posttoday

จินตนา อุดใจ สุขใดไหนจะเท่าบ้านเรา

17 กุมภาพันธ์ 2562

พูดถึงมิติความสุขของคนเราย่อมแตกต่างตามจริต อุปนิสัย รสนิยม

พูดถึงมิติความสุขของคนเราย่อมแตกต่างตามจริต อุปนิสัย รสนิยมและความชอบของแต่ละคน บางคนอยากใช้ชีวิตในเมืองหลวง ชอบสังคมเมือง ชอบพบปะสังสรรค์ ชอบท่องเที่ยว เป็นต้น บางคนชอบวิถีชนบท ไม่ชอบความวุ่นวายในสังคมเมือง ไหนจะปัญหารถติด ปัญหามลพิษ ปัญหาสังคม และอื่นๆ

เม-จินตนา อุดใจ นักธรณีวิทยา บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ในวัย 33 ปี เป็นคนหนึ่งที่หลงรักวิถีชีวิตชนบทอันเป็นวิถีดั้งเดิมของครอบครัว แต่ด้วยหน้าที่การงานจำต้องโยกย้ายมาอยู่เมืองหลวง กระนั้นก็ยังคะนึงหาวิถีชีวิตที่เคยอยู่ และตั้งใจว่าวันหนึ่งจะกลับไปอยู่กับคุณแม่และญาติๆ พร้อมหน้าพร้อมตา สร้างความสุขด้วยการเป็นสาวชาวสวน 100% สานต่อ “เมจินฟาร์ม” ที่เธอได้ไปทำสวนแบบผสมผสานไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

การศึกษาจบปริญญาตรี 2 ใบ ใบแรก สาขาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใบที่ 2 สาขาอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (เรียนหลังจากย้ายเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ) เข้าสู่การทำงานด้วยการเป็นนักธรณีวิทยาตั้งแต่ปี 2551 ประจำอยู่ที่เหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง ก่อนจะย้ายมาประจำออฟฟิศบริษัท ณ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ รวมระยะเวลาทำงานถึงปัจจุบัน 10 ปีเศษๆ

จินตนา อุดใจ สุขใดไหนจะเท่าบ้านเรา

“ส่วนตัวเมค่อนข้างติดดินค่ะ ชอบอยู่กับธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าเขา ต้นไม้ แหล่งน้ำ ผืนดินในชนบทอะไรประมาณนี้ ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย ซึ่งบ้านเกิดที่ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ก็จะออกแนวธรรมชาติ ดูสดชื่นๆ มองจากบ้านหรือทุ่งนาไปก็จะเห็นต้นไม้ ภูเขา มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นแม้จะจากบ้านมาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็นึกเสมอว่าวันหนึ่งจะกลับไปอยู่บ้านเกิดกับครอบครัว อยู่กับแม่ ยิ่งตอนนี้แม่อยู่คนเดียว พ่อเพิ่งเสียไป วันที่ต้องกลับไปอยู่บ้านเริ่มชัดเจนขึ้น”

นักธรณีวิทยาสาวเล่าต่อว่า ความคิดที่จะกลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอน มิใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นในห้วง 2-3 ปีหลังมานี้ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ พร้อมความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำงานเก็บเงินให้ได้สักก้อนหนึ่งเพื่อเป็นทุนสร้างความมั่นคงในอาชีพใหม่ หากต้องลาออกจากงานเมื่อวันนั้นมาถึง

“สิ่งที่เมคิดและตั้งใจคืออยากทำสวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งก็ได้ปรึกษากับพ่อแม่และเริ่มทำตั้งแต่สมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นพ่อมีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว แต่เราทำตรงนี้ไว้เพื่อเลี้ยงชีพตอนเกษียณ ดังนั้น บนที่ดินของครอบครัว เราจึงแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งปลูกมะขามหวานสีทอง จำนวน 60 ต้น และลำไยอีก 150 ต้น ซึ่งทั้งมะขามหวานและลำไยได้ให้ผลผลิตมาแล้วหลายปี

จินตนา อุดใจ สุขใดไหนจะเท่าบ้านเรา

ทว่าหลังจากที่พ่อจากไป ไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร เพราะที่บ้านก็มีเพียงแม่ ส่วนเมก็ทำงานที่กรุงเทพฯ เดือนหนึ่งจะกลับบ้านครั้งเดียวเท่านั้น ผลผลิตจึงได้ไม่มาก อย่างลำไยเมได้พักต้นมาเป็นเวลา 3 ปีแล้วตั้งแต่พ่อเสีย ไม่ได้บำรุงดูแลเลย ปล่อยไว้อย่างนั้น แต่ปีนี้เมตั้งใจจะทำลำไยอินทรีย์ ปลอดสารเคมี ไม่ใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเหมือนที่เคยใช้อีกต่อไป รวมถึงทุกอย่างถ้าปลูกจะไม่ใช้สารเคมี จะทำในรูปแบบอินทรีย์ทั้งหมด”

ด้วยความที่เป็นผู้หญิงมุ่งมั่นและมีความตั้งใจจริง ตลอด 10 ปีในชีวิตการทำงาน เมตั้งใจทำงานเก็บเงินและหารายได้เสริมจากงานพาร์ตไทม์ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เช่น งานพีอาร์ ขายของออนไลน์ จนกระทั่งมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง ซึ่งเธอได้นำไปซื้อที่ดินใกล้กับที่ดินของครอบครัวจำนวน 10 ไร่ เมื่อ 4 ปี
ที่ผ่านมา จากนั้นได้พัฒนาพื้นที่ด้วยการทำเกษตรผสมผสานมาได้ 3 ปี โดยใช้ความรู้ที่ไปเรียนมาทั้งตอนมหาวิทยาลัยและการไปเทกคอร์สสั้นๆ ด้านการเกษตร เช่น คอร์สส่งเสริมการเกษตร การทำเกษตรอินทรีย์ การทำปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือไปอบรมในงานต่างๆ เช่น งานบ้านและสวน งานเกษตรแฟร์ เป็นต้น

“สวนเกษตรผสมผสานของเมตั้งชื่อว่า เมจินฟาร์ม เอาชื่อเล่นกับชื่อจริงมารวมกัน ปลูกหลายอย่าง หลักๆ มีลำไย มะขามหวานสีทอง ฝรั่ง 400 กว่าต้น เสาวรสสีม่วง เงาะ ลองกอง เป็นต้น ปัจจุบันคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80% เรียกว่าลงไปเกือบเต็มพื้นที่ วางระบบน้ำเรียบร้อย อยู่ในระยะดูแลอย่างเดียว และรอวันเจริญเติบโต ส่วนมะขามที่พ่อปลูกเมก็เอามาขายออนไลน์และเพื่อนในที่ทำงาน แต่ปีนี้มะขามออกน้อยและฝนตกตอนปีใหม่เลยขึ้นราเยอะ

จินตนา อุดใจ สุขใดไหนจะเท่าบ้านเรา

เมอยากให้คนไทยได้กินผลไม้ปลอดสารจริงๆ อย่างลำไยชาวบ้านเขาจะใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อให้ออกผลดกหนา ซึ่งครอบครัวเมก่อนนั้นก็ใช้เหมือนกัน แล้วเวลาขายก็ขายตามราคาตลาด แต่ต่อไปนี้ลำไยของเมหลังจากที่พักต้นไป 3 ปี จากนี้จะทำแบบอินทรีย์เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้หันมาทำตาม

เมว่าการทำเกษตรแบบอินทรีย์มีข้อดีหลายอย่าง นอกจากผู้บริโภคจะได้กินลำไยหรือผลไม้อื่นๆ ที่ปลอดสารเคมีแล้ว เราผู้ผลิตยังเป็นผู้กำหนดราคาเองด้วย และเมเชื่อว่าผลผลิตของเกษตรอินทรีย์ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังขุดบ่อเลี้ยงปลา 2 บ่อ มี ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ปลาสร้อยขาว โดยเอาพันธุ์มาจากหนองหลวง บึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดใน จ.เชียงราย อยู่ที่ อ.เวียงชัย เพิ่งลงไปเมื่อเดือน ก.ค. 2560 จำนวน 2,000 ตัว ตั้งใจจะสูบขึ้นขายในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ก็ยังเลี้ยงแพะและแกะอย่างละ 10 ตัว เนื่องจากพี่เขยเป็นมุสลิมแนะนำให้เลี้ยง เพราะเป็นที่ต้องการของคนมุสลิมซึ่งพี่เขยมีเครือข่ายเมก็เลยเลี้ยงไว้”

จินตนา อุดใจ สุขใดไหนจะเท่าบ้านเรา

นักธรณีวิทยาสาวย้ำว่า ตอนนี้แม้ยังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านถาวร แต่เดือนหนึ่งจะกลับเดือนละ 2 ครั้ง อยู่ครั้งละ 3-4 วัน ชีวิตก็สัมผัสได้ถึงความสุข อีกไม่นานคงจะได้กลับไปอยู่กับแม่ ญาติพี่น้อง และเป็นสาวชาวสวนอย่างเต็มตัว