วิตามิน กินมากไปใช่ว่าดี
ทุกคนเชื่อว่าการรับประทานวิตามินเสริมจำนวนมากจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายยิ่งมากก็ยิ่งดี
เรื่อง กั๊ตจัง ภาพ pixabay
ทุกคนเชื่อว่าการรับประทานวิตามินเสริมจำนวนมากจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายยิ่งมากก็ยิ่งดี หรือถ้าได้มากเกินไปร่างกายก็จะขับทิ้งออกไปเองแต่ที่จริงแล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างควรได้รับแต่พอดีมิเช่นนั้นก็จะเกิดโทษแก่ร่างกายได้เช่นกัน มีวิตามินอะไรบ้างที่รับประทานมากไปแล้วเกิดโทษเรามาดูกัน
วิตามินเอ
ประโยชน์ของวิตามินเอ คือ ช่วยรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง ป้องกันผิวแห้ง ตกสะเก็ด บำรุงสายตาช่วยให้มองเห็นได้ในที่แสงน้อย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายของเราอีกด้วย แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมันและสามารถสะสมในร่างกายเพื่อเก็บกักไว้ใช้งานได้ ฟังแล้วดูเหมือนจะดีเพราะจะได้เก็บไว้ในยามที่เราเผลอลืมการรับประทานวิตามินเอไป
หากรับประทานมากเกินไปจะส่งผลต่อร่างกายเรา เช่นอาจเกิดอาการอาหารเป็นพิษแบบเฉียบพลัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน กระวนกระวาย ปวดท้อง ตาพร่า ปวดกล้ามเนื้อ
สำหรับคนที่รับประทานวิตามินเอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผมร่วง ปวดหัว นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดกระดูก
ดังนั้นเราจึงไม่ควรรับประทานวิตามินเอในรูปแบบแคปซูลด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ แต่ควรรับประทานวิตามินเอในรูปแบบของอาหาร ซึ่งร่างกายเราสามารถกำหนดได้ว่าจะย่อยแปรรูปให้เป็นวิตามินเอแบบนำไปใช้ได้ตามความต้องการของร่างกาย หรือเลือกที่จะไม่ย่อยแล้วขับออกไป
วิตามินซี
วิตามินยอดนิยมที่ผู้คนรับประทานเพื่อป้องกันโรคหวัด และบำรุงผิว เป็นวิตามินที่ไม่สะสมในร่างกายเนื่องจากละลายน้ำและสามารถขับออกทางปัสสาวะได้ มีในผักผลไม้หลายชนิด เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และผักบางชนิด รวมทั้งแคปซูลวิตามินซี ที่หาซื้อได้ง่ายราคาถูกเพราะสกัดออกมาได้มากและง่ายกว่าวิตามินชนิดอื่นๆ
หากรับประทานในปริมาณที่พอจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงแต่ถ้ามากเกินไป จะเกิดภาวะอึดอัดในท้อง ท้องเสีย หรือระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด เราถึงพบได้ในอาหารที่มีรสเปรี้ยวนั่นเอง
การรับประทานในระยะเวลานาน อาจะทำให้เร่งการจับตัวของก้อนนิ่วในไตและโรคเกาต์ได้ ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่หากศึกษาผลข้างเคียงของการรับประทานวิตามินจะพบว่าร่างกายของเรานั้นมีความสามารถในการดูดซึมวิตามินซีในปริมาณที่จำกัด และขับส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นกรดสูง เพิ่มความเสี่ยงเกิดก้อนนิ่วในไต
ผลที่ตามมานอกจากนี้วิตามินจะเข้าไปยับยั้งความสามารถของร่างกายในการกำจัดกรดยูริก ทำให้กรดยูริกไปสะสมที่บริเวณข้อจะทำให้เกิดการอักเสบ เมื่อสะสมมากๆ ก็จะทำให้เกิดโรคเกาต์ตามมานั่นเอง
วิตามินดี
วิตามินตัวนี้เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองจากผิวหนังเมื่อสัมผัสกับแสงแดด จึงไม่มีความจำเป็นต้องหารับประทานวิตามินแบบแคปซูลเพิ่มนอกจากแพทย์สั่ง ที่สำคัญในเม็ดยาวิตามินรวมก็จะพบว่ามีปริมาณของวิตามินชนิดนี้ค่อนข้างน้อย หน้าที่ของวิตามินดี คือการทำงานร่วมกับแคลเซียม เช่น ปรับระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด
ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนและลดการแตกหักของกระดูก ถ้ารับประทานวิตามินดีมากเกินไป จะทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับและไตวาย
วิตามินอี
วิตามินอี เป็นส่วนหนึ่งของสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย มีมากในเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว แต่อย่างไรก็ดีวิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน สะสมในร่างกายได้จึงจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
มีรายงานด้านการแพทย์ไม่มากที่ที่ระบุถึงพิษจากการรับวิตามินอีมากเกินไป คนที่ได้รับพิษจากวิตามินอีจะส่งผลให้เกิดอาการ คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดหัว ตาพร่า เกิดอาการเลือดหยุดไหลช้าได้ เพราะวิตามินอีจะไปยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด และอาจขัดขวางการสร้างวิตามินเค ซึ่งเป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการจับตัวของเกล็ดเลือดอีกด้วย