posttoday

เงิน เท่ากับ อนาคต

16 ตุลาคม 2561

อยากให้ลองจินตนาการดูสักหน่อยว่า ถ้าคุณได้รับเงินสดมา 5 หมื่นบาท คุณจะเห็นเงินก้อนนี้เป็นอะไร

เรื่อง ภาดนุ ภาพ รอยเตอร์ส

อยากให้ลองจินตนาการดูสักหน่อยว่า ถ้าคุณได้รับเงินสดมา 5 หมื่นบาท คุณจะเห็นเงินก้อนนี้เป็นอะไร

หลายคนพอเห็นจำนวนเงินก็คิดไปว่ามีสิ่งของชนิดไหนที่ตัวเองอยากได้และราคาอยู่ในวงเงินก้อนนี้บ้าง เงิน 5 หมื่นบาท หลายคนอาจจะคิดไปถึงโทรศัพท์มือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ทันสมัยที่สุดเครื่องใหม่สักเครื่อง หรือกระเป๋าแบรนด์เนมสวยหรูสักใบ จากนั้นก็วางแผนทันทีว่าจะไปซื้อของที่ร้านไหน เมื่อไร แล้วก็อาจจะคิดต่อไปอีกว่าตัวเองจะมีความสุขขนาดไหนนะ เมื่อได้สิ่งของเหล่านั้นมาอยู่ในครอบครอง

แต่ก็มีอีกหลายคนที่เมื่อเห็นเงินก้อนนี้แล้ว สมองจะแล่นแบบอัตโนมัติว่า “เงินก้อนนี้ = จุดเริ่มแห่งอิสรภาพทางการเงิน” หรือ “เงินก้อนนี้ = จุดเริ่มต้นแห่งการมีชีวิตที่มั่นคง” หรือมองล่วงหน้าไปว่า “เงินก้อนนี้แหละ คือก้อนแรกแห่งกองทุนเกษียณอายุของตัวเอง” จากนั้นก็ไม่รอช้า ทำการบริหารเก็บเงินเข้าบัญชีฝากประจำ โดยโยนเงินเข้าไปเก็บไม่ต่ำกว่า 30% หรือบางคนอาจเก็บถึง 50% และแบ่งปันส่วนเงินเก็บและเงินสำหรับใช้จ่ายตามอัตภาพอย่างพอเหมาะพอดี

คุณล่ะคิดว่าคนแบบไหนที่จะมีอนาคตทางการเงินที่สวยงามกว่ากัน คนที่คิดจะใช้เงินทันทีที่ได้มาเพื่อสร้างความสุขในปัจจุบัน หรือคนที่คิดถึงเรื่องการเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต
ที่ดีให้ตัวเอง

ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่ชื่อ เดวิด บาค ได้มอบแนวคิดนี้เอาไว้ว่า ถ้าเราเห็นเงินแล้วเกิดความอยากได้สิ่งของหรือสิ่งที่เราต้องการ เช่น การมีภาพลักษณ์โก้หรู ดูเป็นคนรวยด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่นำมาประดับร่างกาย คนคนนั้นมักจะหมดเงินไปในเวลาอันสั้น และไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาคนนั้นจะเก็บเงินได้สักเท่าไร เพราะคนที่คิดแบบนั้นมักจะเก็บเงินไม่อยู่ เพราะเขามองเห็นค่าของเงิน แค่เป็นเครื่องซื้อวัตถุมาตอบสนองความอยากเท่านั้น เขาเหล่านั้นจึงมีความคิดแบบนี้ว่า

เงิน เท่ากับ อนาคต

เงิน - แลกเป็นสิ่งของที่อยากได้ - ได้ความสุข (แบบชั่วคราว)

แต่กับคนประเภทที่มีอนาคตทางการเงินสวยงาม เขาจะไม่คิดแค่ความสุขในวันนี้หรือเดือนนี้ แต่เขาจะมองไปถึงความสุขโดยรวมของชีวิต เขาจะรู้ว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับการเงินในวันนี้ คือตัวกำหนดความสุขและความมั่นคงในชีวิตในอีกหลายปีข้างหน้า สมองของพวกเขาจึงคำนวณภาพออกมาเป็นแบบนี้

เงิน - คิดบริหาร เก็บ และแบ่งส่วนให้ชัดเจน - ได้ความมั่นคง อนาคตที่ดี และความสุขที่ยั่งยืน

เรากลับมาที่ธรรมชาติของเงินกันอีกที แน่นอนว่ามันคือสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งหากเรามองมันเป็นเพียงแค่สิ่งแลกของใช้ หรือสิ่งแลกของที่เราต้องการในแง่วัตถุเพียงอย่างเดียว ก็เท่ากับเราพลาดการมองคุณค่าที่สำคัญจริงๆ ของมันไป

คนที่ร่ำรวยมีเงินมากมาย เขาจะมองตัวเลขในบัญชีและธนบัตรทั้งหลายว่าเป็น “สิ่งแลกเปลี่ยนที่ทำให้เขาได้มาซึ่งอนาคตที่ดี” เขาจะไม่มองแค่สั้นๆ ว่าได้มาเป็นสิ่งของ แต่มันจะนำมาซึ่งความสบายอันแท้จริง ความมั่นคงในชีวิต และเป็นมรดกส่งต่อให้ถึงลูกหลานได้อีกยาวนาน

ทั้งทรัพย์สมบัติและแนวคิดนี้ คือสุดยอดมรดกที่คนรวยสอนลูกอยู่เสมอ ฉะนั้นรีบถามตัวเองว่าเรามองเงินเป็นแค่รถคันใหม่หรือทีวีเครื่องใหม่อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ละก็ รีบปรับความคิดใหม่ด่วนเลย โดยมองเงินให้เป็น “สิ่งสร้างอนาคต” แบบที่คนรวยและผู้มั่งคั่งคิดกันอยู่ตลอดให้ได้

มองว่าเมื่อเราได้เงินมาแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะ 500 บาท หรือ 5 หมื่นบาทก็ตาม มันคือส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตได้ทั้งสิ้น เปรียบดั่งก้อนอิฐที่เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่เมื่อนำมารวมกัน วางแผนก่อสร้างดีๆ เราก็จะได้สิ่งปลูกสร้างที่มั่นคง มีคุณค่า และอยู่ได้ยาวนานมาครอบครอง

นี่แหละคือเหตุผลง่ายๆ ของคนที่เก็บเงินได้สำเร็จ เพราะเขาจะมองว่าเงินเป็นอะไรที่มากกว่าสิ่งแลกเปลี่ยนทางวัตถุ เป็นการมองอย่างภาพรวมและมองการณ์ไกล อันจะส่งผลให้เขามีสายป่านคอยเหนี่ยวรั้งอนาคตที่มั่นคงแม้จะอยู่ไกลต่อไป แต่ถ้าเราเลือกจะมองสั้นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เงินมักจะไหลมาและไหลออกไปอย่างรวดเร็ว ต้องหาเงินแบบเดือนชนเดือน เช้าชามเย็นชามไปเรื่อยๆ

คนที่จะใช้เงินทำงานได้นั้น ต้องมองเงินให้เป็นมากกว่าเครื่องแลกเปลี่ยนของที่อยากได้ ต้องมองว่าเงินคือลูกน้องที่เราสามารถใช้งานได้ สร้างเงินให้เราได้ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณเปิดบริษัทและมีลูกน้อง แต่แทนที่คุณจะใช้เขาทำงานเพื่อสร้างเงิน คุณกลับใช้เขาไปซื้อกาแฟ ซื้อข้าวเช้า-เย็น หรือไม่ก็ใช้ให้กวาดถูออฟฟิศจนหมดวัน ถ้าเป็นแบบนี้ก็เท่ากับคุณใช้งานลูกน้องผิดประเภท

เช่นเดียวกับเงิน ถ้าใช้ให้เขาสร้างเงิน เรียกเงินมาได้ ถึงจะเรียกว่าเป็นนายของเงินที่ฉลาด ฉะนั้นถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้เงินเป็นลูกน้องที่คอยเรียกเงินใหม่ๆ เข้ามาให้เราได้แล้วล่ะ