posttoday

ณธทัย จันเสน วิถีสโลว์ไลฟ์สร้างสุขให้คนรอบข้าง

03 กุมภาพันธ์ 2562

ณธทัย จันเสน หรือ อาจารย์สิงห์

โดย ภาดนุ

ณธทัย จันเสน หรือ อาจารย์สิงห์ (วัย 41 ปี) เป็นอาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและประชาสัมพันธ์ มีวิถีชีวิตสองด้านที่น่าสนใจ ด้านหนึ่งคือการทำงานประจำเป็นอาจารย์ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือการมีวิถีสโลว์ไลฟ์ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งก็ช่วยสร้างความสุขให้กับผู้คนรอบข้างไปพร้อมกัน

“ผมทำงานที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ โดยสอนในสาขาครุศาสตร์สถาปัตยกรรมมาได้ 16 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ผมรักมาก เนื่องจากผมเรียนจบปริญญาตรีด้านสถาปัตยกรรมที่สถาบันนี้ จากนั้นก็ไปทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ 2 ปี ก่อนจะกลับมาเรียนปริญญาโทต่อที่สถาบันนี้อีกครั้งในหลักสูตรวิจัยสภาพแวดล้อมภายใน พร้อมทั้งเรียนปริญญาโท สาขาสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่มหาวิทยาลัยศิลปากรไปพร้อมกันด้วยพอเรียนจบปริญญาโททั้งสองแห่งแล้ว ผมก็มาเป็นอาจารย์ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้เลยครับ

ในขณะที่เป็นอาจารย์มาสิบกว่าปี สิ่งหนึ่งที่ผมทำมาโดยตลอดก็คือ การลงไปทำงานในชุมชน เนื่องจากสาขาที่ผมสอนจะเป็นวิชาภูมิสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับเกษตรของพระราชาด้วย ซึ่งวิชาออกแบบเบื้องต้นนั้นจะเน้นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นและชุมชน ดังนั้นจึงมีกิจกรรมพานักศึกษาไปร่วมพัฒนาชุมชน วาดรูปอาคารบ้านเรือน ทำแผนที่ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาชุมชน เพื่อช่วยให้ชุมชนมีกิจกรรมและมีจุดเด่นมากขึ้น ที่ผ่านมาผมไปลงพื้นที่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในประเทศจะเน้นการท่องเที่ยวในชุมชน ส่วนในต่างประเทศผมก็จะร่วมมือกับกลุ่มอนุรักษ์สถาปัตยกรรมชุมชน ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีการเดินทางไปเขียนแบบรังวัดอาคารในต่างประเทศด้วย เช่น โปรตุเกส อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์จะเรียกให้ผมไปเวิร์กช็อปด้วยทุกปี”

ณธทัย จันเสน วิถีสโลว์ไลฟ์สร้างสุขให้คนรอบข้าง

อาจารย์สิงห์บอกว่า ก่อนหน้านี้สัก 7 ปีได้ เขาเคยเปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่ห้องสมุดของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ด้วย เนื่องจากขณะนั้นเขาได้ออกแบบห้องสมุดให้กับสถาบัน แล้วอาจารย์ผู้ดูแลห้องสมุดได้เอ่ยปากชักชวนให้ทำร้านกาแฟเล็กๆ ขึ้นที่นั่น

“ช่วงแรกก็ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่พอเปิดได้สักพักนักศึกษาก็เริ่มมาใช้บริการ คือกินกาแฟไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วย ตอนนั้นกิมมิกของร้านกาแฟก็คือ ‘กาแฟเขียนแก้ว’ โดยผมจะสั่งแก้วกาแฟสีขาวมาไว้ ซึ่งช่วงแรกที่เราใช้แก้วสีขาวเพราะไม่ทราบว่านักศึกษาจะกินกาแฟแบบไหน หวานมากหรือหวานน้อย และเวลาตามไปส่งให้ที่โต๊ะก็อาจจะจำหน้าไม่ได้ทุกคน ผมจึงวางแก้วสีขาวและปากกาเมจิกไว้ให้นักศึกษาเขียนชื่อ เขียนรสชาติที่ต้องการข้างๆ แก้ว จนกิมมิกนี้กลายเป็นเรื่องสนุกและสามารถแก้ปัญหาการทิ้งขยะไม่เป็นที่ได้ เพราะหากนักศึกษากินเสร็จแล้วไม่ทิ้งแก้วลงถังขยะให้เรียบร้อย ชื่อพวกเขาก็จะฟ้องอยู่ข้างๆ แก้วกาแฟเลยล่ะ (หัวเราะ)

หลังจากมีการจัดพื้นที่ห้องสมุดใหม่ ผมก็ย้ายมาเปิดร้านกาแฟร้านใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ แค่ 200-300 เมตร โดยมาเช่าบ้านไม้บริเวณนั้นเปิดร้านกาแฟในแบบที่ตัวเองชอบ นั่นก็คือสไตล์ลอฟต์ ซึ่งตกแต่งร้านด้วยของสะสมแนววินเทจ ร้านกาแฟนี้มีชื่อว่า ‘คาเฟ่ลุงส้มจุก’ มาจากคาแรกเตอร์ของตัวผมเอง โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นร้านกาแฟที่เป็นเสมือนคอมมูนิตี้ให้นักศึกษาและลูกค้าทั่วไปได้มาพบเจอ ได้มาพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ซึ่งจุดนี้เป็นหลักที่ผมยึดมาโดยตลอดว่า เวลาสอนนักศึกษาก็ต้องทำให้พวกเขาเรียนด้วยความสนุก เวลาทำร้านกาแฟก็ต้องทำให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในทุกๆ ส่วนของร้านด้วยเช่นกัน”

ณธทัย จันเสน วิถีสโลว์ไลฟ์สร้างสุขให้คนรอบข้าง

อาจารย์สิงห์บอกว่า การที่เขาชอบเปิดร้านกาแฟ ก็เนื่องมาจากโดยส่วนตัวแล้วเขาชอบกินกาแฟเป็นอันดับแรก แต่จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างก็เพื่อสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้มานั่งคุยกัน มานั่งทำงาน หรือให้นักศึกษาได้มานั่งตรวจงานกันที่ร้านแห่งนี้

“นอกจากขายกาแฟแล้ว ผมยังทำอาหารทางภาคใต้ด้วย เพราะผมเองก็เกิดที่ จ.สงขลา และเป็นคนใต้มาตั้งแต่เดิม จึงชอบกินอาหารใต้มาก สำหรับลูกค้าที่มาที่ร้านก็จะมีเมนูอาหารทั่วไปอยู่ แต่ถ้าใครอยากจะกินเมนูอาหารใต้ก็สามารถสั่งล่วงหน้ามาได้เลย เช่น คั่วกลิ้งหมู แกงส้มชะอมไข่แบบภาคใต้ และอื่นๆ ซึ่งผมจะตั้งชื่อเมนูอาหารใต้ที่ผมคิดขึ้นมาใหม่ว่า ‘เมนู ฟีล ฉัน’ (ล้อกับคำว่า ฟิวชั่น) เช่น การนำคั่วกลิ้งหมูมาผสมผสานกับไข่ข้นเนยจนได้รสชาติที่เผ็ดและมันตัดกัน เป็นต้น ซึ่งหากลูกค้ามากินอาหารที่นี่ จะรู้เลยว่าเมนูเราจะไม่เหมือนที่อื่น

ณธทัย จันเสน วิถีสโลว์ไลฟ์สร้างสุขให้คนรอบข้าง

การที่ผมทั้งเป็นอาจารย์สอนหนังสือและเป็นทั้งเจ้าของร้านกาแฟและอาหาร แม้จะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข ส่วนใหญ่ผมจะดูแลร้านในช่วงเย็นๆ และกลางคืน เมื่อเริ่มเปิดร้านคาเฟ่ลุงส้มจุก คราวนี้ที่บริเวณรอบๆ ร้านก็มีพื้นที่ว่างสำหรับปลูกผักได้ ผมจึงเริ่มค่อยๆ ปลูกพืชผักสวนครัวที่ต้องใช้ทำเมนูในร้านทุกวัน เช่น โหระพา กะเพรา ตะไคร้ และอื่นๆ โดยทำเป็นสวนเกษตรผักสวนครัวขึ้นมา ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มได้สักพักโดยการนำเกษตรทฤษฎีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ด้วย

ใจจริงแล้วในอนาคต ผมคิดไว้ว่าอยากให้ร้านคาเฟ่ลุงส้มจุก มีคอนเซ็ปต์เป็นฟาร์มแอนด์คาเฟ่ ที่มีพืชผักสวนครัว แต่ต่อไปอาจจะเพิ่มเติมการปลูกผักสลัดต่างๆ เข้ามาด้วย ซึ่งผมก็กำลังคิดๆ อยู่ว่าควรปลูกผักแบบเป็นแปลงหรือปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ดี ก็คงต้องค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะร้านใหม่นี้เพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือนเองครับ ซึ่งผมค่อนข้างจะแฮปปี้นะที่คนส่วนใหญ่ค่อยๆ รู้จักร้านเรามากขึ้น โดยนอกจากมากินกาแฟกินอาหารกันแล้ว พวกเขายังได้มาชมของสะสมสไตล์วินเทจของผม มาร่วมพูดคุยถึงความชอบสิ่งของเหล่านี้ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดี หากที่ร้านจะเป็นศูนย์รวมของผู้คนที่สนใจของสะสมแนววินเทจเช่นเดียวกัน”

ณธทัย จันเสน วิถีสโลว์ไลฟ์สร้างสุขให้คนรอบข้าง

อาจารย์สิงห์ทิ้งท้ายว่า นอกจากการเริ่มปลูกพืชผักสวนครัวกินได้แล้ว เขายังเริ่มปลูกไม้ดอกไม้ประดับบริเวณรอบๆ ร้านด้วย เพราะอยากเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวร้าน เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของคนแถวนั้น รวมทั้งผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็สามารถแวะพักได้เช่นกัน

“อย่างที่บอกว่าความสุขของผมอยู่ที่การได้เห็นลูกค้าหรือผู้คนที่เข้ามาใช้บริการในร้านมีรอยยิ้มและมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าร้านกาแฟซึ่งเราตั้งใจทำให้เป็นคอมมูนิตี้นี้ เป็นสถานที่แห่งการพักผ่อนของคนในชุมชนและคนทั่วไปจริงๆ ยิ่งได้รับการติชม หรือข้อเสนอแนะ ก็ยิ่งถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียที่ดีอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกาแฟหรืออาหาร ถ้าลูกค้าติชม ผมจะยินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็นเลยล่ะ ถ้าพวกเขาพอใจ มีรอยยิ้มและมีความสุขในการมาใช้บริการ รวมทั้งมีการพูดคุยปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เท่านี้ก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตผมด้วยเช่นกัน”….ติดตามที่ Fanpage FB : Loong Som Jook Café and Bed