posttoday

7+1 กลุ่มเสี่ยงที่รณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

04 มิถุนายน 2563

สาธารณสุขรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์ พร้อมแนะหลัก 'ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด' ยุติโรคหน้าฝน

ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีการรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์

สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่

  1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 
  2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 
  3. ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 
  4. บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 
  5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 
  6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  7. โรคอ้วน (ผู้ที่มีน้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)

รวมทั้งกลุ่มบุคลากรการแพทย์

โดยสามารถขอรับบริการวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2563 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้เตือนประชาชนให้ดูแลสุขภาพตนเองในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ พร้อมแนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ควรพกอุปกรณ์กันฝนติดตัวออกจากบ้านทุกครั้ง

โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้มีฝนตก อากาศมีความชื้นสูงขึ้น เอื้อต่อการระบาดของเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานน้อย เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งกลุ่มดังกล่าวหากป่วยจะมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคจากการติดเชื้อไวรัส เกิดจากการติดเชื้อ Influenza Virus โดยการติดเชื้อที่พบในมนุษย์ คือ สายพันธุ์ A, B และ C ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มักพบการระบาดได้ในสถานที่แออัดหรือในชุมชน สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกช่วงกลุ่มอายุ การติดต่อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากปากและการหายใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ หรือบางรายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จะมีอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว

7+1 กลุ่มเสี่ยงที่รณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจสามารถป้องกันได้ โดยขอให้ประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่ 

  • ปิด คือปิดปากและปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง 
  • ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล เมื่อสัมผัสสิ่งของ กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได หรือราวบนรถโดยสาร 
  • เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือเข้าไปในสถานที่แออัด ซึ่งมีคนอยู่จำนวนมาก
  • หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง หากมีอาการให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่สถานพยาบาล

สำหรับในช่วงนี้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อโควิด 19 แต่หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านหรือไปทำงาน นอกจากต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งแล้ว ควรมีหน้ากากสำรองไว้เปลี่ยนในกรณีเปียกฝน ควรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในวงกว้าง ที่สำคัญในช่วงฤดูฝนนี้ควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเปียกฝน ซึ่งจะสามารถลดการอับชื้นและลดการสะสมของเชื้อราอันเป็นสาเหตุของการไม่สบายตัวและนำไปสู่การเจ็บป่วยได้