'ทุเรียน' ราชาแห่งผลไม้กับพลังงานที่ซ่อนอยู่

ซีซั่นนี้บ้านเรามี "ทุเรียน" ผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" ออกมาวางขายให้เห็นจนชินตา แต่ว่าทุเรียนก็มีให้เลือกกินกันได้หลายสายพันธุ์ แตกต่างกันทั้งขนาด สีสัน กลิ่นหอม เนื้อสัมผัส และพลังงานแคลอรีที่ได้จากการกินทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ก็ยังต่างกันอีกด้วย ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทุเรียนพันธุ์ที่เราโปรดปรานจะให้พลังงานเท่าไหร่กัน

พันธุ์หมอนทอง

ทุเรียนหมอนทองมีเนื้อเป็นสีเหลืองอ่อนคล้ายสีทองอร่าม ทุเรียนพันธุ์นี้กลิ่นไม่แรงมาก รสหวานมันกำลังดี จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นทุเรียนพันธุ์ยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของไทย ทุเรียนหมอนทอง 1/2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 40-100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 163 กิโลแคลอรี มีน้ำตาลประมาณ 21.3 กรัม

พันธุ์ชะนี

พันธุ์นี้มีกลิ่นค่อนข้างแรง เนื้อทุเรียนชะนีจะมีสีเหลืองจัด รสหวานจัดจ้าน และราคาถูกกว่าหมอนทอง ทุเรียนชะนีปริมาณ 100 กรัม (ราว 1 เม็ดขนาดใหญ่) ให้พลังงานประมาณ 148 กิโลแคลอรี มีน้ำตาลประมาณ 7.7 กรัม

พันธุ์ก้านยาว

พันธุ์นี้ค่อนข้างหากินยาก ราคาของทุเรียนก้านยาวจึงค่อนข้างแพง ส่วนรสชาตินั้นต้องบอกว่ากลมกล่อม หวานมันกำลังดี เนื้อเนียนละเอียด มีสีเหลืองปานกลาง และกลิ่นไม่แรงมากนัก ด้วยความที่มีรสชาติดี เนื้อหวานมันอร่อย ทุเรียนก้านยาวปริมาณ 100 กรัมจึงให้พลังงานมากถึง 187 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว ส่วนปริมาณน้ำตาลในทุเรียนก้านยาว 100 กรัม จะมีน้ำตาล 12.9 กรัม แต่ถ้าเป็นขนาด 1 เม็ดใหญ่ จะมีน้ำตาลอยู่ 9 กรัม

พันธุ์กระดุม

ทุเรียนกระดุมมีผลขนาดเล็กสมชื่อ เนื้อค่อนข้างละเอียด นุ่ม มีสีเหลืองอ่อน แต่เนื้อจะค่อนข้างบางและมีเมล็ดขนาดใหญ่ กลิ่นไม่ฉุนนัก ส่วนรสชาติออกหวาน ไม่มันเหมือนทุเรียนพันธุ์อื่น ทุเรียนกระดุม 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 134 กิโลแคลอรี เพราะพูค่อนข้างเล็กและรสชาติที่ออกหวานอย่างเดียวก็มีปริมาณน้ำตาลราวๆ 11.3 กรัม หรือถ้าทาน 1 เม็ดใหญ่จะมีน้ำตาลประมาณ 3.5 กรัม

คำแนะนำในการกินทุเรียน

ข้อมูลโดย พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ระบุว่า ทุเรียนจัดอยู่ในอาหารกลุ่มผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต หากต้องการกินทุเรียนให้ได้รับประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารที่เหมาะสม ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ด ไม่กินถี่ทุกวัน และลดอาหารกลุ่มข้าวแป้ง ของหวานในมื้อที่กินทุเรียน แต่ถ้าใครชอบกินทุเรียนมาก โดยกินครั้งละประมาณ 2-3 พู หรือ 4-6 เม็ด เท่ากับร่างกายจะรับพลังงานสูงถึง 520-780 กิโลแคลอรี ซึ่งเทียบเท่ากับกินข้าวมันไก่ 2 จาน หรือเท่ากับการกินอาหาร 2 มื้อ

นอกจากนี้ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังเรื่องการกินทุเรียนมากกว่าคนทั่วไป อาจกินได้แต่ต้องกินในปริมาณน้อยกว่าคนปกติและไม่บ่อย เพราะการกินทุเรียนปริมาณมากหรือกินทุเรียนบ่อยๆ จะส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือดของผู้ป่วยได้

ผู้บริโภคไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากทุเรียนเป็นอาหารที่มีไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูงเช่นเดียวกัน เมื่อกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะได้รับพลังงานที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดกระบวนการเผาผลาญเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้น้ำจำนวนมาก ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ อาจเป็นผลทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

นพ.สราวุฒิ บุญสุข เผยว่า ควรกินทุเรียนสลับกับการกินผลไม้ที่หลากหลายชนิดในแต่ละวัน เช่น กินทุเรียนคู่กับมังคุด เพราะมังคุดเป็นผลไม้ที่มีน้ำในปริมาณมาก จึงทำให้มีฤทธิ์เย็นช่วยต้านความร้อนที่เกิดจากกินทุเรียนได้ รวมทั้งยังมีเส้นใยอาหารสูง และสารต้านการอักเสบช่วยแก้ร้อนใน เหมาะกับการกินคู่กับทุเรียน

อย่างไรก็ดี ทุเรียนไม่ได้เป็นผลไม้ต้องห้าม หากอยากกินหรือชอบกิน สามารถกินได้ แต่กินในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยเผาพลาญพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายได้รับ

ทางด้าน พญ.สายพิณ โชติวิเชียร กล่าวว่า การกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ตัวร้อนไม่สบายตัว แต่ถ้ากินมากแล้วเมาหลับไปร่างกายจะขาดน้ำอย่างรุนแรง เมื่อถึงจุดหนึ่งสมองจะเสียน้ำมาก ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ สมองทำงานไม่ดี และอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการหน้าร้อนวูบวาบ สั่น ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ หากหมดสติและนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ การกินทุเรียนที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ควรคำนึงถึงกินในปริมาณที่เหมาะสม และควรกินผลไม้หลากหลายชนิดในแต่ละวัน อาจกินทุเรียนคู่กับมังคุด เพราะมังคุดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นที่ช่วยต้านความร้อนที่เกิดจากกินทุเรียนได้ และมังคุดมีเส้นใยอาหารสูง มีสารต้านการอักเสบช่วยแก้ร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมากด้วย 

ทุเรียนเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีรสชาติหวานมัน ในทางการแพทย์แผนไทยพบว่ามีสรรพคุณทางยา โดยเนื้อหุ้มเมล็ดที่มีรสหวาน กินแล้วรู้สึกร้อน ช่วยแก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้งและขับพยาธิ

ทุเรียนหมอนทองที่มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม เมื่อแกะเฉพาะเนื้อออกจะมีน้ำหนักประมาณ 6 ขีด ซึ่งหากกินหมด 6 ขีด จะได้พลังงาน 978 กิโลแคลอรี่ และหากกิน 4 ลูก จะได้พลังงานเกือบ 4,000 กิโลแคลอรี โดยทุเรียนหมอนทองประมาณ 2 เม็ดที่มีเฉพาะเนื้อ จะให้พลังงานเท่ากับกินข้าว 4 ทัพพี หรือประมาณ 300 กิโลแคลอรี ซึ่งคนทั่วไปโดยปกติกินข้าววันละ 4-6 ทัพพี

ดังนั้น การกินทุเรียนควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ คือควรบริโภคไม่เกินวันละ 2 เม็ด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วน รวมไปถึงผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ก็ควรกินทุเรียนอย่างระมัดระวังในปริมาณที่จำกัด เนื่องจากความหวานรวมทั้งแป้งในทุเรียน

นอกจากนี้ ทุเรียนเมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกร้อน อาจทำให้ผู้ที่โรคประจำตัวอยู่แล้วอาการกำเริบเร็วขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปที่ชอบกินทุเรียน ก็ควรหมั่นออกกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานและไปเผาผลาญสารอาหารที่เกินจำเป็น ซึ่งจะไปสะสมในร่างกายในรูปของความอ้วน