posttoday

‘พบกันในวันเงียบเหงา’ รวมเรื่องสั้นของเหล่านักเขียนไทยรุ่นล่าสุด

28 ตุลาคม 2561

วงการวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ของไทย อยู่ในภาวะเงียบเหงาและหนังสือก็ขายในตลาดยากมาก พิมพ์ออกมาแค่ 1,000 เล่ม

โดย เพรงเทพ

วงการวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ของไทย อยู่ในภาวะเงียบเหงาและหนังสือก็ขายในตลาดยากมาก พิมพ์ออกมาแค่ 1,000 เล่ม ยอดก็ไม่เดิน... ขายได้ไม่กี่ร้อยเล่ม

สำนักพิมพ์ต่างๆ ก็เลยเข็ดขยาดที่จะพิมพ์หนังสือสายวรรณกรรม ไม่ว่าจะเป็นรวมเรื่องสั้น นวนิยาย และรวมบทกวีนิพนธ์ ในทางกลับกันแวดวงของนักเขียนรุ่นใหม่ร่วมสมัยต่างก็เติบโตขึ้นมา ผ่านสายการประกวดรางวัลในแต่ละปีอย่างเข้มข้นและท้าทายด้วยความมุ่งมั่นบนเส้นทางสายนักเขียน

ล่าสุดก็มีการรวมตัวกันออกหนังสือ “พบกันในวันเงียบเหงา” ซึ่งมี ทรงวุฒิ อินเรือง เป็นบรรณาธิการรวบรวมนักเขียนเรื่องสั้นรุ่นใหม่มารวมกันไว้ เขาบอกว่า เริ่มจากการพูดคุยกันระหว่างเพื่อนในกลุ่มเล็กๆ ก่อน

“ประเด็นหลักคือคำฮิตติดปากอย่าง ‘หนังสือเล่มกำลังจะตาย’ แล้วในกลุ่มก็มีแต่นักเขียนทั้งนั้น ประเด็นนี้มันเชื่อมโยงไปถึง จิตวิญญาณ ศรัทธา ความเชื่อนั่นเลยนะครับ อยากรู้ว่าจริงหรือไม่เลยต้องทดลอง ผมกับเพื่อนเชื่อว่า พวกเรา ซึ่งประกอบด้วยพิณพิพัฒน ศรีทวี ศิริ มะลิแย้ม ชาคริต แก้วทันคำ อีกคนที่มีส่วนสำคัญคือ นฤพนธ์สุดสวาท แน่นพอทำงานกันอย่างมีขั้นตอน ถ้างานออกมาดี มีมาตรฐาน หากขายไม่ได้เลย ก็ต้องเชื่อว่าไม่ใช่แค่หนังสือกำลังจะตาย นักเขียนก็กำลังจะตายเหมือนกัน”

ทรงวุฒิ เล่าถึงการทำงานในฐานะบรรณาธิการเล่มอย่างสนุก แรงบันดาลใจมาจากหนังสือรวมเรื่องสั้น “สนามหญ้า” ซึ่งระดมนักเขียนรุ่นใหม่ในตอนนั้น หรือเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว เขียนเรื่องมารวมกัน เมื่ออยากให้ได้คุณภาพและอารมณ์แบบนั้น เขาจึงเชิญนักเขียนรุ่นใหญ่อย่าง จำลอง ฝั่งชลจิตร
มาเป็นที่ปรึกษา และร่วมสนุกเขียนเรื่องสั้นให้ 1 เรื่อง

สำหรับผลงานรวมเรื่องสั้นของนักเขียนรุ่นใหม่ 13 คน ในเล่มนี้ ประกอบด้วย ชาคริต แก้วทันคำ/ปองวุฒิ รุจิระชาคร/นฤพนธ์ สุดสวาท/รมณ กมลนาวิน/รัชศักดิ์ จิรวัฒน์/มีเกียรติ แซ่จิว/ศิริ มะลิแย้ม/นทธี ศศิวิมล/สุนันทวงศ์ เทพชู/อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ/พึงเนตร อติแพทย์/พิณพิพัฒน ศรีทวี/โรสนี นูรฟารีดา และนักเขียนรับเชิญ จำลอง ฝั่งชลจิตร

“ต้องบอกก่อนเลยว่าแรกเริ่มไม่ใช่ 13 คนครับ ผมติดต่อนักเขียนหนุ่มสาวที่กำลังร้อนแรงเป็นไฟในยุคนี้ไว้มากกว่านั้น ให้เวลาเขียนคนละสองเดือน ของานใหม่อย่างเดียว เคยส่งนิตยสารหรือประกวดแล้วไม่ผ่านไม่เอา ของานสดเท่านั้น สุดท้ายมีผู้กล้ามา 13 ท่าน ก็อย่างว่า ทุกคนต่างมีภาระชีวิต

‘พบกันในวันเงียบเหงา’ รวมเรื่องสั้นของเหล่านักเขียนไทยรุ่นล่าสุด

ส่วนในเรื่องนักเขียน ผมคัดเลือกเองแล้วก็ติดต่อไปอย่างหน้าด้านๆ นั่นแหละครับ เลือกจากที่คิดว่าต้องอยู่ในช่วงวัยที่ยังเป็นหนุ่มสาว ใครกำลังดัง ใครมาแรง ใครมือรางวัล เรามาสร้างปรากฏการณ์กันดีกว่า ถ้าดูจากนักเขียนในเล่ม ภายในช่วงเวลาไม่กี่ปีย้อนหลัง ทุกคนเข้ารอบรางวัลต่างๆ ทุกเวทีในประเทศ คว้ารางวัลไปบ้างก็หลายคน

ก็ติดต่อทุกคนที่คิดออก เอาชื่อพวกเขามาพิสูจน์ เอามาทำมาหากินนั่นแหละครับ สิ่งที่น่าสนใจคือเวทีประกวดเรื่องสั้นล้มหายตายจากไปหลายที่ ผมกล้าบอกว่านี่คืออีกพื้นที่ที่นักเขียนจะส่งงานไปถึงนักอ่านของพวกเขา”

เมื่อพูดถึงความเหงาเงียบของวงการวรรณกรรมไทยที่ดูจะเฉาๆ ไม่ว่าภาวการณ์สร้างสรรค์หรือยอดขาย ทรงวุฒิ แสดงความเห็นว่า เรื่องในวงการวรรณกรรมนี่พูดถึงยาก

“บอกตรงๆ เลยว่ามันก็คือการเมืองดีๆ ที่ไม่ดีนั่นเอง ชมก็คบกัน เห็นต่างก็คนละฝั่งฝ่าย เป็นใบ้ก็พอจะเสนอหน้าได้ทุกวง เอาเป็นว่าผมอยากเสนอหน้าไปทุกวงดีกว่านักเขียนในปัจจุบันต้องปรับตัวเยอะมากครับ รสนิยมการอ่านเปลี่ยนไปเรื่อยๆ วรรณกรรมสักแนวไม่ใช่กระแสหลักอีกต่อไป นักเขียนสักคนต้องเขียนได้หลายแนวหากจะยึดอาชีพนี้ นอกจากคุณจะมีแฟนคลับส่วนตัว แต่ก็อย่างที่ว่า ถ้ามีฝั่งฝ่ายครอบหัวเสียแล้ว โลกก็คงแคบลง”

ความคาดหวังในความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของนักอ่านและเรื่องยอดขาย ทรงวุฒิ บอกว่า อยากให้หนังสือเล่มนี้ได้กระตุกกระตุ้นวงการวรรณกรรมให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง รวมถึงอุทิศสิ่งที่กำลังทำทั้งหมดให้กับนักเขียนที่วางวายไปก่อนหน้านี้ที่เป็นแรงบันดาลใจคือ กนกพงศ์ สงสมพันธ์ุ กับแสงดาว ศรัทธามั่น

“ก็มัวแต่พูดกันว่าหนังสือเล่มกำลังจะตาย แล้วเป็นอย่างไร แค่พรีออร์เดอร์ผมได้มาสามร้อยกว่าเล่ม นั่นก็มากกว่าค่าพิมพ์หนังสือ 1,500 เล่มแล้วครับ วรรณกรรมดีๆ นักอ่านยังรอคอย ผมไม่ได้บอกว่าหนังสือเล่มนี้ดี แต่อยากบอกว่าทำมันให้ดีที่สุด หลังจากนั้นสวรรค์จะให้คำตอบเอง แต่สิ่งที่แน่นอนยิ่งกว่าคำตอบจากสรวงสวรรค์ ปีหน้าเจอกันฉบับสองครับ”