posttoday

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ส่อง 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจ

24 พฤศจิกายน 2561

แม่ทัพกลุ่มฟู้ดไทยเบฟเวอเรจ เป็นแม่ทัพหญิงหนึ่งเดียวภายใต้ร่มเงาของไทยเบฟเวอเรจ นงนุช บูรณะเศรษฐกุล

โดย รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย 

แม่ทัพกลุ่มฟู้ดไทยเบฟเวอเรจ เป็นแม่ทัพหญิงหนึ่งเดียวภายใต้ร่มเงาของไทยเบฟเวอเรจ นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ที่เข้ามาดูแลกลุ่มธุรกิจอาหารซึ่งมีด้วยกัน 27 แบรนด์ และมีสาขากว่า 562 สาขาในปัจจุบัน

มุมมองของผู้บริหารหญิงเหล็กเชื่อมั่นว่า ธุรกิจอาหารในตลาดอาเซียนรวมทั้งไทยยังสามารถเติบโตได้ที่ 7% อย่างต่อเนื่องกระทั่งปี 2563

นงนุช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจอาหารประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ บอกว่า การเข้ามานั่งแท่นบริหารสายงานธุรกิจอาหาร แม้ว่าจะมีประสบการณ์การทำธุรกิจดังกล่าวมาอย่างโชกโชน แต่มุมมองของตัวเองแล้ว เป็นธุรกิจที่เผชิญกับความท้าทาย

“ทั้งด้านการแข่งขันในตลาด ซึ่งมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในฐานะเป็นแม่ทัพต้องขับเคลื่อนธุรกิจอาหารให้เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง”

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ส่อง 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจ

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารในยุคนี้ นงนุช ชี้ว่าจะต้องมุ่งเน้นนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร ต้องดีต่อสุขภาพ พร้อมกับการขยายธุรกิจในทุกโมเดลและทุกช่องทาง ตั้งแต่การรับประทานอาหารที่ร้านจนกระทั่งถึงบ้าน

“สิ่งสำคัญอาหารและบริการที่ดีนั้น ต้องตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ ส่วนธุรกิจจะยืนหยัดอยู่ได้หรือไม่นั้น ฟันเฟืองสำคัญขององค์กรคงหนีไม่พ้นบุคลากร ซึ่งมองว่าต้องปรับรากฐานกระบวนการทำงานและองค์ความรู้ของคนเดิมๆ ในยุคดิจิทัล รับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี”

ในฐานะที่เป็นมืออาชีพในวงการธุรกิจอาหารและมีชั่วโมงการบินสูงถึง 27 ปี นงนุช ยอมรับว่าเป็นสมรภูมิธุรกิจที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง มีแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น หลากหลายทั้งตะวันตก ตะวันออก ให้ผู้บริโภคได้ทดลองอย่างต่อเนื่อง

“เปรียบเสมือนพื้นที่มีเท่าเดิม กระเพาะของคนก็มีเท่าเดิม แต่จะทำอย่างไรให้สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของเราที่มีอยู่เข้าไปแย่งพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด การทำงานหรือกระทั่งกลยุทธ์การตลาด ต้องปรับตัวให้ทันตลอดเวลา แข่งขันกันที่โปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ตลอดเวลา รวมทั้งต้องมุ่งนำเสนอเมนูอาหารใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านให้ได้”

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ส่อง 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจ

นงนุช ชี้ว่า เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจร้านอาหารมีด้วยกัน 5 เมกะเทรนด์ใหญ่ ซึ่งธุรกิจต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและต้องจับตาให้ดี

“เริ่มตั้งแต่การก้าวสู่สังคมเมือง ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป เริ่มต้องการอาหารที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์สังคมที่เร่งรีบตลอดเวลา ตามด้วยเทรนด์ที่ 2 การเติบโตของประชากรผู้มีรายได้ระดับกลาง จากเดิมมีสัดส่วน 20% จะเพิ่มเป็น 50% ในปี 2563 สะท้อนว่าคนไทยมีกำลังการซื้อเพิ่มขึ้น อาหารที่ทำต้องยกระดับหรือต้องตอบสนองกับกลุ่มดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่เทรนด์ที่ 3 ธุรกิจต้องรับมือเป็นพิเศษ เทคโนโลยีที่เข้ามาและพร้อมจะดิสรัปชั่น หากธุรกิจไม่ปรับตัว และแน่นอนกระแสที่ยังคงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสตรีทฟู้ดที่มีบริการรับส่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่านทางแอพพลิเคชั่น เทรนด์ที่ 4 การใส่ใจและดูแลสุขภาพของคน ทำให้มองหาอาหารที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ อาหารในยุคนี้อร่อยอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องดีต่อสุขภาพด้วย

ส่วนเมกะเทรนด์สุดท้าย การนำธุรกิจไปสู่ตลาดอาเซียน เพราะเป็นตลาดใหญ่มีประชากรร่วม 600 ล้านคน การเติบโตภายในประเทศไม่พอ แต่ต้องมองตลาดภายนอกเวทีระดับอาเซียน”

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ส่อง 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจ

นงนุช กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจร้านอาหาร ส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขา ยุทธศาสตร์ของบริษัทจะขยายสาขาอย่างน้อย 50 สาขาทุกๆ ปี ภายใต้การใช้งบราว 400-500 ล้านบาท

“อย่างร้านอาหารในเครือโออิชิ ซึ่งยังเป็นธุรกิจขับเคลื่อนรายได้ให้กับบริษัทและเป็นย่างก้าวแรกๆ ที่นำทัพไทยเบฟเวอเรจแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจอาหาร ปีนี้ถือว่าก้าวสู่ปีที่ 10 แล้วหลังจากการเทกโอเวอร์ธุรกิจมา กระทั่งปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 90 สาขา แต่ขยายอาณาจักรร้านอาหารญี่ปุ่นในสเต็ปต่อไปคือ การสร้างการเติบโตในตลาดต่างจังหวัด นั่นคือโอกาสที่เราต้องขับเคลื่อนต่อไป”

ในส่วนของธุรกิจฟู้ดออฟเอเชีย ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต นงนุช บอกว่าโจทย์ของไทยเบฟเวอเรจคือต้องการทำธุรกิจอาหารเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความนิยมของคนเอเชีย

“ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ไม่ใช่แค่มองอาหารไทย ซึ่งขณะนี้มีร้านอาหารในเครือรวม 5 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร So Asean Cafe & Restuarant ร้านกาแฟ So Asean Coffee ภัตตาคารจีนสไตล์กวางตุ้ง หม่าน ฟู่ หยวน ฟู้ด สตรีท และแบรนด์สุดท้าย MX ร้านเค้กและเบเกอรี่ ยุทธศาสตร์การทำธุรกิจของเราตอนนี้ ทำอย่างไรให้คนอยากกินอาหารอาเซียน”

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ส่อง 5 เมกะเทรนด์พลิกโฉมธุรกิจ

ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจบริการอาหารจานด่วน นงนุช บอกว่าบริษัทเพิ่งไปซื้อแฟรนไชส์เคเอฟซี จำนวน 240 สาขา แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงในธุรกิจบริการอาหารจานด่วน แต่ก็มองว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

อย่างไรก็ดี ย่างก้าวเดินของธุรกิจอาหารภายใต้แม่ทัพหญิง นงนุช ซึ่งเธอย้ำว่ามุ่งเน้น Organic Growth หมายถึงการเติบโตโดยธรรมชาติ และยังไม่เน้นการปลุกปั้นแบรนด์ใหม่หรือเข้าไปเทกโอเวอร์ใหม่ แต่มุ่งการบริหารแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอซึ่งมีอยู่ร่วม 27 แบรนด์ ให้สอดรับกับเทรนด์และพร้อมกับขับเคลื่อนนวัตกรรมรวมถึงการเข้าถึงลูกค้าในทุกช่องทาง