เพราะสิ่งสำคัญ ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตา
เรื่อง : วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข/สุนันทา คีรีรักษ์
เรื่อง : วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข/สุนันทา คีรีรักษ์
‘ไม่มีความรู้สึกใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว’ที่ ศสช.ห้วยงู (ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวงบ้านห้วยงู จ.เชียงใหม่) คงต้องเริ่มที่นี่ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ ที่ดอยหลวง อ.เชียงดาว เมื่อครูอาสาคนหนึ่งแบกเป้เดินทางมาถึง สุนันทา คีรีรักษ์ ที่เด็กชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ เรียกว่า “ครูสุ”
“เดือนหนึ่งจะมาที่นี่ประมาณ 10 วัน แล้วแต่งานอาสาในช่วงนั้น ที่นี่เป็นชุมชนมูเซอแดง ที่มีเด็กชาวลาหู่มาเรียนหนังสือที่โรงเรียน 15-30 คน”
โรงเรียนที่ครูสุพูดถึง ครั้งหนึ่งเกือบจะเป็นโรงเรียนร้าง เมื่อถูกยกเลิกการสนับสนุนเงินช่วยเหลือ ครูที่มีสอนอยู่เพียงคนเดียวถูกโยกย้ายอัตราจ้างไปสอนโรงเรียนในเมือง เด็กๆ กลายเป็นเด็กเถื่อนที่ไม่มีครู ไม่มีโรงเรียนให้ไป ครูท่านนั้นติดต่อครูสุในฐานะครูอาสาให้เดินทางมาดูด้วยตาตนเอง ถามว่าจะทำอะไรได้บ้าง
“ที่นี่ไกลจากตัวเมืองเชียงดาว 40 กิโลเมตร แต่เพราะถนนไม่ดีมากๆ ก็กลายเป็นไกลมาก ช่วง 11 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงหมู่บ้าน ถ้าน้ำท่วม ก็เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก”
ครูสุมาเห็นและได้เห็น เธอตัดสินใจเป็นครูอาสาสมัคร สอนที่ ศสช.ห้วยงู ตั้งแต่ปี 2561 นักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 45 คน ทุกคนติดครูสุมาก เพราะครูสุไม่ใช่แค่ครู แต่เป็นทุกอย่างตั้งแต่แม่ครัว พยาบาล เพื่อนเล่น การ์ดและแม่
ครูสุทำกับข้าวให้เด็กๆ วันละ 3 มื้อ นม ขนมมี 2 มื้อเป็นอาหารว่าง ทั้งหมดมาจากการรับบริจาคและเงินส่วนตัวของครูสุเอง
อย่างที่บอกว่า ครูสุอาสามาสอนที่นี่เดือนละ 10 วัน ถ้าที่นี่คือเพียง 10 วันต่อหนึ่งเดือน แล้วเวลาที่เหลือครูสุทำอะไร ก็ต้องตอบว่า เวลาถูกใช้ไปกับงานอาสาสมัครมากมายที่เธอทำอยู่ ยกตัวอย่างโครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น ได้แก่ โครงการแพทย์อาสาคลินิกขนาดย่อม ที่แพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อาสา สมัครใจเดินทางไปรักษาผู้ป่วยถึงบ้าน
“เราไปที่โบอ่อง เกาะที่อยู่บริเวณเขื่อนเขาแหลม จ.กาญจนบุรี ประเมินแล้วผู้ป่วยเยอะมาก มี 2 หมู่บ้าน เราก็จัดเป็น 2 จุด จุดแรกที่ห้องเรียนสาขาพระธาตุโบอ่อง กับที่โบอ่อง ซึ่งต้องนั่งเรือเข้าไปอีก”
ครูสุ เล่าว่า ที่โบอ่องได้เจอกับแม่ชาวกะเหรี่ยงมีลูก 2 คน สามีเสียชีวิต แม่คนนี้เป็นแผลกดทับนาน 6 เดือน อัมพาตครึ่งตัว กรณีผู้ป่วยอาการหนักแต่ไม่เคยพบเจอแพทย์แบบนี้ พบเจอได้ทั่วในโบอ่อง ถ้าไม่มีหน่วยแพทย์อาสาเข้าไป พวกเขาก็อยู่กันอย่างนั้น หมายถึงนอนติดเตียง และมีอาการเนื้อตายอยู่แบบนั้น
ในกลุ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่การแพทย์อาสาสมัครคลินิกขนาดย่อม เป็นการรวมกลุ่มกันของเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ประกอบด้วยแพทย์ จิตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากมายที่อาสากันมา ครั้งหนึ่งทีมหนึ่งก็ประมาณ 60-70 คน
นี่เอง... สิ่งเหล่านี้เอง ที่เอาเวลาของครูสุไปหมด ครูสุบอกว่า เธอไม่เคยเสียดายเวลาในการทำสิ่งเหล่านี้ ตรงกันข้ามรู้สึกดีและตั้งใจอย่างมากที่จะทำในสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด
3 ปีที่ผ่านมาคือการสละเวลาเพื่อทำงานอาสาสมัคร โดยเฉพาะในที่ห่างไกลทุรกันดาร ส่วนใหญ่เป็นงานด้านการศึกษาและสาธารณสุข
จากอดีตครูและเจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ปัจจุบันครูสุลาออกมา 3 ปีแล้ว เธอทำธุรกิจของตัวเองได้แก่การจัดจำหน่ายรองเท้าและอุปกรณ์แคมปิ้งทางออนไลน์
นั่นทำให้เธอได้ใช้ชีวิตกับการทำงานอาสาสมัครอย่างเต็มที่ การระดมกำลังและความช่วยเหลือสำหรับงานอาสาสมัครต่างๆ ดำเนินการผ่านเพจเฟซบุ๊ก : subackpacker ครูสุอาสาแบกเป้เที่ยว
ใครสนใจกิจกรรมอาสาหรือต้องการรู้จักครูสุคนแกร่ง ก็แวะเวียนเข้าไปดูกิจกรรมต่างๆ ของเธอได้
“เหนื่อยหรือ ลืมไปเลย ถ้าหยุดสิจะเหนื่อยมากกว่า เนื่องจากคงเบื่อโลกว่าอยู่นิ่งๆ คิดๆ ดูก็เหมือนกับว่า เราเสพติดการอยู่กับเด็ก การอยู่กับรอยยิ้มเสียงหัวเราะ การได้ช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีความรู้สึกใดที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว”