posttoday

รู้จักรับมือเมื่อน้ำกัดเท้า

07 พฤศจิกายน 2554

ข้อมูลมีประโยชน์เพื่อการรับมือกับน้ำกัดเท้าอันเป็นหนึ่งในอาการยอดฮิตในช่วงน้ำท่วม

โดย...รศ.ดร.วิพรรณ ประจวบเหมาะ

สัปดาห์นี้ยังเป็นข้อมูลสำหรับการดูแลสุขภาพในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมต่อนะคะ ซึ่งขณะนี้ชาวจุฬาฯ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเพื่อช่วยให้คนไทยลดความสูญเสียจากภัยน้ำท่วม ข้อมูลชุดนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก รศ.ภญ.ดร.พิณทิพย์ พงษ์เพ็ชร คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ โดยมี ผศ.ภญ.อภิฤดี เหมะจุฑา เป็นผู้เรียบเรียงได้กล่าวไว้ดังนี้

โรคน้ำกัดเท้าเกิดจากอะไร

น้ำกัดเท้าไม่ใช้ชื่อโรค แต่เป็นคำเรียกที่หมายถึง ภาวะที่ผิวหนังที่เท้า เปื่อยลอก แดง แสบและคัน เนื่องจากน้ำท่วมขังและต้องเดินย่ำน้ำบ่อยๆ ในช่วงฤดูฝน ที่ที่มีอุทกภัย หรือน้ำท่วมขัง การระคายเคืองอาจเกิดมากขึ้น ถ้าไม่สามารถรักษาความสะอาดและความแห้งของผิวหนังได้ ทำให้ผิวหนังที่เท้า หรือส่วนอื่นของร่างกายที่ถูกน้ำเมื่อน้ำท่วมสูงทำให้เกิดแผลได้ง่าย และส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้

รู้จักรับมือเมื่อน้ำกัดเท้า

อาการของโรคน้ำกัดเท้าเป็นอย่างไร

อาการของโรคน้ำกัดเท้า ที่พอแยกได้เป็น 2 ระยะ

ระยะแรก : ระยะอักเสบระคายเคือง

ผิวหนังจะแดงลอก บางรายอาจมีอาการเท้าเปื่อย คันและแสบ ระยะนี้อาจยังไม่มีการติดเชื้อโรค การเกาหรือถูเพื่อบรรเทาความรู้สึกแสบและคันก็อาจสร้างรอยแผลถลอกเล็กๆ ที่ทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้

ระยะที่สอง : ระยะติดเชื้อแทรกซ้อน

เนื่องจากผิวหนังที่ชื้น เปื่อยและหลุดลอก ซึ่งง่ายแก่การก่อโรคของเชื้อ ที่พบบ่อย คือ เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา

ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียมักมีอาการอักเสบ บวมแดง เป็นหนองและปวด อาการที่เป็นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถ้าติดเชื้อรามักเป็นบริเวณซอกนิ้ว มีลักษณะคัน ผิวเป็นขุย เป็นสะเก็ดหรือเป็นปื้นขาว ลอกออกเป็นแผ่นๆ ได้ ซึ่งการติดเชื้อรามักเกิดเฉพาะรายที่มีความชื้นสะสมที่เท้าอยู่เป็นเวลานาน ในคนปกติไม่ต่ำกว่าสองสัปดาห์ และไม่ได้เป็นสาเหตุของผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้าทุกราย

เท้าของผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้าระยะที่สองนี้ มักมีกลิ่นเหม็นเนื่องจากการหมักหมมของน้ำเหลืองและการติดเชื้อโรคที่กล่าวมาข้างต้น

การรักษาโรคน้ำกัดเท้าทำได้อย่างไรบ้าง

การป้องกัน คือ การรักษาที่ดีที่สุด การป้องกันตั้งแต่แรก โดยการรักษาความสะอาดและลดความชื้นที่เท้าลงให้มากที่สุด

- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรก โดยใส่รองเท้าบู๊ต หรือใช้ถุงดำครอบให้เหนือกว่าระดับน้ำทุกครั้งที่ต้องเดินย่ำน้ำ หากน้ำที่ท่วมขังมีระดับสูงกว่าขอบรองเท้า อาจแล้วใช้หนังยางรัดไว้ไม่ให้น้ำเข้าได้

- หรือทาวาสลีน (Vaseline) หรือยาขี้ผึ้งมันๆ บริเวณง่ามเท้า ลดโอกาสที่น้ำจะซึมผ่านผิวหนัง และทำให้เกิดความชื้นหรือผิวหนังเปื่อยได้ง่าย สำหรับผู้ประสบอุทกภัยซึ่งไม่สามารถหาวาสลีนได้ อาจใช้ยาขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อนที่เรียกว่าวิทฟิลด์ หรือขี้ผึ้งประเภทเดียวกันทาแทนได้

- หากจำเป็นต้องเดินย้ำน้ำสกปรกที่ท่วมขังอยู่ เสร็จธุระแล้วให้รีบล้างตัวด้วยสบู่และน้ำสะอาดถ้าหาได้

- ไอโอดีนจำนวน 8 หยด ผสมน้ำประมาณ 1 ลิตร และเช็ดให้แห้ง

- หลังจากล้างและเช็ดเท้าจนแห้งแล้ว ให้ใช้แป้งฝุ่นเด็ก (ถ้ามี)โรยบริเวณง่ามเท้าเพื่อให้แห้งอยู่เสมอ

- หากพบว่ามีบาดแผลเกิดขึ้น ควรพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสของแผลกับน้ำที่ท่วมขัง ใส่ยาโพวิโดน ไอโอดีน และเมื่อแผลมีลักษณะอักเสบรุนแรงขึ้น ให้พบแพทย์เพื่อประเมินอาการ เพื่อแก้ไขอย่างถูกต้องทันท่วงที

การรักษาโรคน้ำกัดเท้า

การรักษาโรคน้ำกัดเท้าต้องพิจารณาระยะของโรค เนื่องจากมีอาการและสาเหตุที่แตกต่างกัน

- ระยะแรกที่มีอาการเท้าเปื่อย ลอก แดง คันและแสบ อาจใช้ยาทาสเตียรอยด์อ่อนๆ เช่น ไตรแอมซิโนโลนครีม หรือเบตาเมทาโซนครีม โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรา หรือถ้ามียาสูตรผสมของสเตียรอยด์กับยาทาฆ่าเชื้อราก็สามารถใช้แทนได้ ข้อจำกัดคือยาทาสเตียรอยด์อาจทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น

- การใช้ยาขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อนตำรับวิทฟิลด์ หรือขี้ผึ้งทาแก้น้ำกัดเท้าสูตรเข้ากำมะถัน ทาบริเวณที่เริ่มมีอาการวันละ 3 ครั้ง สามารถแก้ไขอาการเท้าเปื่อย ลอกแดง และคัน ซึ่งยังไม่ติดเชื้อได้ และหากทาก่อนโดนน้ำจะช่วยลดความเปียกชื้นของผิวได้ และมีตัวยาต้านการติดเชื้อ ลดอาการคัน ลดการเกิดแผลถลอก ที่จะทำให้ติดเชื้ออื่นได้ดี

- ในรายที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่เป็นไม่มาก อาจใช้การชะล้างบริเวณแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น น้ำเกลือ หรือน้ำด่างทับทิม แล้วทาแผลด้วยยาฆ่าเชื้อโรค เช่น โพวิโดน ไอโอดีน หรือยาทาวิทฟิลด์ ตำรับที่ผสมกำมะถันก็ได้

- ในรายที่มีการติดเชื้อรา สามารถใช้วิทฟิลด์ได้ดีไม่ต่างจากยาทาต้านเชื้อราอื่นๆ เช่น ยาทาโคลไตรมาโซล ซึ่งมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน แต่ลดความชื้นที่ผิวหนังได้น้อยกว่า

- ในรายที่มีการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และรับการรักษาโดยยารับประทานและทำแผลอย่างถูกวิธี

- ขี้ผึ้งวิทฟิลด์มีราคาประหยัด ติดผิวหนังได้ดี ไม่ถูกชะออกได้ง่ายเหมือนยาทาโคลไตรมาโซลซึ่งเป็นครีมและใช้เพื่อป้องกันได้ เป็นทางเลือกหลักสำหรับกรณีโรคน้ำกัดเท้าที่เกิดขณะมีอุทกภัย

- เมื่อเป็นเชื้อราแล้วหายยาก ใช้ยาทาติดต่อกัน 3-4 สัปดาห์จนผิวหนังเหมือนหายปกติ ควรใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดใช้ยาเอง การหยุดยาเร็วเกินไปขณะที่เชื้อยังไม่หมดจะกลับเป็นซ้ำอีกได้ง่าย แนะนำให้ใช้ทายาต่อเนื่องหลังหายแล้วอีกอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์

- ในรายที่อาการรุนแรงหรือมีการติดเชื้อราที่เล็บร่วมด้วย อาจจำเป็นต้องใช้ยารับประทาน ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป 

อาการข้างเคียง หรือข้อควรระวังในการใช้ยาทารักษาโรคน้ำกัดเท้า

อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ การระคายเคืองบริเวณที่ทายา ควรหลีกเลี่ยงการทาในบริเวณที่มีแผลเปิด หากใช้แล้วเกิดอาการแพ้ แสบ หรือระคายเคืองอาจหยุดใช้สักระยะ เมื่อการระคายเคืองลดลงสามารถลองใช้ใหม่ได้