posttoday

สาริศา มั่นช้อย มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี

10 ธันวาคม 2561

เรื่อง  อณุสรา ทองอุไร ภาพ  อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์

เรื่อง  อณุสรา ทองอุไร ภาพ  อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์

วัยทีนสาวน้อยหน้าใสวัย 13 ปี ที่กำลังเรียนเกรด 7 ที่โรงเรียน The American bangna school of Bangkok น้องข้าวปั้น-ด.ญ.สาริศา มั่นช้อย ผู้รักการร้องเพลงและการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ จนสามารถชนะอันดับ 1 ในการประกวดร้องเพลงของรายการ Your Star ทางช่อง 3 จากผู้เข้าประกวดทั่วประเทศทั้งหมด 1,000 คน คัดเหลือ 125 คน และคัดผู้เข้ารอบเหลือ 20 คน ซึ่งการเข้ารอบสุดท้ายต้องสัมภาษณ์พ่อแม่เพื่อดูทัศนคติที่มีต่อการประกวดของลูก และเข้ารอบสุดท้าย 4 คน และน้องข้าวปั้นก็คว้ารางวัลชนะเลิศได้ในที่สุด โดยเธอเป็นผู้ชนะเลิศการประกวดปีแรก แต่ตอนที่ในหลวง ร.9 สวรรคตเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา รายการเลยหยุดประกวด ปีหน้าจึงจะกลับมาประกวดอีกครั้ง

หลังจากได้ที่ 1 จากการประกวดในครั้งนี้ ทางผู้จัดการประกวด คือ บริษัท เวิลด์ สตาร์ อาคาเดมี่ ได้ไปจับมือกับค่ายเพลง AVEX ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นค่ายเพลงอันดับ 2 ของโลก ที่มีศิลปินดังอย่างวงทริปเปอร์ A, X เจแปน, อีเกิร์ล แล้วก็ทำการ์ตูนญี่ปุ่นอีกด้วย

หลังจากมีการร่วมมือกันเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทางค่าย AVEX ก็ได้มาทำการออดิชั่นน้องข้าวปั้นและเพื่อนที่เข้าประกวดด้วยกันอีก 2 คน คัดตัวเพื่อให้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 10 วัน เพื่อเตรียมคัดเลือกให้ไปเป็นศิลปินฝึกหัดกับทางค่ายนี้ เพื่อวางตัวจะออกผลงานเพลงร่วมกัน โดยน้องข้าวปั้นผ่านออดิชั่นรอบแรก และทางค่ายที่ญี่ปุ่นเตรียมเรียกให้ไปออดิชั่นรอบ 2 อีก 10 วัน และจะประกาศผลสิ้นปีนี้ว่าผ่านการคัดเลือกเพื่อเป็นศิลปินในค่ายนี้หรือไม่

ถ้าผ่านก็จะได้ไปเรียนร้องเพลงและทำงานกับค่าย AVEX ที่ประเทศญี่ปุ่น และถือว่าเป็นโครงการแรกที่ค่ายนี้ร่วมมือกับประเทศไทยออกศิลปินไทยในนาม AVEX แต่ถ้าไม่ผ่านการออดิชั่นและไม่ได้ออกผลงานร่วมกับ AVEX ทางค่ายเวิลด์ สตาร์ อาคาเดมี่ ก็จะสร้างผลงานเพลงให้เอง โดยทำเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ป เพราะไม่ต้องการสานต่อความฝันของเด็กๆ ให้เป็นความจริงขึ้นมา

สาริศา มั่นช้อย มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี

แม้วัยจะเพียงแค่ 13 ปี แต่น้องข้าวปั้นก็ทุ่มเทอย่างหนัก กว่าจะมาถึง ณ จุดนี้ก็ไม่ได้ง่าย ต้องทุ่มเทเวลาและความตั้งใจอย่างหนักหน่วงเพื่อให้มายืนอยู่ตรงนี้ได้ เธอเล่าว่าชอบร้องเพลงมาตั้งแต่ 3 ขวบ พออายุ 7 ขวบ ก็ไปขอร้องคุณพ่อคุณแม่ให้ส่งไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมที่สตาร์เมกเกอร์ แต่ตอนนั้นคุณแม่ยังไม่ส่งไปเรียน เพราะไม่แน่ใจว่าชอบจริงหรือเปล่า เกรงว่าเรียนไม่กี่วันเบื่อแล้วเลิกเสียดายเงินค่าเรียน

ในที่สุดคุณแม่ก็ทนรบเร้าไม่ไหว เพราะน้องข้าวปั้นตั้งใจจริงจัง จึงยอมส่งไปเรียนกับครูอ้วน-มณีนุช เสมรสุต เรียนได้เพียง 2 ปีกว่าพัฒนาการด้านการร้องเพลงของน้องดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร้องดีไม่ผิดไม่เพี้ยน พลังเสียงดี และเริ่มไปประกวดร้องเพลงเวทีเล็กๆ บ้าง จนเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อนๆ ที่โรงเรียนชวนมาประกวดร้องเพลงที่ช่อง 3 ซึ่งถือว่าเป็นเวทีใหญ่ที่สุดที่ข้าวปั้นเคยประกวดมา และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้ในที่สุด

“ตอนแรกคิดว่าไม่ได้แล้ว ตอนคัดเลือกรอบ 20 คน ประกาศรายชื่อถึงคนที่ 17-18 แล้วก็ยังไม่มีชื่อ หนูถูกประกาศชื่อคนที่ 19 พอดีเลย ครูแพมที่เป็นกรรมการบอกว่าหนูเป็นม้านอกสายตา ด้วยเหตุผลว่าน้องร้องเพลงดี เสียงเพราะ แต่หนูไม่มีอินเนอร์เลย ไม่มีอารมณ์ร่วมในเพลง ไม่มีพลังทีท่ามาจากข้างใน แล้วคนที่เข้ารอบมาพร้อมกันนั้น เก่งๆ ทั้งนั้นเลย พอเข้ารอบแล้วหนูต้องไปเรียนเพิ่มเพื่อให้มีอินเนอร์มาจากภายใน”

หลังจากเรียนด้านแอ็กติ้งเพิ่มเติม พัฒนาการในการร้องเพลงเพื่อสื่อทางสีหน้า ท่าทาง แววตา ก็ดีขึ้นมาก จากเด็กหน้าจืด หน้านิ่ง หน้าเครียด เวลาร้องเพลงเพราะตั้งใจมากเกินไป ก็กลายเป็นเด็กมีอินเนอร์ขึ้นมาดูผ่อนคลาย มีความสุขในการร้องเพลงและแสดงออก

เธอเล่าว่าตอนเข้ารอบสุดท้ายเธอร้องเพลง Let it Go เพลงประกอบการ์ตูนเรื่อง Frozen คนฟังอึ้งกันทั้งสตูดิโอ แล้วน้องก็ร้องดีขึ้นเรื่อยๆ และร้องเพลงได้เกือบทุกแนว ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง ป๊อป ร็อก อาร์แอนด์บี เพลงการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนเพลงที่เธอชอบที่สุดในตอนนี้และร้องได้ดีคือเพลง Love on top ของบียอนเซ่ เป็นเพลงเสียงสูงยาวถึง 5 นาที และเป็นเพลงยาก ทั้งยังต้องเต้นไปด้วย นับว่าเป็นเพลงที่ดูดพลังมากๆ

ทุกวันนี้น้องข้าวปั้นต้องเรียนร้องเพลงและเต้นสลับกันไปทุกวันตลอดสัปดาห์ คือหลังเลิกเรียนประจำวันตั้งแต่ 16.00-21.00 น.ของทุกวัน เธอจะต้องไปเรียนเต้นและร้องเพลงที่เวิลด์ สตาร์ อาคาเดมี่ ซึ่งน้องบอกว่าสนุก ไม่เหนื่อยเลย เพราะเป็นความสุขของเธอ ไม่รู้สึกว่าหนักหรือเครียด

“หนูอยากเป็นนักร้องจริงๆ หนูตั้งใจมาก ไม่เคยบ่นเบื่อ มีความสุขที่ได้ไปเรียนทุกวัน เรียนแบบนี้มา 2 ปีกว่าแล้ว หนูอยากเป็นนักร้องที่ทุกคนรู้จักอย่าง อารีนา แกรนเด ชาวอเมริกัน หนูฝันอยากเป็นนักร้องระดับโลก แต่ถ้าหนูไม่ได้เป็นนักร้องดังอย่างที่ตั้งใจไว้ โตขึ้นหนูจะไปเป็นครูสอนร้องเพลง คืออย่างไรก็ตามหนูจะทำงานสายดนตรีอย่างแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่หนูชอบที่สุด นึกไม่ออกว่าหนูจะไปทำอะไรอื่นนอกจากนี้แล้วหนูไม่ได้ทำเล่นๆ ในเส้นทางนี้” เธอกล่าวอย่างจริงจัง

เธอบอกว่าความชอบในการร้องเพลงนั้นน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากคุณแม่ของเธอที่ชอบร้องเพลง ตอนเด็กๆ คุณแม่จะร้องเพลงกล่อมและร้องเพลงให้เธอฟังก่อนนอนเสมอ ถ้าไม่ร้องเพลงกล่อมคุณแม่ก็จะเล่านิทานให้ฟังตั้งแต่เธอยังเล็กๆ จนตอนนี้คุณแม่ก็จะเปิดเพลงให้ฟังตลอดเวลาอยู่บ้านหรืออยู่ในรถ

“คุณแม่เล่าว่าตอนหนูอยู่ในท้องคุณแม่จะร้องเพลงให้ฟังตลอด เวลาที่ลูกดิ้นๆ ในท้องเวลาร้องเพลงลูกจะหยุดดิ้นสงบลงได้ แม่เลยชอบร้องเพลงให้ลูกฟัง เพราะอยากให้ลูกอารมณ์ดีและมีความสุข แล้วเวลาที่คุณแม่เขาร้องเพลงเขาก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย เพราะเหตุนี้หนูเลยชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลง เพราะฟังมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่จนชิน” เธอเล่าอย่างมีความสุข

สาริศา มั่นช้อย มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี

สาริศา มั่นช้อย มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี

สาริศา มั่นช้อย มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี