posttoday

ฟิตแค่ไหนถามใจเธอดู เมื่อเปอร์เซ็นต์ไขมันชี้วัดความฟิตได้

12 มิถุนายน 2562

รู้หรือไม่ ว่าไขมันเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความจำเป็นและมีหน้าที่สำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกาย แต่ต้องมีเปอร์เซ็นต์ไขมันที่เหมาะสม

รู้หรือไม่ ว่าไขมันเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความจำเป็นและมีหน้าที่สำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกาย แต่ต้องมีเปอร์เซ็นต์ไขมันที่เหมาะสม

ใครว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข อายุยังก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหลายอย่าง จากสัดส่วนที่เคยเป๊ะปังก็ดูเหมือนจะเริ่มพัง ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนี้เกิดขึ้นจากไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ เข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างความฟิตกับสุขภาพที่ดีใฝ่ฝัน

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็เพราะไขมันนั่นเอง เมื่อพูดถึงไขมัน หลายคนอาจจะนึกถึงความอ้วน การเจ็บป่วย และความเสี่ยงต่อโรคร้ายหลายๆ ชนิด แต่รู้หรือไม่ว่าไขมันเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความจำเป็นและมีหน้าที่สำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกายเหมือนกัน แต่ต้องมีเปอร์เซ็นต์ไขมันที่เหมาะสมด้วยนะ หากมีเปอร์เซ็นต์ของไขมันในร่างกายที่มากไปหรือน้อยไปก็อาจเป็นอันตรายได้

ฟิตแค่ไหนถามใจเธอดู เมื่อเปอร์เซ็นต์ไขมันชี้วัดความฟิตได้

หน้าที่ของไขมันในร่างกาย

  1. ให้พลังงาน ป้องกันการย่อยสลายโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกายเพื่อนำไปใช้
  2. ช่วยดูดซึมวิตามิน A D E และ K
  3. เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อประสาท
  4. ช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ
  5. ป้องกันอวัยวะภายในช่องท้องและหน้าอก
  6. เป็นทั้งฉนวนป้องกันความร้อนและป้องกันการสูญเสียความร้อนเพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย

ปัจจุบันจะเห็นว่าในฟิตเนสมักมีเครื่องชั่งน้ำหนักที่สามารถวัดองค์ประกอบร่างกายจากความต้านทานไฟฟ้าที่บอกปริมาณไขมันในร่างกายให้บริการอยู่ด้วย ซึ่งเครื่องชั่งประเภทนี้ใช้ในการตรวจสอบว่าร่างกายมีปริมาณไขมันเท่าไร โดยดูจากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย หรือ Body Fat Percentage เป็นเกณฑ์

เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย คือสัดส่วนของไขมันในร่างกายที่คิดเป็นร้อยละเมื่อเทียบกับน้ำหนักร่างกาย เช่น คนที่มีน้ำหนัก 60 กก. ที่มีไขมันในร่างกาย 20% เท่ากับมีไขมันหนัก 12 กก. (โดยใช้เครื่องวัด) เป็นต้น ขณะที่การออกกำลังกายและกิจกรรมในชีวิตประจำวันยังส่งผลให้คนที่มีระดับเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่เท่ากันมีรูปร่างที่แตกต่างกันด้วย เนื่องจากมีการใช้กล้ามเนื้อในลักษณะที่ต่างกัน เช่น นักเต้น นักกรีฑา และนางแบบ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องพื้นฐานทางร่างกายของหญิงและชายที่มีการกระจายไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติ เช่น ผู้ชายมักจะมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงจะมีไขมันสะสมบริเวณสะโพกและต้นขามากกว่าผู้ชาย แล้วปริมาณไขมันสะสมในร่างกายที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงยังมีสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชายอีกด้วย เนื่องจากไขมันมีความจำเป็นต่อระบบการเจริญพันธุ์หรือการตั้งครรภ์ในผู้หญิง ดังนั้นนอกจากการออกกำลังกายแล้ว เพศและวัยก็เป็นปัจจัยที่ทำให้รูปร่างของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

แต่กระนั้นเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายนี้ก็เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินองค์ประกอบร่างกายและสุขภาพ เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายและทิศทางในการออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการกำหนดแนวทางโภชนาการที่เหมาะสมได้อีกด้วย

ฟิตแค่ไหนถามใจเธอดู เมื่อเปอร์เซ็นต์ไขมันชี้วัดความฟิตได้


การวัดสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย

  • ชาย 30% ขึ้นไป หญิง 40% ขึ้นไป ถือว่ามีปริมาณไขมันมากในระดับวิกฤต คนกลุ่มนี้มักมีรูปร่างอ้วนกลม มองเห็นเซลลูไลต์บนผิวหนังได้ชัดเจน มีไขมันส่วนเกินกระจายอยู่ทุกส่วนของร่างกายเมื่อใส่เสื้อผ้าจะเห็นเป็นชั้นๆ
  • ชาย 21-30% หญิง 31-40% ถือว่ายังมีปริมาณไขมันส่วนเกินในร่างกาย กลุ่มนี้จะมีรูปร่างท้วม มีชั้นไขมันหนาหุ้มกล้ามเนื้ออยู่
  • ชาย 13-20% หญิง 23-30% มีปริมาณไขมันตามมาตรฐานทั่วไป กลุ่มนี้มีรูปร่างสมส่วน สุขภาพอยู่ในเกณฑ์ดี มีสัดส่วนของร่างกายชัดเจน แต่อาจยังไม่เห็นกล้ามเนื้อมากนัก
  • ชาย 9-12% หญิง 19-22% กลุ่มนี้มีปริมาณไขมันน้อย รูปร่างเพรียวกระชับ กล้ามเนื้อชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้ชายที่ขยันออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าท้อง จะเห็นซิกซ์แพ็กชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
  • ชาย 5-8% หญิง 15-18% กลุ่มนี้มีปริมาณไขมันน้อยมาก รูปร่างเพรียวบาง เห็นกล้ามเนื้อชัดเจนสำหรับผู้หญิงที่มีการออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง นี่คือจุดที่คุณจะได้อวดซิกซ์แพ็กของตัวเองแล้วล่ะ
  • ชายน้อยกว่า 5% หญิงน้อยกว่า 15% ปริมาณไขมันน้อยจนถึงขั้นวิกฤต รูปร่างผอมติดกระดูกอันตรายต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้

สรุปแล้วก็คือ นอกจากจะใช้เกณฑ์เหล่านี้เป็นตัววัดผลของการออกกำลังกายให้ได้กล้ามเนื้อและสัดส่วนตามต้องการแล้ว ปริมาณไขมันในร่างกายยังถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยย้ำเตือนและส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับร่างกายที่แข็งแรงได้อย่างมีความสุข