posttoday

เปล่งเสียง ร้องเพลง เพื่อสุขภาพกาย-ใจ

30 มกราคม 2553

“เสียง” เป็นเครื่องมือสำคัญใช้ในการระบาย หรือปล่อยวางทางอารมณ์ได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ หากรู้จักใช้และนำมาจัดระเบียบร่างกาย จิตใจ....

“เสียง” เป็นเครื่องมือสำคัญใช้ในการระบาย หรือปล่อยวางทางอารมณ์ได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ หากรู้จักใช้และนำมาจัดระเบียบร่างกาย จิตใจ....

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

การร้อง หรือ การเปล่งเสียง ของมนุษย์มีความหมายหลายอย่าง ทั้งยังมีประโยชน์มากมายเช่นเดียวกัน บางคนอาศัยเสียงร้องเพื่อระบายอารมณ์ ใช้เสียงร้องเพื่อสื่ออารมณ์ แสดงถึงความสุข ทุกข์ เศร้า เหงา และรัก นอกจากนี้ ก็มีบางคนอาศัยเสียงร้องเป็นเครื่องปลดปล่อยอารมณ์ ความอัดอั้นตันใจต่างๆ อย่างได้ผล

มุมมองเรื่องการใช้ประโยชน์จากการเปล่งเสียงร้องออกมา จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทั้งยังเป็นที่รู้กันดีแล้วว่า การร้องเพลงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยผ่อนคลายจากความเครียดได้ โดยเฉพาะหากได้ฝึกฝนการร้องเพลงอย่างถูกวิธียังจะช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย

ต่อไปนี้คือวิธีง่ายๆ จากนักร้องมือรางวัลและครูฝึกการ ร้องเพลงชื่อดัง “กบ” เสาวนิตย์ นวพันธ์ เจ้าของสถาบัน สอนการขับร้องเพลงและดนตรี “ไปรเวท สตูดิโอ”

เปล่งเสียง ร้องเพลง เพื่อสุขภาพกาย-ใจ

เครื่องมือที่ถูกที่สุดสำหรับสุขภาพ

เสาวนิตย์ เล่าว่า ประโยชน์ของการร้องเพลงมีอยู่มากมาย ทุกวันนี้คนเครียดจากการทำงาน มีชีวิตเป็นมนุษย์ทำงาน ถูกหล่อหลอมและล้อมกรอบด้วยความคิดที่ต้องแข่งขัน ถูกวัดผลหรือประเมินผลตลอดเวลา ไม่ได้ตั้งใจจะเครียดแต่กลับรู้สึกเครียดโดยอัตโนมัติ เครียดอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นสภาพบังคับที่อยากจะหนีแต่ก็ทำไม่ได้ สภาพจิตใจที่คับข้องส่งผลต่อเนื่องถึงสภาพร่างกายที่พานย่ำแย่ไปด้วย หลายคนที่มีปัญหาทางจิตใจจนส่งผลต่อร่างกายไปด้วย (กลุ้ม-เครียด-โทรม-ป่วย)

นอกจากนั้น พฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะนอนดึกตื่นเช้า หรือนอนเช้าตื่นดึก ผิดเวลานอนและผิดเวลารับประทาน การรับประทานอาหาร ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ก็ทำให้ร่างกายเกิดพิษร้ายที่หมักหมม ทฤษฎีของครูกบคือการปลดปล่อยของเสียที่ไม่ดี ต่อร่างกายออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อให้ร่างกายกลับสู่ธรรมชาติ

“เสียง” เป็นเครื่องมือสำคัญใช้ในการระบาย หรือปล่อยวางทางอารมณ์ได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ หากรู้จักใช้และนำมาจัดระเบียบร่างกาย จิตใจ การปลดปล่อย และการรู้จักตัวเองในท้ายที่สุด

4 ขั้นตอนง่ายๆ ใช้เสียงร้อง (เพลง) บำบัด-ฟื้นฟูสุขภาพ

1.การจัดระเบียบร่างกาย

ในโลกนี้มีเทคนิคการจัดระเบียบร่างกายหลายทฤษฎี แต่สำหรับนักร้องหรือผู้ใช้เสียงในการแสดง มีทฤษฎีหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลาย เรียกว่า “อเล็กซานเดอร์ เทคนิค” เจ้าของเทคนิคเป็นนักแสดงละครร้องชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเสียงและความสามารถ แต่เมื่อร้องไปๆ เสียงของเขาก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เจ้าตัวกลุ้มใจถึงขนาดว่าแทบจะเลิกอาชีพ เขาจึงหยุดพักงานแสดงทั้งหมดและเข้าไปอยู่ในห้องที่มีกระจก 4 ด้าน เพื่อจะได้มองเห็นและศึกษาอิริยาบถในแต่ละวันของตัวเองว่า ได้ทำอะไรหรือใช้ร่างกายเคลื่อนไหวผิดสุขลักษณะอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากเขาเชื่อว่าการใช้เสียงที่บกพร่องมีต้นเหตุมาจากการใช้ร่างกายที่ผิด

อเล็กซานเดอร์ เทคนิค ระบุว่า การร้องที่มีพลังมาจากการใช้กล้ามเนื้อที่ถูกวิธี โดยกล้ามเนื้อที่ใช้ในการร้องเพลงเป็นกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจทั้งหมด รวมทั้งกล้ามเนื้ออื่นที่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจแต่ก็เกี่ยวโยงถึงกัน ได้แก่ การนั่ง ยืน เดิน ซึ่งโดยพื้นฐานควรทำให้ถูกสุขลักษณะ เพราะในระยะยาวหากทำไม่ถูกวิธีแล้ว จะส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็ง และกระทบต่อการออกเสียงได้

ครูกบ สาธิตการนั่งที่ถูกต้องว่า ต้องนั่งให้เต็มก้น อย่าเอนหรือโน้มไปข้างหน้าข้างหลังจนเกินไป เข่าตั้งฉากกับพื้น โดยระยะห่างของหัวเข่าทั้งสองข้างควรให้เท่ากับความห่างของ หัวไหล่ ฝ่าเท้าแบนราบสัมผัสพื้นเต็ม ยืดตัวและผึ่งไหล่พอสบาย ด้วยวิธีนี้จะทำให้หายใจสะดวก ซึ่งช่วยได้เยอะเรื่องสุขภาพ เหมือนกับการยืนหรือการเดิน ให้พยายามนึกภาพกระดูกหลังของมนุษย์ที่เป็นรูปตัวเอส จะช่วยให้การพยุงตัวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น (Alignment) การเดิน การนั่ง การยืนหรือแม้แต่การนอนที่ผิดธรรมชาติ จะทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานผิด เกร็ง ตึง และท้ายที่สุดก็ป่วยไข้ หลอดเลือด ปอด ไต สมอง ทางเดินอาหาร ผิวพรรณ และอวัยวะเสื่อมถอย

2.การจัดระเบียบจิตใจ

การจัดระเบียบจิตใจ หมายถึง การโฟกัสหรือรวมศูนย์ความคิด ซึ่งสำคัญมากต่อการร้องเพลงให้ถูกวิธี โดยจุดโฟกัสทางความคิดของผู้ร้อง ในทางหนึ่งก็สามารถช่วยในเรื่องของสมาธิด้วย โดยช่วยให้เรานิ่งรวมทั้งควบคุมจิตใจ นับเป็นการช่วยผ่อนคลายอารมณ์ภายใน ช่วยจัดระเบียบ และทำให้ผู้ร้องมองเห็นตัวตนภายในได้ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันก็เท่ากับเป็นการปล่อยวางทางความคิด หยุดสับสน ซึ่งช่วยได้มากสำหรับคนที่ชอบคิดฟุ้งซ่าน

ครูกบแนะนำว่า การจัดระเบียบจิตใจ ต้องค่อยๆ ทำ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้อย่างใจหรือยังฟุ้งจับไม่ติดในตอนแรกก็อย่าเพิ่งท้อแท้เลิกทำเสียก่อน ถ้าทำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จะพบว่า การฝึกจะช่วยให้มีสติมากขึ้น ทำทุกอย่างได้ดีขึ้น รู้ว่าตึงก็ให้คลาย รู้ว่าเครียดก็ให้ปล่อย ค่อยทำค่อยเข้าใจแล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ สำคัญคือ ความรู้สึกที่อยากร้อง แล้วได้ร้องอย่างใจ แค่นี้ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ถูกต้องแล้ว

3.การปลดปล่อย

ประโยชน์ของการร้องเพลง นอกจากจะช่วยในแง่ของการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยในแง่ของจิตใจที่นิ่งเบา ในแง่ของการบำบัดยังช่วยในแง่ของสุขภาพทางจิต โดยครูกบเชื่อว่า “เสียง” ของคนนั้นจะปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็เป็นส่วนใหญ่ ดังจะเห็นได้จากคนที่มีอารมณ์โกรธ พอได้ตะโกนด้วยเสียงดังก็จะช่วยให้หายโกรธได้มาก ขณะที่คนซึ่งกำลังตกอยู่ในอารมณ์รักใคร่ การร้องเพลงหวานชื่นก็ลดอาการฟุ้งซ่านได้เยอะ หรือแม้คนที่ระทมทุกข์เศร้า เมื่อได้ร้องเพลงพร่ำพรรณนา ความโศกเศร้าก็จะคลาย

“อารมณ์ที่อยู่ภายในมีพลังของตัวเองที่ผลักออกมาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า อารมณ์รัก อารมณ์ร้อยแปด ไม่ว่าอารมณ์ใดๆ การระบายออกด้วยเสียงจึงเป็นเครื่องมือแรกของการระบาย เป็นเรื่องของการปลดปล่อยที่จำเป็นสำหรับทุกคน ในทางตรงกันข้าม หากมีอารมณ์แล้วไม่ระบายออก ยิ่งทำให้อารมณ์ร้าย เช่น อิจฉาริษยา ยิ่งเก็บอัดอั้นไว้จะยิ่งเป็นพิษ” ครูกบสอน

บางคนมีกรอบกั้นตัวเอง ไม่กล้าร้องไม่กล้าเปล่งตะโกน เพราะกลัวผิด คำตอบในเรื่องนี้คือ ร้องออกมาเถอะ ร้องอะไรก็ได้ ร้องเป็นเพลงออกมาดัง ๆ ความหมายก็คือ “ปล่อย” ออกมาเถอะ อิงกับหลักคิดเรื่องการใช้ชีวิตว่า ชีวิตผิดได้ แต่ก็แก้ไขได้ การระบายออกมานัยหนึ่งคือ การให้อภัยตัวเอง

4.“ถอดให้ออก” การกลับสู่ตัวตนที่แท้      

ผ้าผ่อนนั้นถอดง่าย สกปรกก็ถอดซัก เหวี่ยงเข้าเครื่องซักผ้าแล้วกดปุ่ม หัวโขนก็ยังถอดง่าย หากทำใจได้ว่าหมดอำนาจวาสนา หมดบทบาทแล้วก็เปลื้องทิ้งเครื่องทรง หรือแม้กระทั่งตำแหน่งทางการเมือง ชั่วพริบตาเดียวก็ไปหมด แต่สิ่งที่ถอดไม่ออก ถอดยากแสนยาก กลับคือ ตัวตนของเราเอง ที่บางครั้งเรา “อิน” กับบทบาท กับตัวตน กับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าจนมากเกินไป กระทั่งก้าวไปข้างหน้าไม่ถูก

หากหยุดคิดสักนิด ถอยหลังออกมาสักหน่อย จะพบว่า แท้ที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าที่เป็น สุขไปก็ไม่ได้มากไปกว่านี้ ทุกข์ไปก็ไม่ได้มากไปกว่านี้ ปลดปล่อยความรู้สึกแล้วจะช่วยให้สบายใจขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น และทำให้ได้เห็นตัวตนที่แท้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการปลดปล่อย

ครูกบทิ้งท้ายก่อนจากกันว่า การเรียนร้องเพลงที่ถูกหลัก ยังจะทำให้เราได้รับความรู้ความเข้าใจในทักษะการใช้เสียง การรักษาเสียงอย่างถูกต้องเหมาะสม ทำให้เรารู้จักฟังเพลงเป็น เข้าถึงเพลง เข้าใจความหมายความเป็นไปของเพลงได้ดีขึ้น แน่นอนที่สุดก็จะมีความสุขขึ้นด้วย

ใครไม่อยากกลุ้ม-เครียด ก็มาร้องเพลงกันดีกว่า เปิดรับความรื่นรมย์ของชีวิตด้วย “เสียงเพลงที่เพราะที่สุด” ของตัวคุณเอง และเมื่อรู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อยแล้ว ก็จะรู้สึกว่าได้พักกาย-ใจ เห็นมั้ยล่ะว่า ชีวิตยังมีอะไรสนุกๆ ให้ทำอีกตั้งเยอะ