posttoday

เมื่อกายจิตพร้อม (ก็) สร้างลูกประเสริฐได้

21 มกราคม 2553

สิ่งสำคัญของการเป็นมนุษย์นั้นไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดเฉลียวหรือร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เหนือผู้อื่น หากแต่อยู่ที่จิตใจอันดีงาม

สิ่งสำคัญของการเป็นมนุษย์นั้นไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดเฉลียวหรือร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เหนือผู้อื่น หากแต่อยู่ที่จิตใจอันดีงาม

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

หากเราพิจารณาข่าวต่างๆ ตามหน้าสื่อทุกวันนี้ เรามักพบแต่ข่าวด้านลบมากกว่าข่าวสารด้านบวก คาดว่าคำถามหนึ่งที่น่าจะผุดขึ้นมาในใจของพ่อแม่ทุกคู่คือ พวกเขาจะสามารถให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกน้อยที่เกิดมาให้มีคุณภาพ และเป็นคนดีของสังคมได้อย่างไรท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมปัจจุบัน เพราะสิ่งสำคัญของการเป็นมนุษย์นั้นไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดเฉลียวหรือร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เหนือผู้อื่น หากแต่อยู่ที่จิตใจอันดีงามพร้อมด้วยสติปัญญาในการมองโลกและปฏิบัติตนจึงจะนับได้ว่าเป็นมนุษย์ผู้มีคุณค่า

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จากเสถียรธรรมสถาน ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในงานเสวนา "กายพร้อม ใจพร้อม สร้างอภิชาตบุตร" เปิดตัวศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรของโรงพยาบาลนครธนว่า ชีวิตมนุษย์ทุกคนล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปตามกรรมของตนเอง ทั้งที่เป็นกุศลกรรมอันดีงามและอกุศลกรรมด้านลบ สังคมจึงสามารถแปรเปลี่ยนไปได้ทั้งในด้านดีและร้าย ตราบเท่าที่มนุษย์ทุกคนยังมีสถานะเป็นองค์ประกอบของสังคมโดยรวม ซึ่งในจุดนี้คุณแม่เชื่อว่าผู้เป็น พ่อแม่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการจรรโลงสังคมให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการมอบสิ่งดีงามให้บุตรของตนแต่แรกเริ่มปฏิสนธิ

เมื่อกายจิตพร้อม (ก็) สร้างลูกประเสริฐได้ แม่ชีศันสนีย์

ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมรักและปรารถนาอยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอเป็นธรรมดา ของสิ่งใดที่ว่าดีก็จะเสาะแสวงหามาให้ สวดมนต์ภาวนาครั้งใดก็จะอธิษฐานจิตขอให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง ขอให้มีแต่สิ่งดีงามเกิดขึ้นกับลูกของตน และแน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมอยากเห็นลูกของตนเติบโตขึ้นมาได้ดียิ่งกว่าตนหรือเรียกได้ว่าเป็น "อภิชาตบุตร" ผู้มีคุณสมบัติสูงยิ่งกว่า บิดามารดา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากอำนาจแห่งรักทั้งสิ้น

คุณแม่กล่าวว่า การสร้างอภิชาตบุตรให้เกิดขึ้นนั้นไม่จำเป็นว่าพ่อแม่จะต้องรอให้ลูกคลอดและเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นก่อนจึงจะเป็นได้ แต่แท้ที่จริงแล้วคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของผู้เป็นอภิชาตบุตรนั้นจะต้องเป็นบุตรที่สามารถพาพ่อแม่ดำเนินชีวิตเข้าสู่แนวทางแห่งธรรมได้ ดังนั้นในมุมมองของคุณแม่ การสร้างอภิชาตบุตรจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนสามารถกระทำได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ปฏิสนธิตั้งครรภ์

นอกเหนือไปจากการเตรียมสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์เหมาะสมกับการปฏิสนธิและตั้งครรภ์แล้ว ผู้เป็นพ่อแม่ยังจะต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะปรับสมดุลจิตใจ ตั้งมั่นอยู่ในกุศล ทำความดี ละความชั่ว รักษาศีลให้กายใจบริสุทธิ์ เตรียมความพร้อมเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เมื่อพ่อแม่เปี่ยมด้วยกุศลกรรม เด็กก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เรียกได้ว่า ลูกเป็นพลังใจผลักดันให้พ่อแม่ทำแต่ความดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สิ่งนี้ก็ถือได้ว่า เด็กคนนั้นเป็นอภิชาตบุตรแล้ว

"การที่เด็กหนึ่งคนถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นพระในบ้าน โอกาสที่เด็กจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้เจริญด้วยอริยะย่อมสูงขึ้น จึงนับเป็นการสร้างโลกให้ดีขึ้นและเต็มไปด้วยกุศลกรรมจากจุดเริ่มต้นด้วยการสรรค์สร้างเด็กให้ดีตั้งแต่พื้นฐาน บ้านจึงเป็นที่สร้างกระแสอริยะสำคัญในสังคม โดยมีพ่อแม่เปรียบเสมือนพระในบ้าน เช่นเดียวกับพระนางผุสดี ในเวสสันดรชาดก ซึ่งในภายหลังได้เกิดเป็นพระนางสิริมหามายาในเวลาต่อมา ก่อนจะถือกำเนิดเป็นพระพุทธมารดาได้นั้น ก็ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรภาวนาอธิษฐานจิต รักษาศีล ปฏิบัติธรรมอยู่ในวินัยอย่างเคร่งครัด และมีจิตใจเป็นกุศล จึงจะให้กำเนิดผู้มีบุญได้"

แม่ชีศันสนีย์กล่าวอีกว่า แม้ผู้ประสบภาวะมีบุตรยากก็มิใช่ข้อยกเว้น ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีทันสมัยมากมายช่วยให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเตรียมความพร้อมทางกายภาพเท่านั้น การขัดเกลาทางจิตใจเป็นเรื่องที่ต้องกระทำควบคู่กันไปเพื่อให้เด็กที่เกิดมาสมบูรณ์พร้อมอย่างแท้จริง

จะเห็นว่าแนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการรักษาของศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรของโรงพยาบาลนครธน ซึ่งเน้นการรักษาแบบองค์รวมผสมผสานกับแพทย์ทางเลือกแขนงต่างๆ ประยุกต์ใช้เข้ากับการรักษาเพื่อปรับสมดุลให้แก่ผู้ประสบปัญหาให้ถึงพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ

อาจารย์สุกัญญา หงส์ประภาส ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ไทยของโรงพยาบาลนครธน อธิบายว่า การเตรียมความพร้อมให้กับพ่อแม่ด้านจิตใจถือว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกับความพร้อมด้านร่างกาย ความเครียดถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในการรักษาผู้มีบุตรยากและยังมีผลกระทบต่อเนื่องไปตลอดช่วงการตั้งครรภ์ 9 เดือน เมื่อแม่เครียดย่อมส่งผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อลูกน้อย

อาจารย์สุกัญญาแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับใช้ความรู้แพทย์แผนโบราณมาช่วยในเรื่องนี้ได้ เช่น การปรับสมดุลร่างกายด้วยการรับประทานพืชผักสมุนไพรไทยแทนที่อาหารเสริมราคาแพง การกำหนดฝึกลมหายใจรักษาสมาธิ ออกกำลังกายผ่อนคลายความเครียดด้วยการนวดกดจุดแผนโบราณหรือการฝังเข็มตามหลักการแพทย์จีนโบราณ พร้อมกันนั้นยังแนะให้พ่อแม่ทุกคู่รักษาจิตให้แจ่มใสด้วยการสวดมนต์ภาวนา รักษาศีล 5 เหล่านี้ถือว่าเป็นการสร้างเสริมรากฐานที่สำคัญให้แก่ลูกน้อยแล้ว

เเต่ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลนครธนเองก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องของวิทยาศาสตร์ เเละเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทางโรงพยาบาลได้นำเข้ามาให้บริการเเก่ว่าที่คุณพ่อคุณเเม่ที่ประสบปัญหามีบุตรยาก

นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์เฉพาะทางด้านภาวะผู้มีบุตรยาก กล่าวว่า จริงๆ เเล้วหลายคนเข้าใจผิดว่าศาสนากับเรื่องของวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ไปด้วยกันไม่ได้ เเต่ในมุมมองของโรงพยาบาลนครธนเเล้ว เชื่อว่าการนำเอาหลักศาสนาเเละการ เเพทย์ทั้งเเผนปัจจุบันเเละการแพทย์แผนทางเลือกมาผสมผสานใช้ด้วยกัน น่าจะทำให้เกิดผลดีที่สุดต่อทั้งคู่สมรสที่ตั้งใจจะมีบุตร เเละต่อลูกน้อยในครรภ์ที่จะลืมตามาดูโลกด้วย

การใช้เทคโนโลยีรักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น การผสมเทียม การทำกิฟต์ การปฏิสนธินอกร่างกายด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว การทำพรอสท์ อิคซี่ การบริจาคไข่ ตัวอ่อน อสุจิ ตลอดไปจนถึงการตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่เพิ่มโอกาสให้ทารกที่มากำเนิดมีสุขภาพแข็งแรงเเละทางศูนย์ยังมีความพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ในอนาคตอีกด้วย

นพ.พิสิฐ กล่าวสรุปว่า ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรของโรงพยาบาลนครธน มีเทคโนโลยีที่นำสมัย เเต่ก็ไม่ได้ละ ทิ้งเรื่องของศาสนา ยังคงมุ่งเน้นการรักษาด้วยหลักการแบบองค์รวมให้ เกิดความสมดุลระหว่างทางร่างกาย และจิตใจเพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษา รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดตามแนวคิด "อบอุ่น ใส่ใจ ให้เวลา" ร่วมกับการผสมผสานการแพทย์แผนโบราณอย่างลงตัว เพื่อให้เราสามารถสร้างศูนย์เทคโนโลยี เเห่งนี้ เป็นห้องที่จะสร้างกุศลให้เกิด ทั้งกับตัวเด็กเเละพ่อเเม่ที่ประสบปัญหา มีบุตรยากได้

เพื่อให้ได้อภิชาตบุตรในที่สุด ตามเเนวคิดที่คุณแม่ชีศันสนีย์ได้ให้ไว้