจากสถานการณ์นั้น ผู้ชายคนไหนโกรธแล้วบ่นโวยวาย อย่างนั้นไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าหงุดหงิดอะไรอยู่หรือมีอะไรค้างอยู่ข้างใน ส่วนใหญ่แล้วความรุนแรงในครอบครัว สาเหตุหลักๆ เกิดจากความสะสม เราจะเห็นผู้ชายใช้ความรุนแรงกับครอบครัว โดยเฉพาะกับผู้หญิงในหลายรูปแบบ พอสุดท้ายแล้วเมื่อผู้หญิงเริ่มใช้ความรุนแรงกลับหรือตอบโต้ก็จะเลยเถิดมีความรุนแรงมากขึ้น การกระตุ้นมาจากหลายๆ สาเหตุ สภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ อย่างฝ่ายชายมีความรุนแรงด่าทอหยาบคาย เนื่องจากพฤติกรรมบางอย่างทำให้เขามีอะไรมาจากภายใน เขาไม่สื่อสารออกมา เลยทำให้เขาก่อความรุนแรงขึ้นได้”

การทำงานด้านจิตวิทยาครอบครัวกับผู้ชายไทยนั้น ดวงดลยอมรับโดยดุษณีว่ายาก

“จริงๆ แล้วเวลาทำงานกับผู้ชายหรือคุณพ่อจะค่อนข้างยากกว่าคุณแม่ในสังคมไทย เพราะผู้ชายไทยมักจะยึดหลักว่าไม่เป็นไรจัดการมันได้ จะไม่พูดไม่เล่า เวลาที่จะมาปรึกษาจริงๆ จะน้อย ต้องให้ถึงที่สุดจริงๆ จะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือจะต้องเอาลูกมาเลี้ยงให้ได้ เขาก็จะมาปรึกษา พอปลายๆ ปัญหาแล้วผู้ชายจะมา จะให้เก็บกดจนปัญหาระเบิดก่อน ซึ่งจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเขาเก็บมันไว้ ผู้ชายจะคิดเยอะแต่ไม่พูดออกมา”

ปัจจุบันผู้ชายไทยที่โกรธหรือทะเลาะกับเมียจะแบ่งเป็นสองแบบใหญ่ๆ ในการแสดงออก แต่ส่วนมากจะไม่ถึงขั้นรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย

“ต้องแยกแยะ อย่างเป็นครอบครัวที่ใช้แรงงานก็จะเป็นความรุนแรงในขั้นด่าทอหรือทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ครอบครัวในสังคมไทยจะมีการศึกษาที่เพิ่มขึ้น ความรุนแรงที่ถูกใช้ระหว่างสามีกับภรรยาจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะเป็นเหน็บแนมหรือไม่สนใจ ปล่อยไป เมาท์มอยหรือเอาผู้หญิงไปว่าทางโซเชียลมีเดีย ตรงนี้ก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่อยู่ต่างจังหวัดเขาจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ความรุนแรงที่ใช้จะเป็นอีกแบบหนึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือทำร้ายตัวเอง แต่ผู้ชายในเมืองจะใช้วาจาแทนแล้วใช้กฎหมายเข้ามาขู่คุกคาม เกี่ยวข้องกันหมดไม่ว่าการศึกษา พื้นฐานครอบครัว สิ่งแวดล้อม รูปแบบการเลี้ยงดูที่เขาประสบมา”

สำหรับกรณีผู้ชายเกรงใจกลัวเมีย ซึ่งมักจะถูกทำให้เป็นเรื่องตลกหรือเป็นโจ๊กไป ดวงดลวิเคราะห์ผ่านมุมมองเชิงจิตวิทยาว่า ผู้ชายเหล่านี้ก็กดดัน

“เขาตลกได้กับเพื่อน แต่ในครอบครัวเขาเลือกที่จะเงียบไม่พูดและเลือกที่จะออกไปจากที่นั่นเพื่อควบคุมอารมณ์ ถ้าสถานการณ์คลี่คลายตัวแล้วผู้หญิงหรือเมียเลือกที่จะคุยว่าเป็นอะไรจะดีมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นซ้ำอีกแล้วไม่ทำอะไรผู้ชายก็จะรู้สึกเซ็งเบื่อ ความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทยสำหรับผู้ชายเป็นเรื่องที่ค่อยๆ สะสมมากกว่า จากเล็กๆ น้อยๆ แล้วไประเบิดในภายหลัง วิธีการแก้ปัญหาบ้านเรายังไม่ชัดเจน”

ผู้ชายและผู้หญิงต่างเติบโตมาจากครอบครัว สิ่งแวดล้อม และการศึกษาที่แตกต่างกัน การตั้งความหวังกับคู่ชีวิตของตนให้น้อยลง และทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาที่จุดต้นตอให้ลุล่วงเมื่อเกิดข้อขัดแย้งขึ้น มุ่งเน้นที่ปัญหาไม่ใช่ตัวบุคคล ซึ่งทั้งสามีและภรรยาต่างมีส่วนรับผิดชอบ โดยใช้ความรัก ความอดกลั้นใจ และการให้อภัยเป็นตัวประสาน และก็พร้อมที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะชายไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “คนรักเมีย” ถ้าผู้หญิงเข้าใจเขาก็จะชื่นบานกันทั้งสองฝ่าย