posttoday

สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ บ้านนี้อยู่แล้วสุขกายสุขใจ

24 มกราคม 2562

เอ่ยชื่อ สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำพวกอาคารให้เช่าจำนวน 8-9 แห่งในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในย่านถนนข้าวสาร

เรื่อง วรธาร ทัดแก้ว ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข 

เอ่ยชื่อ สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำพวกอาคารให้เช่าจำนวน 8-9 แห่งในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในย่านถนนข้าวสาร บางลำพู เจ้าของรีสอร์ทและโรงแรม โกลเด้น วิลล่า ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี น้อยคนที่จะไม่รู้จัก โดยเฉพาะในช่วง 10-15 ปีมาจนถึงปัจจุบัน สุรัตน์ถือเป็นนักธุรกิจสายบุญตัวพ่อ ชอบทำบุญ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ และรักษาศีลเป็นปกติในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่สุรัตน์ทำ คือ การก่อตั้งคลินิกเวชกรรมสุรัตน์รักษาฟรีบาทเดียว เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ในซอยรามบุตรี ย่านบางลำพู เพื่อให้บริการรักษาฟรีแก่ประชาชนทั่วไปที่ป่วยเป็นโรคทางอายุรกรรม ปัจจุบันคลินิกดำเนินเข้าสู่ปีที่ 15 และได้ย้ายจากซอยรามบุตรีมาอยู่ในบริเวณพื้นที่ของอาคารสุรัตนธรรม ติดถนนบางลำพู ฝั่งเดียวกับวัดชนะสงคราม เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่ผ่านมา โดยเปิดให้บริการทุกวัน (หยุดวันพุธ)

นอกจากเปิดคลินิกรักษาฟรีแล้ว ยังสร้างอาคารปฏิบัติธรรม “สุรัตนธรรม” ขึ้นมา และเปิดให้คนมาปฏิบัติฟรีทุกวันอาทิตย์ เป็นห้องโถงติดแอร์ สามารถจุคนมาฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมได้ประมาณ 300-400 คน มีอาหารและเครื่องดื่มบริการฟรี พร้อมกันนี้ ยังสร้างห้องสมุดธรรมะสำหรับประชาชนในอาคารสุรัตนธรรมด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ สุรัตน์ยังทำบุญอีกหลายโครงการต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีถึงปัจจุบัน เช่น ทำโรงทานเลี้ยงคนทุกวันอาทิตย์ที่หน้าคลินิกสุรัตน์ เป็นเจ้าภาพบวชพระให้กับคนที่ไม่มีเงินแต่อยากบวช ณ วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ทุนการศึกษาเด็กนักเรียน จัดปฏิบัติธรรมนอกสถานที่พร้อมบริการอาหาร เครื่องดื่มแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมฟรี มอบโคกระบือให้กับโรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก จ.นครนายก ทุกปี เป็นต้น

ขณะที่การปฏิบัติธรรมของเขา สัปดาห์หนึ่งจะกินมังสวิรัติอย่างน้อย 3 วัน ปฏิบัติธรรมทุกวันศุกร์ ถ้าศุกร์ไหนติดธุระก็จะเลื่อนไปทำวันอื่นแทน และใน 1 เดือนจะหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมรักษาศีล 8 กับภรรยาที่วัด ส่วนใหญ่จะเป็นวัดสายปฏิบัติที่เขาและภรรยาเคยไปทำบุญ บางวัดก็เป็นสำนักสงฆ์ที่เขาได้อุปถัมภ์บำรุงในต่างจังหวัด

สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ บ้านนี้อยู่แล้วสุขกายสุขใจ

วันนี้ได้โอกาสมาเปิดบ้านของนักธุรกิจใจบุญท่านนี้ แม้เจ้าของจะถ่อมตัวว่าบ้านไม่ใหญ่ แต่เมื่อได้มาเห็นของจริงด้วยตาพบว่าหลังใหญ่มาก เป็นบ้านในโครงการแห่งหนึ่งที่เขาซื้อไว้เมื่อประมาณ 16-17 ปีมาแล้วและอยู่ร่วมกันกับ “กรรณิกา วงศ์ชาญศิลป์” ภรรยาคนปัจจุบันซึ่งได้แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมา 15 ปี

“บ้านหลังนี้เดิมผมซื้อหลังเดียวก่อน หลังไม่ใหญ่ ต่อมาซื้อเพิ่มอีก 1 หลังแล้วตีทะลุกัน คนเห็นเลยมองว่าใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรก ประกอบด้วยห้องทำงาน มุมนั่งเล่น มุมรับแขก ห้องครัว มุมรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ชั้นที่ 2 เป็นห้องนอนหลายห้อง มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัว มุมออกกำลังกาย (มีอุปกรณ์ฟิตเนส) ห้องสมุด มุมนั่งเล่นตรงระเบียงที่ส่วนใหญ่มักจะมานั่งเล่นตอนเย็นๆ ขณะที่ชั้น 3 มีห้องพระห้องเดียวไม่มีห้องอื่น”

สุรัตน์เล่าว่า ปกติเขาเป็นคนพิถีพิถันเรื่องบ้านและการตกแต่งบ้าน เพราะบ้านถือเป็นหน้าตาทางสังคม รวมทั้งยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและหมอดู แต่หลังจาก 15 ปีที่ชีวิตหันมาสู่เส้นทางบุญ การปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์จากครูบาอาจารย์ที่ได้นิมนต์มาเทศน์ที่อาคารสุรัตนธรรม ทำให้มุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก

“เมื่อก่อนชอบสะสมของ ถ้าไปเที่ยวต่างประเทศ หรือในประเทศที่ไหนก็ตาม เห็นอะไรสวยงามถูกใจมักจะซื้อกลับมาด้วยเสมอ เช่น เครื่องลายคราม ตุ๊กตาจีน ตุ๊กตาญี่ปุ่น แก้วเป่ารูปต่างๆ แจกัน ภาพจิตรกรรมสีน้ำ ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เป็นต้น สะสมมาเรื่อยๆ แต่หลังจากมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมโดยการชักนำของภรรยา ความอยากได้อยากมีวัตถุพวกนี้ลดไปเยอะ ทุกวันนี้ถ้าเห็นก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ซื้อเหมือนเมื่อก่อน แต่มีอย่างเดียวคือรถ แม้มีหลายคันยังออกป้ายแดงอยู่ มนุษย์ปุถุชนก็แบบนี้ละครับ กิเลสตัดไม่หมด แต่ขัดเกลาให้เบาบางได้

อีกเรื่อง เมื่อก่อนหมอดูว่าไงผมว่าตาม ยกตัวอย่างผ้าม่าน ตอนแรกผมใช้สีครีมซึ่งเป็นสีที่ชอบ แต่พอหมอดูบอกชมพูดีกว่า ก็ใช้ชมพูเพิ่มอีกสี ตอนหลังช่วงที่ผมเริ่มศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม รักษาศีลแล้ว มีหมอดูอีกคนแนะให้กลับไปใช้สีครีม ผมรู้สึกเฉยๆ และไม่ได้ทำตาม ที่ใช้แล้วก็ใช้ไปไม่เอาออก เพราะฉะนั้นบ้านผมบางที่จึงมีผ้าม่านทั้งชมพูและครีม เช่น ห้องพระ เป็นต้น

การศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมทำให้รู้ว่าพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ดูฤกษ์ยามหรือเชื่อในดวงดาว แต่สอนว่าหากคนเราจะทำอะไรให้ดูความพร้อม ความสะดวกและความตั้งใจ แค่นี้เอง เรื่องนี้ผมไม่โทษหมอดูนะ โทษตัวเองมากกว่าที่ศึกษาพระพุทธศาสนาช้าไปหน่อย ต้องขอบคุณภรรยาผมที่ชักนำให้มาปฏิบัติธรรม”

สุรัตน์ ยอมรับว่า หลังจากปฏิบัติธรรม ทำบุญ รักษาศีลมานานหลายปี ทำให้มุมมองของเขาที่มีต่อบ้านเปลี่ยนไป จากเดิมบ้านถือเป็นหน้าตาทางสังคม ยิ่งถ้าบ้านใหญ่โต ตกแต่งสวยงามยิ่งบ่งบอกฐานะและความมีหน้ามีตาในสังคมมากขึ้นไปเท่านั้น แต่ทุกวันนี้บ้านในนิยามของเขาเป็นเพียงที่พักผ่อนและเหยียดกายนอนเท่านั้น

“สิ่งของที่มีอยู่ในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน ของสะสม สมัยก่อนต้องหาสวยๆ คุณภาพดีๆ ราคาแพงๆ แต่ทุกวันนี้รู้สึกเฉยๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ซื้อซ้ำ บางทีของที่มีอยู่ยังมองว่ารกบ้านก็มี ดังนั้นนิยามบ้านของผมจึงเป็นแค่ที่นอนและพักผ่อนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเท่านั้น และสิ่งที่ทำให้บ้านเป็นบ้านที่อยู่แล้วสุขทั้งกายและใจ คือ ทุกวันเมื่อตื่นนอนตอนเช้าผมกับภรรยาจะต้องขึ้นไปนั่งสมาธิที่ห้องพระชั้น 3 เป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อจิตจะได้สงบเย็นและมีสติมากขึ้น เสร็จแล้วลงมาฟิตเนสชั้น 2 อาบน้ำแต่งตัวกินข้าวไปทำงาน

เวลากลับเข้ามาในบ้านผมกับภรรยาจะตกลงกันเลย เราจะไม่เอาเรื่องงาน หรือเรื่องเครียดที่อาจไปเจอมาในช่วงเช้ากลางวันจากการทำงานมาคุยกัน จะวางทุกเรื่อง ไม่เอามาพูดให้พะวักพะวน ถ้าพูดก็ต้องพรุ่งนี้ จากนั้นก่อนเข้านอนผมกับภรรยาจะขึ้นไปไหว้พระ สวดมนต์
นั่งสมาธิ ที่ห้องพระอีกครั้งหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ผมกับภรรยาทำทุกวัน”

สุรัตน์ เล่าต่อว่า หลังจากที่มีการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมที่บางลำพูและจัดปฏิบัติธรรมฟรีทุกวันอาทิตย์มาเป็นเวลา 9 ปี เขากับภรรยาก็มีความตั้งใจจะเปิดบ้านให้คนในหมู่บ้านซึ่งมีอยู่ประมาณ 700 กว่าหลังคาเรือนมาปฏิบัติธรรมพังเทศน์ โดยการนิมนต์พระมาเทศน์และนำปฏิบัติสมาธิ

“หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้เดิมผมเคยเป็นประธานหมู่บ้านมาก่อน ต่อมางานรัดตัวไม่มีเวลาจึงขอลาออก พอสร้างอาคารปฏิบัติธรรมที่บางลำพูแล้ว ก็อยากให้คนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันได้ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมบ้าง อีกอย่างหมู่บ้านนี้ไม่ค่อยได้จัดทำบุญหมู่บ้าน แต่พอปีใหม่ที่ผ่านมามีการจัดทำบุญปีใหม่คนในหมู่บ้านออกมาทำบุญเยอะมาก ผมเลยตั้งใจเปิดบ้านให้คนมาปฏิบัติธรรมฟังเทศน์ ซึ่งบ้านผมสามารถจุคนได้เกือบๆ 200 คน ตอนนี้ได้เสนอโครงการไปที่ประธานหมู่บ้านแล้วซึ่งเขาก็อยากให้จัด เชื่อว่าอีกไม่นานเร็วๆ นี้คงจะได้เริ่ม” สุรัตน์เล่าอย่างมีความสุข

สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ บ้านนี้อยู่แล้วสุขกายสุขใจ

สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ บ้านนี้อยู่แล้วสุขกายสุขใจ

สุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ บ้านนี้อยู่แล้วสุขกายสุขใจ