posttoday

วิธีหาโอกาสดีๆ เวลาหุ้นลงหนักๆ

01 พฤศจิกายน 2561

ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เพียงแต่ว่าต้องพยายามมองหาโอกาสนั้นให้เจอแล้วพิจารณาอย่างถ้วนถี่อย่าโลภจนไม่มีสติ

เรื่อง กันย์ ภาพ pixabay

ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เพียงแต่ว่าต้องพยายามมองหาโอกาสนั้นให้เจอแล้วพิจารณาอย่างถ้วนถี่อย่าโลภจนไม่มีสติ แล้วจะพบโอกาสในการสร้างเม็ดเงินได้แม้ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบตลาดหุ้นตอนนี้ที่หลายคนรู้สึกว่าหุ้นเล่นยากและทำกำไรได้ยากมากเช่นกัน โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช นักลงทุนในตลาดหุ้นที่ประสบความสำเร็จมีข้อแนะนำที่น่าสนใจดังนี้

เขาบอกว่าทุกครั้งที่หุ้นตกหนักๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่สำหรับนักลงทุนที่เล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี หรือวีไอ (Value Investor) พันธุ์แท้ นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะพิจารณาเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเข้าพอร์ต โดยขอเสนอคำแนะนำ 10 ข้อ สำหรับ Value Investor ในการลงทุนท่ามกลางภาวะผันผวน ซึ่งน่าจะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับช่วงเวลาแบบนี้

1.เขียน Wish List ของคุณไว้

ระบุให้ชัดเจนว่าเล็งหุ้นตัวไหนไว้บ้าง หากราคาตกลงมาถึงเท่าไรจะซื้อเป็นจำนวนเท่าไร รวมแล้วมีงบสำหรับหุ้นตัวนี้เท่าไร เป็นสัดส่วนเท่าไรของพอร์ต แล้วลองร่างภาพรวมของพอร์ตที่ต้องการออกมาเลยยิ่งดี การเขียนรายการที่ปรารถนาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ในเวลาที่โอกาสมาถึง

2.เตรียมกระสุน

หากคุณมีเงินสด จงเตรียมไว้ให้พร้อม และให้พอ แต่หากไม่มีเงินสด และจำเป็นต้องขายหุ้นที่มีเพื่อเอาไปซื้อหุ้นตัวอื่น ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตน้อยที่สุด แล้วขายตัวนั้น แต่ก็ต้องมั่นใจว่าตัวใหม่ที่จะเข้าไปซื้อดีกว่าตัวปัจจุบันแน่ๆ และต้องระวังไว้ว่าสนามหญ้าอีกฝั่งหนึ่งแม้ดูเขียวกว่าแต่อาจไม่ดีเท่าสนามหญ้าฝั่งเราก็ได้

3.อย่าพยายามหาจุดต่ำสุด

คุณไม่มีทางรู้ว่าก้นเหวอยู่ที่ไหน จะตกลงไปถึงกี่จุด 1,400, 1,200 หรือ 900 จุด ก็ไม่รู้ ดังนั้น อย่าพยายามค้นหาไม่จำเป็นต้องฟังนักวิเคราะห์ เพราะความจริงคือไม่มีใครรู้หรอก ถ้าดูภาพรวมของปัจจัยพื้นฐานงบการเงินกำไรของบริษัทนั้นๆ ยังดีอยู่ ปันผลที่ดีเกิน 5% เป็นหุ้นที่แนวโน้มยังไปได้ดี เมื่อตกมาถึงระดับที่น่าพอใจก็เลือกเก็บสะสมได้เลย

4.ดูหุ้นเป็นรายตัว อย่าดูทั้งตลาด

หากจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ให้ศึกษาพื้นฐานของกิจการและจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบ ดีกว่าที่จะเข้าซื้อในวันที่ทั้งตลาดตก เพราะในสถานการณ์ที่ผันผวน คุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าวันต่อไปจะเป็นเช่นไร รีๆ รอๆ เลยไม่ได้เก็บของถูกราคาเหมาะสมเข้าตลาด

5.ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

วรรคทอง Anything is Possible ปกติใช้ในทางบวก แต่ในที่นี้ใช้ในทางลบคืออย่าคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้น อย่าคิดว่าอะไรเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด อย่าคิดว่าหุ้นตัวนี้ไม่มีทางตกลงไปมากกว่าจุดนั้นจุดนี้ เพราะในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ หุ้นมีขึ้นก็มีลง มีลงก็มีขึ้น ในการลงทุนก็เผื่อใจไว้บ้างอย่าโลกสวยว่ามันจะเขียวตลอดเวลา

6.ตามข่าวเพื่อเข้าใจภาพรวม

ปกติวีไอพันธุ์แท้ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเกาะติดมากนัก เพราะเราให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการเป็นสำคัญ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เราควรเข้าใจภาพรวมของตลาดหุ้นและภาวะเศรษฐกิจโลกเอาไว้บ้าง เช่น เฟดจะมีมติเรื่องขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไร ข่าวทางไทยเองเป็นยังไงบ้าง แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

7.อย่าหลงไปกับการรีบาวด์

(ดีดตัวแรงขึ้น)

เวลาหุ้นถูกแรงบีบให้ตกต่ำลงมาเรื่อยๆ พอมีข่าวดีหรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเล็กน้อย หุ้นจะดีดกลับขึ้นไปแรงมากเพราะถูกอั้นไว้นาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าสถานการณ์โดยรวมมีอะไรดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด ดังนั้น หากกระโดดเข้าไปซื้ออาจพลาดพลั้งได้

8.อย่ากลัวตกรถไฟ

ในช่วงวิกฤตมักเกิด Head & Shoulders Pattern คือ ดัชนีตกถึงจุดหนึ่งแล้วหันหัวกลับขึ้นไป ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การรีบาวด์สั้นๆ แต่ขึ้นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้เราเชื่อว่าคราวนี้ของจริงคงอยู่ในขาขึ้นจริงๆ แล้วกระโดดเข้าไปซื้อจากนั้นดัชนีก็ตกลงอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคิดให้ดี อย่าเอาแต่กลัวที่จะพลาดโอกาสทอง จงอย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนั้นจะพาคุณไปไหน เอาแบบชัวร์ๆ รอขึ้นเที่ยวต่อไปแพงหน่อยแต่มั่นใจว่าไม่พาไปผิดทางดีกว่า

9.ซื้อแล้วอย่าคิดมาก

เราไม่มีทางซื้อหุ้นได้ในจุดที่ต่ำที่สุด ถ้าเลือกถูกตัว ยังไงก็กำไร แต่อย่าลืมว่าวีไอเราถือยาวอยู่แล้ว อย่าอิจฉาถ้าใครเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ แม้ต้นทุนเราอาจจะแพงกว่าเขาไปบ้างก็ไม่เป็นไร บางตัวถูกบางตัวแพงถัวๆ กันไป ได้น้อยก็ดีกว่าไม่ได้เลย

10.เน้นหุ้นพื้นฐานดีเอาไว้

ปกติวีไอเน้นซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่กรณีที่หุ้นร่วงหนักๆ มักมีของดีราคาถูกเต็มไปหมด จึงยิ่งต้อง เน้นของดี ราคาถูกจริงๆ อย่าโลภเก็บหุ้นเข้าพอร์ตไปทั่วจงเลือกหุ้นดีเป็นหลักไม่เกิน 2 ตัวก็พอแล้ว

เพราะในเวลาแบบนี้ คุณไม่ต้องไปเสี่ยงกับกิจการที่อนาคตไม่แน่นอนใดๆ เพราะหุ้นของกิจการที่มั่นคงมากๆ โตเร็วๆ มันก็ถูกอยู่แล้ว ในเมื่อโอกาสทองมาถึงแล้ว จะเสี่ยงไปทำไม?