คู่รักกะเทยทอม ‘เรารักกันที่ข้างใน’

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตบ้างไหม?

ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่คู่รักคู่หนึ่งซึ่งคบหาดูใจกันมาได้ 1 ปีเต็ม ต่างเชื่อว่าพรหมลิขิตนั้นมีอยู่จริง ไม่อย่างนั้นคงไม่นำพาให้กะเทยคนหนึ่งซึ่งเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด แต่ก็โดนหลอก จนทำให้อกหักผิดหวัง ได้มาเจอกับทอมคนหนึ่ง ซึ่งคบหาผู้หญิงมาตลอด แต่ก็ไม่เคยรู้สึกดีเท่ากับคบกะเทยคนนี้เลยจริงๆ

อะไรหนอทำให้กะเทย “เอมมี่-รัชฎา ครุฑรามาศ” ได้มาเจอ พบ รัก และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับทอม “เอย-พัทรนันท์ มาตรา” มาได้จนถึงวันนี้

นับแต่นี้เรามีคำตอบ ...

“เอมมี่เจอเอยครั้งแรกที่งานศพเพื่อนของเอยที่ขอนแก่น เมื่อต้นปี 2556 ตอนเจอกัน รุ่นพี่เอมมี่ก็ยุให้ลองคุยกับเอยดู พอดีตอนนั้นเอมมี่เพิ่งเลิกกับแฟนผู้ชาย ซึ่งก็มาอีหรอบเดิมคือหลอกเราให้เจ็บช้ำใจ พอเอมมี่เจอเขา แถมโดนลูกยุ ก็เลยขอเบอร์แล้วก็โทรคุยกันนับแต่นั้น พอได้ลองคุยกัน ก็พบว่าเรามีอะไรที่คล้ายๆ กัน เป็นเพศที่สามเหมือนกันด้วย ก็เลยรู้สึกดี”

เอมมี่ รัชฎา เผยถึงที่มาของการรู้จักกัน พร้อมเผยต่อว่า หลังจากที่คุยกันได้สักพัก เธอก็ใช้การวัดความรู้สึกของตัวเธอเองว่ากับคนคนนี้ “ใช่” จริงๆ หรือเปล่า ด้วยการหอมแก้ม

“เอมมี่ถามเอยว่า ไหนลองหอมแก้มเอมมี่ซิ แล้วเอยก็หอม แถมยังบอกว่า ต้องหอมคืน เอมมี่ก็เลยหอมเขาตอบ หลังจากหอมกันไปหอมกันมา เอมมี่ก็เริ่มคิดว่าใช่แล้วล่ะคนคนนี้ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจคบกับเขาเป็นแฟน”

“คงเป็นเพราะเราคุยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน แล้วพอดีเอยต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ เอมมี่อยู่บ้านคนเดียว เขาเลยชวนเอยมาอยู่เป็นเพื่อน มาเป็นรูมเมทกัน เอยคิดว่ามันน่าจะดีสำหรับเราสองคน ก็เลยตัดสินใจอยู่กับเขา คอยดูแลเขา เป็นเพื่อนเขา”

เอย พัทรนันท์ เผยถึงการตัดสินใจมาอยู่เป็นรูมเมทของเอมมี่ เธอเผยต่อว่า ตอนที่มาอยู่กับเอมมี่ เพื่อนก็รู้ และคอยถามว่าจะอยู่กันรอดหรือเปล่า “มีแซวๆ บ้าง แต่ก็บอกเราว่า ลองอยู่ด้วยกันดู ถ้ารอดก็โอเค ส่วนครอบครัวเอยเขาก็เข้าใจ บอกเราว่าถ้าเราโอเค ครอบครัวก็โอเค”

“หลังจากที่เราคบกัน ก็ไม่มีทอมคนไหนมามองเอมมี่ และก็ไม่มีกะเทยคนไหนมองเอยด้วย สงสัยเราสองคนจะเป็นคู่แปลก (หัวเราะ)”

หลังจากทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมเพื่อเรียนรู้กันและกัน ทั้งคู่เผยว่า ทั้งคู่ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว นานๆ จะออกไปเจอเพื่อนฝูง ต่างคนต่างคอยดูแลกัน ไปไหนไปด้วยกัน ใส่ใจในความรู้สึกของกันและกัน

“ผู้ชายต่างจากทอมตรงที่นานๆ จะแคร์เราที แต่ทอมจะแคร์และดูแลเราได้ทุกอย่าง โดยที่เราไม่ต้องบอก ที่สำคัญคือเรื่องเงิน ผู้ชายจะคอยให้กะเทยเปย์ แต่ทอม ไปไหน กินอะไร จะชิงจ่ายเงินก่อน” เอมมี่ รัชฎา กล่าว ในส่วนของเอย เธอเผยว่า เอมมี่ไม่เหมือนผู้หญิงที่เธอเคยคบมา “เอมมี่เป็นผู้ใหญ่กว่า ทำให้เราใจเย็นลง สอนเราให้เป็นผู้ใหญ่ที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เอยประทับใจมาก”

“มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกเอมมี่ว่า เธอไม่เหมือนชาวบ้าน เขาก็ไม่เหมือนชาวบ้าน ต่างคนต่างขาดๆ เกินๆ แต่กลับเติมเต็มซึ่งกันและกัน ก็จริงนะ เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเรื่องนอกใจ ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องหยุมๆ หยิมๆ เราเป็นได้ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งแฟน เขาก็เป็นทั้งน้อง ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ที่ดูแลเราได้ เรามองข้ามภายนอก ที่มองเห็นข้างในของกันและกัน ตั้งแต่คบเอยชีวิตเอมมี่เปลี่ยนไปเยอะมาก”

ทางฝั่งของเอย เธอเผยว่า ชีวิตเธอก็เปลี่ยน จากวัยรุ่นที่ติดเพื่อน ชอบเที่ยว ก็ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้มองกลับไปว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ แถมยังกลับมาสนใจครอบครัวมากขึ้นกว่าเดิม ใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารักมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อคบหาดูใจกันมาได้ 1 ปี ครอบครัวก็รับรู้ เข้าใจ และเชื่อใจ แน่นอนว่าเรื่องการหมั้นหมายแต่งงานกันน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งซึ่งต้องผ่านเข้ามาในห้วงความคิด เอมมี่เผยว่า เธอไม่ได้คาดหวังถึงขั้นต้องแต่งงานกัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่เธอทั้งคู่สามารถทำได้ตามกฎหมาย

“เราสองคนแต่งงานกันได้นะ เพราะในบัตรประชาชนเอมมี่คือนาย เอยคือนางสาว แต่เอมมี่ยังไม่ได้มองไปถึงตรงนั้น คบกันแบบนี้ไปก่อนดีกว่า”

ในส่วนของเอย เธอเผยว่า แม้การแต่งงานของเธอสองคนจะสามารถทำได้ แต่เธอก็อยากให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น

“เรื่องการแต่งงานในมุมมองของเอย เอยว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ เราสามารถมีสิทธิดูแลกันได้ การรักษาพยาบาล เรื่องธุรกรรมต่างๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดี เอยว่าการแต่งงานทำให้เราดูแลกันได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น”

ท้ายที่สุด ทั้งคู่ได้นิยามความรักในแบบของเธอทั้งสอง เอมมี่ รัชฎา นิยามความรักนี้ไว้ว่า ความรักไม่มีคำว่าเพศ ไม่มีขีดจำกัด แต่เป็นเรื่องของการพบเจอสิ่งที่ลงตัว และไม่ว่าความรักจะเป็นไปในรูปแบบไหน ชายหญิง ชายชาย หญิงหญิง ทอมดี้ เกย์เลสเบี้ยน หรือกะเทยทอม กะเทยกะเทย หรือทอมกับทอม หากไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ควรแฮปปี้กับสิ่งที่ตัวเองเป็น

“ในส่วนของเอย ความรักของเอยคือการดูแลกัน ห่วงใยกัน แล้วต่างคนมีความสุขในการดูแลห่วงใย นั่นแหละคือความรักของเอย และถ้าใครจะรักกันแบบรักข้ามเพศหรือรักเพศเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิหมด มันอยู่ที่ความรู้สึกเรามากกว่า” เอย พัทรนันท์ กล่าวสรุป