posttoday

ชีวิตหนี้ บริหารดีก็มีเงินพอใช้

04 ธันวาคม 2561

นอกจากคำว่า ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐแล้ว แต่อีกคำที่มีความหมายไม่แพ้กันก็คือความไม่มีหนี้ถือเป็นลาภอันประเสริฐ

เรื่อง  กันย์ ภาพ  pixabay 

นอกจากคำว่า ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐแล้ว แต่อีกคำที่มีความหมายไม่แพ้กันก็คือความไม่มีหนี้ถือเป็นลาภอันประเสริฐ สำหรับคนชั้นกลางทั่วไปที่พอมีกินมีใช้ไม่ลำบากนั้นก็ถือว่าชีวิตโชคดีกว่าคนอื่นเยอะแล้ว จะหวังร่ำรวยในยุคข้าวยากหมากแพงแบบตอนนี้นั้นอย่าหวังเลย ที่แย่กว่านั้นก็คือยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังเผชิญปัญหาเป็นหนี้ ซึ่งรายได้ที่เข้ามาก็ไม่พอใช้สักเท่าไหร่ แล้วไหนจะต้องแบ่งไปชำระหนี้อีก ยังไม่รวมถึงภาระอื่นๆ อีกมากมาย

หากกำลังมองหาวิธีการที่จะมาช่วยหมุนเงินให้ทันเวลาละก็ มาถูกทางแล้ว วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาดู 7 วิธี ใช้หนี้ แม้หมุนเงินไม่ทัน จะมีอะไรบ้างลองมาอ่านดูค่ะ

1.ลดค่าใช้จ่าย หากสังเกตได้ว่ารายได้เริ่มจะไม่พอใช้ได้อย่างชัดเจน เราต้องรีบหาทางแก้ไขกันแล้ว โดยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้ทุกอย่างเท่าที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำค่าของอุปโภคบริโภคต่างๆ ถ้าเราไม่สามารถลดส่วนนี้ได้มาก จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องลดค่าใช้จ่ายด้านบันเทิง อาหารหรูหรา ท่องเที่ยว ให้ด่วนที่สุดนะจะบอกให้ ถ้าหารายได้เพิ่มไม่ได้ ก็จงลดรายจ่าย

2.สร้างรายได้มากขึ้น ในเมื่อรายได้เริ่มไม่พอใช้ขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องหาอะไรทำสักอย่างเพื่อเพิ่มพูนรายได้สักหน่อย อาจจะหางานพาร์ตไทม์ทำ อาชีพเสริม หรือทำงานนอกเวลาที่ไม่ส่งผลกระทบต่องานประจำ เพื่อหารายได้เข้ามาให้มากที่สุด โดยมีหลายช่องทางมากมาย เช่น ขายของตามเทศกาลต่างๆ หลังเลิกงาน หรือหาร้านทำช่วงเสาร์อาทิตย์ หากไม่สะดวกก็หาสินค้ามาขายออนไลน์ได้อีกด้วยนะ

3.หยุดก่อหนี้เพิ่ม นี่คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเลย ในเมื่อเราเป็นหนี้อยู่แล้ว ก็ต้องหยุดก่อหนี้เพิ่ม เพราะถ้าต้องจ่ายทั้งเจ้าหนี้เก่าและเจ้าหนี้ใหม่ รับรองเลยว่าแย่แน่ๆ บางคนอาจจะใช้วิธีการกดเงินสดจากบัตรเครดิตใบหนึ่งไปเพื่อไปจ่ายหนี้อีกใบ ซึ่งดอกเบี้ยสูงมากอย่างแน่นอน และพวกหนี้นอกระบบลืมไปได้เลยอย่าได้ไปเกี่ยวข้องเป็นเด็ดขาด จะกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่ยากจะชำระคืนอีกด้วย ทางที่ดีชำระหนี้เจ้าเดิมให้หมดก่อนดีที่สุด

4.งดใช้บัตรเครดิต ปกติหากเราใช้บัตรเครดิตในการจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ เพราะสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินให้หนักกระเป๋า แต่ถ้าเราไม่สามารถชำระบิลเรียกเก็บเงินได้เต็มจำนวน แบบนี้ก็เท่ากับสร้างหนี้บัตรเครดิต ทำให้ตัวเองมีหนี้มากกว่าเดิม ถ้าเทียบกับการใช้เงินสด เวลาเราจ่าย จะทำให้รู้ว่าเงินในกระเป๋ามันหายไปในทันที เห็นกับตาเลยว่า เราใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่ และเราจะรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากจะจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น ทำให้ต้องคิดเยอะกว่าเดิม แบบนี้แหละจะได้ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ใช้เงินสดไม่มีก็ไม่ใช้ แต่การใช้บัตรเครดิตเหมือนเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้

5.รีไฟแนนซ์ช่วยได้ หากเราใช้หนี้ไม่ไหวจริงๆ เพราะมันมีมากเหลือเกิน การรีไฟแนนซ์ช่วยได้ โดยการเจรจากับผู้ให้กู้รายใหม่หรือรายเดิม ทำการรวมยอดหนี้ทั้งหมดไว้ในก้อนเดียว จะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้กู้ แต่เราต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลาในการขอรีไฟแนนซ์ด้วยว่าคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ดอกเบี้ยถูกลงหรือไม่

6.เจรจาขอผ่อนผันกับเจ้าหน้าที่ จริงๆ แล้วสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ไหนๆ ก็อยากให้เราคืนเงินจนครบจำนวนกันทั้งนั้น ถ้าเราเข้าไปเจรจาโดยขอลดดอกเบี้ยลง ขอลดอัตราการชำระหนี้ขึ้นต่ำต่อเดือน ยืดอายุหนี้ ยังไงเขาก็ประนีประนอม อย่างน้อยๆ เราก็ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจะชดใช้หนี้ให้เห็นจริงๆ เจ้าหนี้เองก็ไม่อยากให้หนี้เราเป็นหนี้เสีย หรือหนี้สูญ ภาระจะได้เบาลงบ้าง

7.วางแผนการเงิน พอลองคิดๆ ดูแล้ว ที่เราเป็นหนี้ อาจเป็นเพราะเราไม่เคยวางแผนการเงินหรือเปล่า ที่ต้องทำก็ไม่ได้ยากเลยนะ แค่เราต้องแบ่งเงินรายได้ของเราเป็นส่วนๆ โดยแบ่งเป็น เงินสำหรับการใช้จ่าย เงินสำหรับการออม เงินสำหรับการใช้จ่ายก็สามารถแบ่งออกเป็น ค่าใช้จ่ายจำเป็น กับค่าใช้จ่ายยืดหยุ่น ซึ่งถ้างบประมาณตรงนี้เราใช้ไม่หมด เราก็สามารถเอาไปไว้ตรงส่วนเงินออมได้อีกด้วย หากใครกำลังเป็นหนี้ก็อย่าเพิ่งท้อกันนะ ลองนำวิธี
เหล่านี้ไปใช้ รับรองปลดหนี้ได้รวดเร็วและสบายใจอย่างแน่นอน วินัยการเงินเริ่มจากตัวเราเองเป็นหลัก