posttoday

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

18 กุมภาพันธ์ 2563

ฝุ่น PM 2.5 กลับมาแล้ว...เมื่อกิจวัตรยามเช้าของเราหลังตื่นนอนในช่วงนี้ คือ การตื่นมาเช็คสภาพอากาศผ่านแอพพลิเคชั่นตรวจวัดคุณภาพอากาศ ลุ้นกันวันต่อวัน ว่าวันนี้อากาศจะเป็นอย่างไร จะสีเขียว สีเหลือง สีส้มหรือสีแดง แต่ไม่ว่าจะสีอะไรก็ส่งสัญญาณให้รู้ว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในบ้านเรายังไม่ได้บรรเทาหรือเบาบางลงเลย แต่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ที่สำคัญ สถานการณ์นี้ยังถูกยกให้เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่อันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงของคนเมืองไปเรียบร้อยแล้ว

หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพอนามัยเริ่มส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้วว่า ฝุ่นละอองจิ๋วที่มีปริมาณสูงในชั้นบรรยากาศ คือ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรงอื่นๆ ในระยะยาว เพราะฉะนั้นการรู้เท่าทันและหาทางป้องกันจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยจากฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ได้ มาดูกันว่า หากร่างกายของเราได้รับฝุ่นจิ๋วนี้เข้าไปจะเกิดอะไรกับร่างกายเราได้บ้าง และเราจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไรเมื่อต้องใช้เวลาในแต่ละวันกับชีวิตที่มีฝุ่นอยู่รอบๆ ตัว

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกาย?

ข้อมูลจาก Institute for Health and Evaluation มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ระบุว่า ฝุ่นละอองในอากาศที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ปะปนไปด้วยก๊าซพิษ โลหะหนัก และสารเคมีต่างๆ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2), โอโซน (O3), ไนโตรเจนและไดออกไซด์ (NO2) เมื่อฝุ่นเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายจะเพิ่มโอกาสหรือความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมองตีบ หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

เนื่องจากขนาดที่เล็กกว่า 1 ใน 25  ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ จึงทำให้ฝุ่น PM 2.5 ที่เต็มไปด้วยมลพิษสามารถเล็ดลอดขนจมูกที่เป็นเหมือนด่านป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินหายใจได้ และเมื่อฝุ่นละอองขนาดจิ๋วเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้แล้ว จะเข้าไปก่อให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย ทำลายสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีหน้าที่กำจัดสารพิษที่เป็นตัวก่อมะเร็ง  ผลกระทบกับร่างกายที่เกิดจะขึ้นกับอวัยวะที่ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปสะสม  เช่น

  • ฝุ่น PM 2.5 ไปสะสมในปอด จะทำให้ปอดอักเสบ ติดเชื้อ ถุงลมโป่งพอง หอบหืดกำเริบเฉียบพลัน และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอีกด้วย
  • ฝุ่น PM 2.5 สะสมที่หลอดเลือด จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัวหรือตีบตัน ถ้าเกิดขึ้นที่หลอดเลือดสมอง มีโอกาสที่สมองจะขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดสมองตีบตันจนเลือดมาเลี้ยงสมองได้น้อยลง เสี่ยงที่จะเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
  • ฝุ่น PM 2.5 สะสมอยู่ที่สมอง เซลล์สมองจะเกิดการอักเสบ เสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย และถูกทำลายจนอาจเกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติได้
  • ฝุ่น PM 2.5 สะสมที่หลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจวายเฉียบพลับตามมาได้

ฝุ่น PM 2.5 ใครได้รับ ก็มีสิทธิ์ป่วยได้

สิ่งที่น่าเป็นห่วงในสถานการณ์ “ฝุ่นจิ๋วมรณะ” หนาแน่นแบบนี้ คือ หลายคนเข้าใจว่า ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบแต่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างเช่น กลุ่มเด็กหรือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร เด็ก หนุ่มสาวที่แข็งแรง ผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัย รวมทั้งคนที่มีปัญหาสุขภาพ ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน หากได้รับฝุ่นจิ๋วมรณะนี้ในปริมาณมากและสะสมมาเป็นเวลานาน

สำหรับเด็กๆ เป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันโรคยังพัฒนาไม่เต็มที่ หากปล่อยให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปทำลายเซลล์สมองจนเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กได้

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

ส่วนผู้สูงอายุ ผลกระทบที่เกิดจากฝุ่นจิ๋วมรณะ เช่น อาจทำให้ความดันโลหิตสูงผิดปกติ หลอดเลือดสมองแข็งตัว เกิดลิ่มเลือดในสมองอุดตันจนทำให้สมองขาดเลือด เซลล์สมองเสียหาย ต้นเหตุของภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งมีภาวะเปราะบางกับมลพิษในอากาศอยู่แล้ว การได้รับฝุ่นจิ๋วมรณะสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมากอาจส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวทารกต่ำกว่าเกณฑ์ หรือมีโอกาสแท้งบุตรได้

และสุดท้ายคนทั่วไปที่สุขภาพแข็งแรง หากได้รับฝุ่นจิ๋วมรณะปริมาณสูง ก็อาจมีอาการระคายเคือง น้ำมูกไหล ไอ จาม แต่ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งปอดและทำให้ความสามารถของปอดเสื่อมลงได้เช่นเดียวกัน

อยู่กับฝุ่น PM 2.5 อย่างไรให้ปลอดภัย

เมื่อวิกฤตฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวัน การหาวิธีปกป้องหรือจำกัดเวลาที่จะต้องสัมผัสฝุ่นให้น้อยที่สุด ดูจะเป็นวิธีที่หลบเลี่ยงฝุ่นจิ๋วมรณะได้ดีที่สุดในเวลานี้

1.หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นขนาดจิ๋วในปริมาณสูง หรืองดกิจกรรมกลางแจ้งเป็นการชั่วคราว เช่น ถนนที่มีการจราจรติดขัด หรือมีผู้ใช้รถใช้ถนนหนาแน่น ออกกำลังกายภายในอาคารแทนการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อลดโอกาสหรือความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับฝุ่นจิ๋วมรณะเข้าสู่ร่างกาย

2.หากจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในโซนที่ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงผิดปกติ ควรหาเครื่องป้องกันที่เหมาะเสม เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย ที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้หรือหน้ากากที่ระบุว่าเป็นชนิด N95 ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

3.เสริมภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย เพื่อลดอาการอักเสบจากฝุ่นจิ๋วมรณะ ด้วยอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรคีน (พืชผักสีส้ม) วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12

หรือเสริมด้วยอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 จากปลาทะเลน้ำลึก นมวัว ถั่วชนิดต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในการลดการอักเสบภายในร่างกายและยังช่วยเสริมสร้างระบบการทำงานของร่างกายให้แข็งแรง รวมถึงยังมีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ลดความเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ต้นเหตุของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและสมองซึ่งเป็น 1 ใน 3 สาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยอีกด้วย

เลือกน้ำมันปลาคุณภาพสูงอย่างไรให้สู้วิกฤตฝุ่นจิ๋วมรณะ

นอกจากปลาทะเลน้ำลึกที่พบว่ามีกรดไขมันโอเมก้า-3 แล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้กับร่างกาย และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าร่างกายจะได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 คุณภาพสูง ปลอดภัยจากสารตกค้าง ควรเลือกน้ำมันปลาที่ใช้วัตถุดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ อย่างเช่น MEGA WE CARE FISH OIL น้ำมันปลาคุณภาพดีที่คัดสรรปลาแองโชวีที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 คุณภาพสูง เกิดและเติบโตในแหล่งธรรมชาติอย่างทะเลน้ำลึกของประเทศไอซ์แลนด์ ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนหรือสารตกค้างจากอาหารหรือสารเคมีปนเปื้อน 

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

นอกจากแหล่งวัตถุดิบที่มั่นใจเรื่องสารตกค้างแล้ว กระบวนการผลิตยังใช้มาตรฐานเทียบเท่าการผลิตยา บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบทึบแสงที่ช่วยคงคุณภาพน้ำมันปลาจนถึงมือผู้บริโภค จนทำให้ MEGA WE CARE FISH OIL ได้รับมาตรฐานการผลิต GMP จากประเทศเยอมันนีและประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมาตรฐาการผลิตที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและยังสามารถวางจำหน่ายได้ทั่วโลก

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รับมืออย่างไรให้ปลอดภัยในระยะยาว

เลือกดูแลสุขภาพ ลดการอักเสบภายในร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันโรค ปกป้องหลอดเลือดหัวใจและสมองในช่วงวิกฤตฝุ่น ด้วย น้ำมันปลา MEGA WE CARE FISH OIL ที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 คุณภาพสูง และขอแนะนำ น้ำมันปลา DHA สำหรับเด็ก หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายของทารกและเด็กให้แข็งแรง เป็นเหมือนเกราะป้องกันอันตรายจากฝุ่นจิ๋วมรณะ PM 2.5 และยังมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการและบำรุงสมองและสายตาของเด็กได้อีกด้วย

สามารถสั่งซื้อ น้ำมันปลา MEGA WE CARE FISH OIL และ DHA ได้แล้ววันนี้ ที่

Vitamin-xpress [Fish oil]  > http://bit.ly/31Ynprl 

Vitamin-xpress [DHA]  > http://bit.ly/38zQqvN 

ทำความรู้จัก Mega We care Fish oil และ DHA มากขึ้น เข้าไปได้ที่

Facebook: www.facebook.com/MEGAWecare 

Website: www.megawecare.co.th