posttoday

กิตตน์ก้อง ขำกฤษ อยากรวยความสุข

30 ตุลาคม 2561

ความสุขที่ค้นพบระหว่างก้าวเดิน

เรื่อง มัลลิกา นามสง่า ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงศ์ 

“ความฝันเปลี่ยนกันได้ด้วยเหรอครับ”

คําถามของ บูม-กิตตน์ก้อง ขำกฤษ ที่เจ้าตัวถามเองตอบเองว่าไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง แต่ความฝันของเขาตั้งแต่วัยเด็กนั้นไม่เคยเปลี่ยน

ตอนนี้บูมเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 สี มีผลงานหลายเรื่องในหลายบทบาท ตั้งแต่พระรองจนขึ้นมาสู่ตำแหน่งพระเอก ผลงานล่าสุดที่เพิ่งลาจอไปคือ เรื่อง “สมิงจ้าวท่า” ยังมีเรื่องที่กำลังรอคิวออกอากาศ คือ “นางร้าย” และกำลังถ่ายทำ “พรายพิฆาต”

หากความฝันของบูมนั้นคือการเป็น “ทหาร” แล้วเขาทำฝันนั้นเป็นจริงแล้ว ถึงมามุ่งมั่นกับงานแสดงอย่างเต็มที่ และในอีกหน้าที่คือทำร้านขนมปังชิ้นละ 24 บาท “บูมส์เบกส์” (Boom’s Bakes) ธุรกิจแรกในชีวิต

เส้นทางก่อนเป็นพระเอก

บูมเริ่มต้นจากการแคสงานต่างๆ รับหมดไม่ว่าจะถ่ายแบบค่าตัวน้อยเพียงหลักพัน เพราะตอนนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของครอบครัว เนื่องจากคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านล้มป่วย

บูมตัดสินใจพักการเรียนเพื่อทำงานแบ่งเบาภาระทางบ้าน “ความสำเร็จของแต่ละคนต่างกัน สำหรับบูมประสบความสำเร็จแล้วสิ่งหนึ่ง คือ ส่งน้องสาวเรียนจบ มีใบปริญญาได้เพราะเราทำงาน เราใช้ชีวิตจริงของเรา

ตอนนั้นค่าตัวหลักพันบาท ยังไม่มีงานละคร มีงานเข้ามาคว้าไว้หมด อะไรสุจริตทำได้ทำหมด ยืนที่ร้านขายเสื้อผ้าเรียกลูกค้าก็เคยทำ”

เมื่อ 4 ปีที่แล้วบูมเซ็นสัญญากับช่อง 7 สี กำลังเป็นนักแสดงดาวรุ่ง แต่เขาขอผู้ใหญ่ไปสมัครเป็นทหารเมื่อปี 2559 “วันนั้นต่อให้เป็นพระเอก หรือบูมรวยมาก จนมาก เป็นอะไรก็แล้วแต่ มันถึงเวลาหน้าที่ของผู้ชายไทย เป็นเวลาที่พร้อมแล้ว ณ ตอนนั้น 26 ปี ผมผ่อนผันเพราะเรียน แล้วดูแลคุณพ่อที่ป่วย ทำงานจนน้องสาวเรียนจบ เราไม่มีภาระ ขอทำตามความฝัน

ตอนเด็กรู้สึกว่าทหารเท่ เข้มแข็ง เป็นสัญลักษณ์ความอดทน มีวินัย ใช้อาวุธปกป้องประเทศชาติ ปกป้องคนที่เรารัก ผมว่าเด็กผู้ชายหลายคนอยากเป็นทหารนะ แต่พอโตขึ้นผู้ชายไม่อยากเป็นทหารกันเยอะ

วันหนึ่งเราไม่รู้หรอกว่าประเทศจะเกิดอะไรขึ้น ผมเลยรู้สึกว่าเรายิ่งต้องเป็น หรือมองให้แคบลงแค่สังคมของเราในบ้านเรา ถ้าในวันหนึ่งเกิดปัญหามีโจรเข้าบ้านมา เราไม่เคยถูกฝึกเลย ไม่มีความอดทน ใครจะเป็นคนปกป้องบ้านเรา พ่อแม่น้องเรา”

หลังจากทำความฝันตัวเองให้เป็นจริง บูมเต็มที่กับงานแสดง “งานแสดงเป็นอาชีพที่น่าสนุกน่าค้นหา ตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เราต้องหลุด แยกแยะชีวิตจริงกับละคร

ผมคุยกับผู้จัดการแต่แรก ขอเป็นตัวเอง ต้องไม่โกหกเป็นยังไงบอกแบบนั้น บูมว่าชีวิตจะไม่มีความสุขถ้าต้องเนี้ยบเหมือนหน้าจอ ความสุขแท้จริงคือความจริงใจ”

กิตตน์ก้อง ขำกฤษ อยากรวยความสุข

ต้องศรัทธา รัก ซื่อสัตย์กับธุรกิจ

งานแสดงรุ่งแล้วธุรกิจยิ่งรุ่ง ล่าสุด บูมส์เบกส์ ขยายถึง 3 สาขาในไทย มีอีก 2 สาขาที่จีน และกำลังเจรจากับนักธุรกิจในลาวและเมียนมา

“ต้องยอมรับว่าหน้าตาเราไม่จีรัง เราไม่สามารถเป็นพระเอกได้ตลอด แต่ธุรกิจอยู่กับเรา ถ้าวางแผนดีๆ เรารักมัน ซื่อสัตย์กับมัน ที่ผ่านมามีคนชวนลงทุนทำนั่นนี่เยอะครับ แต่ยังไม่โดนใจ ด้วยวิสัยทัศน์ต่อธุรกิจด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง

จนวันหนึ่งคุณลุงที่รู้จักอยากทำธุรกิจให้ลูกชาย ท่านอยู่ในวงการเบเกอรี่มา 30 ปี แล้วท่านนึกถึงผม เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเล่นอยู่ตลาดมีนบุรี มีแม่ขายข้าวมันไก่ที่ตลาดมีนบุรี”

สิ่งสำคัญที่ทำให้บูมตัดสินใจทำธุรกิจกับหุ้นส่วน เพราะมีวิสัยทัศน์มุมมองไปในทิศทางเดียวกัน “เราไม่เน้นทำธุรกิจอย่างเดียว เราไม่ได้หวังจะรวยอย่างเดียว แต่ผมกับน้อง (หุ้นส่วน) เหมือนกระหายความสำเร็จทั้งคู่ อยากทำอะไรแล้วให้รู้สึกว่ามันเจ๋งดี เป็นที่หนึ่ง

อยากทำแล้วให้ธุรกิจอยู่ไปนานๆ เราไม่อยากทำเอารวยอย่างเดียวแต่ทำบุญด้วย จึงทำขนมออกมาราคาถูกมากๆ 24 บาท แต่คุณภาพดี ต้องอร่อย ทุกเดือนเราจะออกบูธนำเงินไปช่วยมูลนิธิต่างๆ การให้ทำให้เรามีความสุข แล้วเราต้องทำ เหมือนการเป็นทหารเราก็ต้องเป็น

เป็นปมด้อยของผมก็ได้ บ้านไม่รวย จะกินอะไรสักอย่าง รู้สึกว่าถ้าเราอยากกินอร่อย มักน้อยและแพง อยากกินราคาถูกก็ไม่อร่อยไม่มีคุณภาพ มันฝังอยู่ในหัว พอวันหนึ่งทำธุรกิจจึงอยากให้คำเหล่านี้หายไปจากหัวให้ได้ ของอร่อยไม่จำเป็นต้องน้อยต้องแพง”

บูมส์เบกส์ เปิดตัวเดือน ม.ค. 2561 บูมยังจำภาพแห่งความสุขที่ลูกค้ามาซื้อของได้ ความทรงจำนั้นเองตอกย้ำว่าเขาทำธุรกิจมาถูกทางและจะพัฒนาให้ดีขึ้น

“ผมรู้สึกว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว วันนั้นมีป้ามาซื้อขนม เราไม่ได้ดูถูกป้านะ แต่เราดูออกว่าป้าไม่ค่อยมีเงิน ป้าถามราคาขนมปัง พอผมบอก 24 บาท ป้าทำตาโต บอกว่าชิ้นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วป้าก็ยิ้มอย่างมีความสุข ผมรู้สึกผมประสบความสำเร็จแล้ว แล้วกลับมาซื้ออีก ชมว่าอร่อย

มีลูกค้าอีกคู่เป็นเด็กนักเรียน กำเหรียญแล้วออกเงินช่วยกันซื้อ 1 ชิ้น ผมเลยให้น้องเพิ่มอีก 1 ชิ้น น้องเขาดีใจมาก แค่นั้นผมก็รู้สึกมีความุสขแล้ว”

แผนธุรกิจของบูมส์เบกส์ไม่ขายแฟรนไชส์ แต่เป็นการร่วมลงทุน เพราะต้องการควบคุมคุณภาพ ไม่มุ่งหวังกอบโกยผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ผลประโยชน์ของลูกค้าต้องควบคู่ไปด้วย

“จากสาขาแรกที่ตลาดมีนบุรี เพราะผมโตที่นั่น อยากให้คนละแวกนั้นได้กินของถูกและดี กินได้ทุกวัน ผลตอบรับดีจนเปิดสาขาอื่น

ในประเทศเออีซีก็คุยๆ กันอยู่ ทำกับใครแล้วสบายใจถึงทำ ผมไม่ได้ร้อนเงิน ตอนทำธุรกิจเริ่มต้นก็ไม่ได้อยากรวย เราอยากทำธุรกิจที่เลี้ยงครอบครัวได้ เราอยากรวยความสุข

ใครจะมาร่วมหุ้นกับเรา คุณต้องมีวิสัยทัศน์เดียวกับเรา ขอคุยก่อน ถ้ามาแบบทำเลดีนี่ขายแล้วคนซื้อเยอะรวยแน่ๆ ผมไม่เอา แต่ถ้าเด็กแถวนี้ไม่ค่อยมีเงินอยากเปิดให้คนแถวนี้ได้ซื้อ ก็น่าทำด้วย

เราไม่ได้หวังรวยอย่างเดียว แต่ต้องเห็นผลประโยชน์ของลูกค้า อยากทำธุรกิจด้วยแนวนี้ คนกินมีความสุข แล้วเรามีความสุขกับรอยยิ้มของลูกค้า”

แม้ธุรกิจกำลังเติบโตแต่บูมไม่ทิ้งงานแสดง ตอนนี้ยังทำควบคู่กันไป เพราะเขามีแพสชั่นในการทำงานทั้งสองอย่างเหมือนกัน คือ ต้องเชื่อ ศรัทธา รัก ผูกพัน อยู่กับสิ่งนั้นให้ได้ พอเกิดความรักแล้ว เวลามีปัญหาจะหาทางแก้ไข ดูแลไปตลอด