พัชรา ทวีชัยวัฒนะ สุขภาพดีคือต้นทุนที่สำคัญของชีวิต

โดย อณุสรา ทองอุไร/วันวิสา เหมือนศรี 

กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ ใครก็รู้ดี การจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำเอง ให้ใครทำแทนก็ไม่ได้ และต้องทำสะสมไปเรื่อยๆ เหมือนการลงทุนที่จะเห็นผลดีในระยะยาว

ส่วนใหญ่ใครๆ ก็อยากมีสุขภาพที่ดีแต่มักจะไม่มีวินัยมากพอในการดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องการเลือกกินอาหารและการออกกำลังกาย

เช่นเดียวกับเธอคนนี้ พัชรา ทวีชัยวัฒนะรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัทอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต คร่ำหวอดในแวดวงประกันมานานกว่า 12 ปี จนรู้ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้เป็นดีที่สุด หากไม่อยากเจ็บป่วยก็ต้องมาดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ทำงานด้านการตลาดมาตลอด จนมาอยู่ในธุรกิจประกันชีวิต แม้รูปแบบของตัวสินค้าจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่เรื่องการตลาดก็เป็นแกนสำคัญอยู่เช่นเดิม เธอว่าไม่ต่างกันนัก เพราะจริงๆ แล้วมันอยู่ที่ว่าเราอยากขายอะไร คุณก็ต้องบอกสิ่งที่คุณอยากขาย ก็บอกให้โดนกับสิ่งที่อยากซื้อ ไม่ว่าเราจะขายอะไรมันก็เหมือนกัน จะขายน้ำ ขายโต๊ะขายกระดาษ

หลังจากที่อยู่มาหลายแผนก แต่เธอก็ยังอยู่ตรงนี้ โดยนโยบายของปีนี้ ทางบริษัทจะเน้นเรื่องของสุขภาพกันมาตลอด 4 ปีแล้ว ก็ยังคงเน้นเรื่องนี้ แต่สิ่งที่บริษัทจะเพิ่มนั้นก็คือเรื่องของดิจิทัลเรื่องของแพลตฟอร์ม

“ตอนนี้เรามี Healthy LivingPlatform เป็นเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์เกี่ยวกับ Eat Live Health Wealth สามารถเข้าไปดูได้ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกค้า พอเข้าไปแล้วก็สามารถ Like Comment Shareทำกิจกรรมอะไรกับเราก็แล้วแต่เราให้ Pointสามารถนำไปแลก Gift Voucher ในเครือที่เป็นพันธมิตร

ตอนนี้เรากำลังเอาสินค้าเข้าไปอยู่ในนี้ ใครที่ไม่ได้เป็นลูกค้าก็สามารถร่วมสนุกได้เพียงแต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ฉะนั้นเราจะใช้แพลตฟอร์มสื่อทั้งคอนเทนต์สื่อทั้งบริการแล้วเป็นคอมมูนิตี้ด้วย เราเพิ่งจัดงานวิ่งที่สวนผึ้ง เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีคนร่วมกับเราประมาณ 5,000 คน เราก็ให้เขาเข้ามาเป็น Healthy Living แล้วเราก็ให้เขาเป็นเมมเบอร์ด้วยทุก1 กิโลฯ ที่เขาวิ่ง เราให้ 10 Point คะแนน

ณ ตอนนี้เรากระจายออกไปอีกใครก็ตามที่มี Garmin กับ Fitbit ทุก1 กิโลฯ ที่วิ่งเอาไปเลย 10 Point ใครเขาก็วิ่งกันอยู่แล้วเขาก็มาดาวน์โหลดhealthy living.in.th แล้วร่วมกับเราก็จะสะสม Point ไปเรื่อยๆ ก็จะสร้างคอมมูนิตี้ขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งคอมมูนิตี้มีเพื่อรวบรวมคนที่รักษาสุขภาพ แล้วก็สนใจใส่ใจ จะเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แค่วิ่ง”

มีการตั้งเป้าสมาชิกเอาไว้เป็นแสนคน แต่ตอนนี้มีสมาชิกแล้ว 7 หมื่นคน ซึ่งคนจำนวนนี้ไม่ใช่แค่คนที่รักสุขภาพ แต่รวมคนทั่วไปที่เข้ามาอ่านด้วย เนื่องจากงานที่ทำอยู่ทำให้เธอรู้สึกรักสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็ออกกำลังกายมาก่อนหลายปีแล้ว แต่ยังไม่หนักหน่วงจริงจังเท่ากับตอนนี้

ตอนนี้ถือว่าเข้มข้นสุดๆ ออกเกือบทุกวัน วันละ 60-90 นาที แคมเปญที่มาแมตช์กับเธอพอดีเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนคิดคอนเซ็ปต์ผลักดันให้เกิดแคมเปญขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อจะเป็นนักเพาะกายในอนาคต ซึ่งเธอตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นแชมป์เพาะกาย ตอนอายุ 60 ปี

“ตอนอายุ 50 ต้นๆ เคยไปสมัครประกวดเพาะกายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รางวัลอะไรกลับมา เพราะเราเพิ่งหัดเล่นใหม่ๆ ตอนนี้เล่นแบบจริงจังกะจะพิชิตรางวัลให้ได้ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลให้ตัวเองมีเป้าหมายในการทำอะไรสักอย่าง เราไม่ชอบแข่งกับใคร แต่ชอบแข่งกับตัวเองมากกว่า

แต่ถ้าการออกกำลังกายของเราจะไปช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้บ้างเราก็ยินดี เพราะอยากให้ผู้หญิงวัย 50+ ทุกคนมีสุขภาพที่ดีนะคะ (หัวเราะ) อายุ 60 ค่ะจะขึ้นเวทีอีก เพราะอยากให้มันเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ คือ อายุขนาดนี้ยังมาได้ขนาดนี้ อยากให้เห็นว่า 60 ก็ทำได้อายุไม่ใช่ข้ออ้าง” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี

พัชราบอกว่าการมีสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องที่เธอตั้งใจไว้นานแล้ว เพราะไม่ใช่อยากเข้าสู่วัยเกษียณแบบมีโรคภัยไข้เจ็บโน่นนี่เต็มไปหมด ส่วนการมาประกวดเป็นนักเพาะกายนั้น เธอขอเล่าก่อนว่ามันแยกกัน ธุรกิจก็เรื่องหนึ่งส่วนตัวก็เรื่องหนึ่ง เรื่องธุรกิจก็คือว่าเธอมีแคมเปญหนังที่บอกให้ทุกคนสู้ ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ก็ต้องสู้ก่อน แล้วอลิอันซ์ อยุธยา ถึงจะช่วยได้

“เราก็เลยมีแคมเปญต่อยอดมาที่อยากให้ทุกคนมีปฏิญาณ สัญญากับตัวเองว่าเราจะทำอะไร บางคนก็บอกอยากลดน้ำหนักแล้ววันที่เราไปวิ่งกัน เราก็จะวิ่งด้วย 21 กิโลฯ หนึ่งก็คือจะลดด้วย จะวิ่งด้วย มันก็ไม่ได้ ก็เลยเลื่อนมา เพราะมีคอมมิตเมนต์ในใจว่าอยากได้ซิกซ์แพ็ก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ มีได้แค่เลข Eleven Line (หัวเราะ) ก็เลยมาถ่ายรูปวันนี้เพื่อที่จะได้เป็น Reference ว่าทำมาแล้วเป็นสัญญาใจให้ไว้กับตัวเองจะได้มีเป้าหมายในการขับเคลื่อน

เพราะรางวัลมันไม่ใช่เป้า มันเป็นครั้งแรกที่เราลงประกวด เราลงเพราะว่าเราอยากลอง เพราะเราอยากได้ซิกซ์แพ็กก็รู้สึกว่าทำไมมันยาก งั้นถ้ามันยากนักก็ลองลงประกวดซะเลย ก็เป็นเหตุของการลงประกวดเพื่อที่เราจะดูว่าขั้นตอนที่ Body Builder เขาทำอะไรอย่างไร คือหนึ่งได้รู้ว่าการยกน้ำหนักในการบิลด์กล้ามไม่ใช่สิ่งที่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือการขึ้นไปยืนบนเวทีแล้วโพสต์ แล้วเราเองก็สู้กับตัวเองในการฝึกซ้อมให้ออกมาแล้วดูดี”

เธอบอกว่าโดยส่วนตัวแล้ว ออกกำลังกายเพราะว่าชอบ สมัยก่อนเปิดนั้นเธอเปิดยูทูบมันก็แค่คาดิโอออกกำลังก็จริง แต่แล้วกินก็กินๆ ไป ไม่ได้คุมอาหารก็รู้สึกว่าทำไมยังไม่ผอม เพราะเธออยากได้ซิกซ์แพ็กมาตั้งนานแล้ว เธอก็เริ่มจากการวิ่งทั่วไปก่อน แต่แล้วก็ไม่ได้เป้า ก็เลยไปจ้างเทรนเนอร์ เทรนเนอร์ก็เลยพาเล่นเวต แต่เธอเป็นพวกบ้าพลังเลยรู้สึกชอบมากถึงมากที่สุดก็เลยลงประกวดเลย ประกวด Body Builder ช่วงปลายปี 2017 ที่เธอลงประกวดเพราะแค่อยากเป็นแรงบันดาลใจ

จากการออกกำลังกายธรรมดา อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาจริงจังปานนี้ เธอว่าเพราะชอบเอาชนะตัวเอง กิจกรรมอะไรก็ได้ที่เอาชนะตัวเอง เธอไม่ได้สนใจคนอื่นนะ

“แค่อยากจะชนะตัวฉันเอง อย่างเล่นเวตวันนี้ยกได้เท่านี้พรุ่งนี้ ก็ต้องยกได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ได้น้ำหนักก็ต้องได้จำนวนครั้งที่เพิ่มขึ้น งานหลักคือทำงานให้ออฟฟิศ เวลาที่เหลือคือไปฟิตเนส เพราะการออกกำลังกายให้อะไรมากกว่าที่คิด ให้พลังมันรู้สึกสดชื่น รู้สึกฟิตแข็งแรงแล้วก็รู้สึกเวลาที่เราคุยกับใครมันมีเนื้อที่จะคุยมันไม่กลวง อย่างกินอะไรออกกำลังกายยังไง มันเหมือนเป็นสิ่งที่เราสามารถช่วยให้คนอื่นฟังแล้วอยากมีสุขภาพร่างกายดีเธออยากเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย

ส่วนเวลาที่เหลืออยู่นั้น วันละ 2 ชั่วโมงก็คือการปฏิบัติธรรมด้วย ปฏิบัติธรรมรุนแรงทุกวัน เช้า 1 ชั่วโมง เย็น 1 ชั่วโมง ดูเหมือนเป็นคนสุดโต่งในสายตาคนอื่น แต่เธอมีความสุขกับความสุดโต่งนี้เพราะมันเป็นสุดโต่งของตัวเอง มันไม่ได้เดือดร้อนใคร เราชนะตัวเองพอแล้ว ทำได้แล้วเรารู้สึกดี เอาเป็นว่าทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมาคือ เธออยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกำลังกาย หรือจะแง่มุมไหนก็ตามแต่”

ทุกวันนี้ พัชรา ตื่นเช้านั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง ไปออกกำลังกาย ไปทำงาน กลับมานั่งสมาธิ แล้วก็นอน

“ชีวิตมีแค่นี้เมื่อก่อนเป็นคนเครียดนะแต่ว่าดีขึ้นเพราะการออกกำลังกายกับการนั่งสมาธิ ธรรมะมันคือให้เราปล่อยวาง แต่ในความเป็นจริงแล้วคนเข้าใจผิด เวลาที่เรามีเป้าหมายเราก็ต้องมีพลังที่ไปให้ถึงเป้านั้น ซึ่งตรงนั้นไม่ได้เรียกว่ากิเลส แต่มันเป็นความพยายามในเรื่องที่มันถูกต้อง เพราะถ้าปล่อยวางไปมันก็ไปไม่ถึงเป้า มันคนละเรื่อง

เวลาที่เราปล่อยวางให้ปล่อยในสิ่งที่มันเป็น Negative แล้วรู้จักที่จะมีสติแล้วให้รู้ว่า มันเกิดขึ้นแล้วเราจะทำยังไงกับปัจจุบัน อดีตแก้ไม่ได้ โมโหก็อารมณ์ไป ถ้าเรามีสติเราก็จะรู้ว่าเราควรต้องแก้ไขอะไร คือเลือกใช้ให้มันถูก ตอนนี้เวลาที่เราคุยกับใคร เราให้ความสำคัญเรื่องความสุขกับการมีชีวิตอยู่ อยากให้คนมีความสุขและสุขภาพดี มีครบทั้งสุขกายและสุขใจ”