posttoday

นารุต ต่ายจันทร์ กับ เสียง(พูด)ที่หายไป

09 ธันวาคม 2561

คงตกใจมาก หากวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้ว

โดย มัลลิกา นามสง่า ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์

คงตกใจมาก หากวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้ว เสียงที่เราเคยเปล่งออกมาได้ยินดังฟังชัดอยู่ทุกวัน จู่ๆ ก็ค่อยๆ แผ่วเบา และเงียบหายไปในที่สุด แม้แต่เสียงลมออกจากปากก็ไม่มีแว่วให้ได้ยิน

“ต่าย-นารุต ต่ายจันทร์” ได้เผชิญกับสถานการณ์นั้นมาแล้ว ในวัยวารที่เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ หน้าที่การงานดีในตำแหน่งครีเอทีฟเอเยนซีชื่อดัง เงินเดือนสูง มีลูกน้องจำนวนมาก

2 ปีที่เขาได้ยินเสียงต่างๆ นานา หากไร้เสียงวาจาจากตัวเอง ทว่าเสียงจากภายในตัวตนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ

เสียงดัง ด่าชัด ใช้ชีวิตเต็มที่

นารุต ต่ายจันทร์ กับ เสียง(พูด)ที่หายไป

นารุตเป็นเจ้าของอาร์ตสเปซ “เอสโอเอส สเปซ ออฟ สีลม” พื้นที่ให้ศิลปินทุกเชื้อชาติที่ต้องการแสดงงานศิลปะทุกแขนง และเป็นหุ้นส่วนร้าน “ตรอก สีลม” มีเพื่อนฝูงแวะมาทักทายกันมากหน้าหลายตา แต่งานร้านเขาไม่ได้เข้าบ่อยนัก หรือเข้าก็ไม่อยู่จนดึกดื่นเหมือนสมัยเป็นนักเที่ยวที่ดื่มจนร้านปิด

ย้อนไปเมื่อปี 2009 คือจุดเริ่มต้นของอาการเจ็บคอ แต่ก่อนหน้านั้นหลายปี เขาใช้ชีวิตแบบไร้เวลา กิน ดื่ม ทำงาน เที่ยว เรียกว่าไม่สนใจเวลานอน นอนกี่ชั่วโมงไม่รู้ รู้แค่หมดกิจกรรมก็นอน ถึงเวลางานตื่นไปทำ ชีวิตวนอยู่แบบนี้หลายปี

“ผมใช้ชีวิตแบบสุดโต่ง ตอนนั้นอยู่เอเยนซีทำงานไร้กาลเวลา แล้วตัวงานค่อนข้างเครียด เลิกงานก็ดื่ม แล้วก็มีจ๊อบพิเศษทำอีก ตื่นมาก็ทำงานต่อ พักผ่อนน้อย ดื่มหนัก สูบด้วย”

ไม่เพียงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่บั่นทอนสุขภาพ บุคลิกนิสัยก็ส่งผลต่ออาการเจ็บคอด้วย “ผมพูดจาเสียงดัง โวยวาย เวลาสั่งลูกน้อง เฮ้ย มึง กู ตะโกน ยิ่งงานคอนเสิร์ตต่างๆ มันเสียงดัง อยู่ไกลกัน ก็ต้องตะโกน

เป็นคนโผงผางตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ใช่นักเลงนะ ดูหน้าตาเป็นเด็กเนิร์ดด้วยซ้ำ แต่ผมพูดดัง พูดไม่เพราะ

มีช่วงหนึ่งเริ่มเจ็บคอ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เหมือนเวลาเรากินเหล้าหนักๆ พักผ่อนน้อย ตื่นมารู้สึกเจ็บคอ ปล่อยให้มันเจ็บซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่พัก ไม่ดูแลสุขภาพ คิดว่าเดี๋ยวก็หาย ทำซ้ำไปจนเจ็บถาวร เจ็บทุกวัน”

อาการเจ็บคอที่เกิดกับใครก็ได้ อาการเจ็บคอที่ดูเหมือนว่าร่างกายป่วยเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพึ่งยา ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนก็หาย ทำให้นารุตประมาท เพราะคิดว่าเจ็บคอเดี๋ยวก็หาย เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดี แต่ด้วยลักษณะนิสัยใจคอที่ไม่กลัวกับอะไร ทำให้เขาละเลยอาการเจ็บคออยู่นานร่วม 2 ปีเลยเทียว

“อาการตอนแรกเจ็บเล็กน้อยเหมือนคนจะเป็นหวัด เจ็บตรงลูกกระเดือก กลืนน้ำลายเจ็บคอ ตอนนั้นดื่มเหล้าหนักด้วย ก็คิดว่าเพราะดื่ม นอนน้อย คืนไหนเรานอนเยอะก็ไม่ค่อยเจ็บ ไม่ได้ไปหาหมอ”

วันที่ไร้เสียงพูด

นารุต ต่ายจันทร์ กับ เสียง(พูด)ที่หายไป

เจ็บคอกลายเป็นอาการที่คุ้นเคยกันไปเสียแล้ว ชีวิตก็ยังวนเวียนไปกับการทำงานหนัก นอนน้อย ดื่มหนัก แล้วพูดเสียงดัง ตะโกนอยู่แทบตลอดเวลา

นอกจากเจ็บคอ เสียงที่ดังฟังชัด เริ่มเบาลงเรื่อยๆ จนหลายคนทัก เสียงเบาลงเรื่อยๆ กลายเป็นเสียงแหบพร่า เปล่งเสียงสูงไม่ได้ ส.เสือ ข.ไข่ นี่ออกเสียงไม่ได้เลย หากเขาก็ยังตะโกน โวยวายในขณะสั่งงานลูกน้องเช่นเดิม แต่ลูกน้องเริ่มไม่ได้ยินแล้ว

“ระหว่างนั้นเริ่มลดเหล้า ลดบุหรี่ ใจอยากโวยวายแต่ไม่มีเสียง เสียงค่อยๆ แหบ เจ็บอยู่เรื่อยๆ ตอนนั้นเจ็บคอทุกวันแล้ว

เสียงแหบลงเรื่อยๆ ตอนนั้นผมเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนพิเศษเกี่ยวกับมัลติมีเดียที่ศิลปากร เป็นติวเตอร์ที่โรงเรียนสอนพิเศษ จนต้องลาออก พูดไม่มีเสียงเป็นคำแล้ว พูดผ่านไมค์ก็ไม่ดัง จนวันหนึ่งไม่เจ็บคอ แต่เสียงพูดเบาจนหายไปเลย”

คนใกล้ชิดเริ่มตกใจ กังวลแทนเจ้าตัว จากคนเสียงดังกลายเป็นคนพูดไม่มีเสียง แม้แต่เสียงลมพ่นออกมาก็ไม่มี แต่เจ้าตัวก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดี๋ยวเสียงก็มา

“ผมเห็นคนอื่นทุกข์ใจไง ถ้าผมทุกข์อีกเขาก็ยิ่งเป็นห่วง พ่อแม่ตอนนั้นก็กังวลเป็นห่วงมาก แต่ใจผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ เดี๋ยวเสียงก็มา ไม่เคยคิดสักแวบหนึ่งเลยว่า จะพูดไม่ได้อีก ยังไม่ตกใจ ไม่กังวลมาก

ตอนนั้นเสียงไม่มีแล้ว มีแต่เสียงลมก็ไปหาหมอ หมอส่องกล้องลงไปดู บอกว่า เส้นเสียงอักเสบ เส้นเสียงจะตรงเวลาเสียงต่ำจะกว้างออก เสียงต่ำจะแคบใกล้กัน แต่เส้นเสียงของผมมันยึกยือ มันปิดไม่สนิท มันบวม

หมอตัดก้อนเนื้อตรงเส้นเสียงไปตรวจว่าเป็นเนื้อร้ายไหม ปรากฏว่าเป็นหูด แบบที่ขึ้นที่เท้า ช่วงที่ผ่าตัดก้อนเนื้อคือเสียงหายแล้ว

รักษาด้วยการเลเซอร์เส้นเสียง ส่องลงไปทางปาก เลเซอร์ครั้งแรกทรมานมาก เพราะเป็นการเคลียร์เส้นเสียงครั้งแรก เลือดเต็มปากไปหมด กลับบ้านก็ห้ามถ่มน้ำลาย ให้ขย้อนออกเบาที่สุด”

ระหว่างนั้นเขายังทำงานปกติ ลดเที่ยว งดดื่ม พักผ่อนด้วยการนอนมากขึ้น และกินอาหารตามที่หมอแนะนำ แต่ยังโวยวายสั่งงานลูกน้องด้วยท่าทางหากปราศจากเสียง

นารุตได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานด้วยการใช้นกหวีดเป่าเรียก แล้วเขียนลงในสมุดฉีกสั่งงานลูกน้อง ในระหว่างเวลางานจึงมีเสียงนกหวีดดังเป็นระยะๆ

“ถ้าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนรักษา งานก็ต้องทำ จ๊อบพิเศษก็ยังมี ผมโชคดีมากที่เจ้านายยังให้โอกาส ทุกคนเข้าใจ แต่ยังไงก็เป็นอุปสรรค เวลาปรีฟงาน ต้องสื่อสาร ขนาดเราพูดให้เขาฟังยังไม่เข้าใจตรงกัน พิมพ์ให้ดูก็ยิ่งไปกันใหญ่ แต่ตอนนั้นผมพิมพ์คล่องเลยนะ”

หมอบอกว่า 2 อาทิตย์เสียงจะค่อยๆ กลับมา เสียงอาจมาแบบแหบๆ แต่เมื่อครบกำหนดก็ยังไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง

“คิดว่าสักวันก็พูดได้ ไม่คิดว่าจะไม่มีเสียง ไม่ได้กลัว มีเลเซอร์ครั้งหนึ่ง เพราะคางผมสั้นใส่สายครอบออกซิเจนไม่ได้ ต้องให้ยาสลบตอนเลเซอร์ แล้วผมสลบไปนานกว่าปกติ ตื่นมาในห้องไอซียูเห็นแม่ยืนอยู่ ความคิดตอนนั้นผมอยากบวช เพราะแม่อยากให้ผมบวช แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีความคิดที่จะบวชเลย

ช่วงที่ไม่มีเสียงผมคิดเสมอว่า ที่ผ่านมาเราทำอะไร พูดจายังไง ผมนี่พูดคำด่าคำ คนไม่สนิทมาพูดด้วยก็ไม่ได้พูดเพราะ เป็นคนปากหมาเลยละ โวยวาย เสียงดัง ก็เลยคิดว่าเขาคงไม่อยากให้เราพูดมั้ง ให้เราได้หยุดพูดบ้าง แต่ก็คิดเสมอเดี๋ยวเสียงก็มา เขาแค่ให้เราหยุดพูดบ้าง”

เสียงมีค่า พูดที่มีประโยชน์

นารุต ต่ายจันทร์ กับ เสียง(พูด)ที่หายไป

นารุตรักษาด้วยการเลเซอร์เดือนเว้นเดือน อยู่ 2 ปี “คอเจ็บตลอด ผมไม่พูดเลย พูดแล้วเจ็บ มีแค่เทสต์เสียงตอนเช้า วัน ทู วัน ทู แต่ก็ไม่มีเสียง ผ่านมา 3 เดือนเริ่มมีเสียงลมนิดหนึ่ง ใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้ยินเสียงเป็นคำ

เสียงหายเป็นปี ไม่มีเวลาเครียด งานก็ทำ รถก็ต้องผ่อน แต่เน้นพยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง เมื่อก่อนไม่สนเลยว่าจะนอนกี่ชั่วโมง ทุกวันนี้ถ้านอนไม่พอตื่นมาเสียงก็เบาลงกว่าเดิมอีก ก็ต้องพักผ่อนให้ได้เยอะๆ”

หลังจากลาออกจากงาน ได้เงินมาก้อนหนึ่งทำธุรกิจซื้อขายของเก่า ก็โดนวิกฤตน้ำท่วม จากนั้นมาลงทุนกับเพื่อนก็ถูกหักหลัง ถูกปลอมลายเซ็น ชีวิตเรียกว่ากลับมาจุดขัดสน แต่เพราะชีวิตผ่านความยากลำบากมามาก แค่เสียงพูดไม่มีจึงไม่บั่นทอนจิตใจเขามากนัก

“ผมไปบนกับหลวงพ่อทันใจ ที่พระธาตุดอยคำ เชียงใหม่ ขอให้เสียงมา ผมคิดได้เรื่องหนึ่งตอนบวช ผมไม่มีเสียง ผมต้องเลิกสอน ซึ่งผมรู้สึกเสียดายมาก เรามีประสบการณ์ มีความรู้ในสายงานนี้ ซึ่งคนที่มีความรู้เก่งๆ ก็มีมาก แต่คนที่รุ่นน้อง ลูกน้องเข้าถึงได้ง่าย ถ่ายทอดประสบการณ์ให้มีไม่กี่คน ผมอยากถ่ายทอดวิชาให้ ถ้าผมหาย ผมจะถ่ายทอดให้กับรุ่นน้อง เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจและผมก็ได้ทำ”

นารุตทำการเลเซอร์จนเส้นเสียงไม่มีตะปุ่มตะป่ำอะไรให้เคลียร์อีกแล้ว และเสียงเขาก็ค่อยๆ กลับมา เริ่มจากมีลม เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้ แต่ต้องอยู่ใกล้กันมากๆ ถึงจะได้ยินเสียง

จนเมื่อพูดได้โดยไม่เจ็บคอแล้ว หากแต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป เสียงเบา แหบพร่า และไม่เพียงน้ำเสียง ท่าทาง บุคลิกของนารุตก็เปลี่ยนไป พูดน้อย นิ่ง เพื่อนฝูงต่างบอกว่า คนละขั้วกับนารุตที่เสียงดัง โหวกเหวกโวยวาย พูดคำตะโกนสองคำ

“ตอนนั้นคำพูดเป็นสิ่งเดียวที่มีค่ามากในตอนนั้น ช่วงไม่มีเสียงผมคิดว่า เราพูดอะไรไม่เหมาะ เราพูดอะไรไม่ค่อยดี ก็เลยเริ่มพูดน้อยลง คำพูดเรามีค่ามาก เลือกเรื่องที่จะพูดเท่านั้น เรื่องไม่จำเป็นไม่พูด ไม่พูดมาก เจ็บคอ

ปี 2016 เสียงเริ่มมาปกติ แต่เบา ไม่เจ็บคอ เสียงสูงพูดไม่ได้ เริ่มร้องเพลงได้บ้าง เหตุการณ์หลายอย่างช่วงที่ไม่มีเสียงทำให้ผมนิ่งขึ้นนะ ไม่โผงผาง ไม่โวยวาย ผมกลายเป็นคนนิ่งที่สุดในกลุ่มเพื่อน”

ผู้สร้างแสง สี เสียง

นารุต ต่ายจันทร์ กับ เสียง(พูด)ที่หายไป

ปัจจุบัน นารุต เปิดบริษัท ร็อก แอนด์ โรลล์ (Rock and Roll) ทำงานครีเอทีฟ อินเตอร์แอ็กทีฟ ไลติ้ง ที่คอยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับอีเวนต์ งานที่เพิ่งผ่านสายตาของผู้คนไป คือ โชว์ไลติ้ง วันเปิดไอคอนสยาม ในส่วนของแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส

นารุต ในวัย 38 ปี เล่าถึงงานที่เขาทำด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เหมือนมีเสียงลมผสมออกมาด้วย พูดโทนเสียงสูงยังได้ไม่เต็มที่ และต้องตั้งใจฟังกันอย่างใกล้ชิด หากไม่มีอาการเจ็บคอแต่อย่างใด ซึ่งน้ำเสียงนี้เป็นผลมาจาก 7 ปีก่อน

“กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นเอเยนซี ออแกไนเซอร์ ที่ต้องการความที่ไม่ใช่งานตีกล่อง ติดอิงก์เจ็ต งานที่ผ่านมาของร็อก แอนด์ โรลล์ ส่วนใหญ่จึงมีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน ไม่จำเจในรูปแบบ จึงเหมาะกับงานอีเวนต์ที่ต้องการความเป็นครีเอทีฟและเทคโนโลยีสูง”

ผลงานของเขาเคยส่งเข้าประกวด เช่น M Interaction ชื่อว่า Bring Scrat Back ของ Twisties และ Slow Crisis ของ Happy แม้ไม่ได้รางวัล แต่ก็ได้เข้ารอบสุดท้ายในงาน Dragonof Asia 2015

“เราให้ความสำคัญกับงานไลติ้ง เพราะเรารู้สึกว่ามันสนุก และก็อยู่กับงานตรงนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสายอันเดอร์กราวด์ งานศิลปะ งานทดลองต่างๆ

รวมถึงกลุ่มของน้องๆ พี่ๆ ที่อยู่ตรงนี้หลายๆ ทีม ก็เคยทำงานอันเดอร์กราวด์ ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียงจนกระทั่งปัจจุบัน กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกลุ่มศิลปินแนวหน้าของประเทศไปเกือบหมดแล้ว เช่น Eyedropper Fill และ Keep Your Eyes On

เรารู้สึกว่าเหมือนไม่ได้ทำงาน เราเหมือนกำลังสร้างงานศิลปะให้คนดูชมมากกว่า ที่สนใจเรื่องของแสง จริงๆ แล้วแสงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการโชว์ เราใส่อารมณ์ร่วมเข้าไปให้เขา ให้งานของเขามีความหมายมากขึ้น ทำให้งานเรามีจุดเด่น กลายเป็นจุดแข็งขึ้นมาเหมือนกัน

การออกแบบแสงกับการควบคุมแสงในอินดอร์มันง่ายกว่าอยู่แล้ว จุดสนใจมีจุดเดียว ในฮอลล์มืดหมด เปิดไฟดวงเดียวก็เด่นแล้ว แต่เอาต์ดอร์มีสภาพแวดล้อม ลม อากาศ เมฆ ซึ่งควบคุมไม่ได้ ถ้าทำในตึกสูงๆ มักจะเจอเงื่อนไขนี้ ฤดูกาลก็เกี่ยว มันเป็นเรื่องอุณหภูมิของแสง แดดหน้าหนาวจะสวยที่สุด เมฆก็จะอีกสีหนึ่ง

ในช่วงสิ้นปี 18-31 ธ.ค. เรามีงานบิวตี้ฟูลแบงค็อก เทศกาลช่วงเฉลิมฉลอง ที่แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นแมพปิ้ง 7 ศิลปิน

ผมทำทั้งไลติ้งดีไซน์และเป็นไดเรกเตอร์ ที่นำ 7 ศิลปินสตรีทอาร์ตและมัลติมีเดียมารวมกัน พูดถึงความสวยงามของกรุงเทพฯ ในคอนเซ็ปต์ ซิมโฟนี่ ออฟ แฮปปี้เนสส์ ผ่านมุมมองของศิลปิน”

นารุตทำงานร่วมกับผู้คนจำนวนมาก คุมทีม สื่อสารกับลูกน้องหลายคน เรื่องเสียงสำหรับเขาไม่เป็นอุปสรรคใดๆ แม้จะไม่สามารถพูดเสียงดังด่าชัดได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ในทีมก็เข้าใจทำงานร่วมกันได้ดี หากคนที่ไม่เคยเจรจากันมาก่อน จะต้องตั้งใจฟัง และเขยิบตัวมาใกล้ชิดกันสักนิดเพื่อให้จับใจความได้ครบถ้วนและถูกต้อง

จากการไร้เสียงพูด ทำให้ตระหนักได้ดั่งคำพระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าจะพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์แล้วไปนอนเสียดีกว่า อย่าต้องพูดสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ไร้สาระเลย นิ่งเสียดีกว่า