posttoday

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

23 กันยายน 2561

นักท่องเที่ยวที่พาไปหลง หลงใหล หลงเสน่ห์ หลงทางแต่โคตรสนุก เจ้าของแฟนเพจ “อาสา พาไปหลง”

เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า  ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง” ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในฐานะ นักท่องเที่ยวที่พาไปหลง หลงใหล หลงเสน่ห์ หลงทางแต่โคตรสนุก เจ้าของแฟนเพจ “อาสา พาไปหลง”

เขาเคยมีนามสกุล เอเอฟ ต่อท้ายชื่อ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดเรียลิตี้โชว์ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 5

เขาเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ นักพากย์เสียง และพิธีกร

ตอนนี้...เขานิยามตัวเองเป็น “นักท่องเที่ยวฟลูไทม์”

เขาทำงานทุกอย่างข้างต้นเพื่อที่จะได้เงินไปท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวฟลูไทม์

“ผมเชื่อว่าคนเราต้องมีโกลบางอย่าง ผมอยากไปเที่ยว หลังจากเราทำงานแต่งเพลง เหนื่อยล้า สมองพัง เราไปเที่ยว โอเคหายขี้เกียจ กลับมาทำงานจะได้มีเงิน ได้ไปเที่ยว

พาสต์แรกคือไปเที่ยว แล้วเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำงานเยอะๆ ได้เงินเยอะขึ้นก็ไปเที่ยวได้ไกลมากขึ้น”

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

เที่ยวจนเงินเก็บหมด เงินที่หามาได้ก็นำไปท่องเที่ยว เงินหมดแต่ไม่อยากหยุดเที่ยว...

นี่คือจุดเริ่มต้นของ...นักท่องเที่ยวฟลูไทม์ที่สามารถท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมายและสามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้อีกด้วย

“พอเราโตขึ้นอีกระดับ ไม่สามารถเอาเงินทั้งหมดไปเที่ยว ทำแบบเมื่อก่อนไม่ได้ ก็เกิดความคิด ลองทำรายการท่องเที่ยวเล็กๆ อาจจะได้สปอนเซอร์เป็นตั๋วเครื่องบินก็ทำในแฟนเพจ อาสา พาไปหลง”

แฟนเพจ รายการท่องเที่ยวมีมาก การที่จะทำให้คนมาสนใจจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย สถานที่เก๋ไก๋ แต่ละรายการก็มีแนวทางของตัวเอง

อาสา พาไปหลง คือ ความเป็นตัวตนของว่านไฉ รวมทุกสิ่งที่เขาชอบ เขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดี คิดบวก เพลง ท่องเที่ยว การใช้เสียง และการสังเกต พบปะ เรียนรู้ผู้คนโลกใหม่ๆ

“ผมทำอาชีพนักแต่งเพลง วิเคราะห์สิ่งต่างๆ เยอะมาก ทุกอย่างมีจุดตันของมัน ถ้าเราทำต้องใส่ความเป็นตัวเรามากกว่าให้เกิดสิ่งใหม่ ผมเชื่อในการอินโนเวชั่น การต่อยอดสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีก ผมวิเคราะห์ว่า คนชอบดูอะไร

นี่คือการทำรายการกราฟที่ควรจะเป็นเส้นเรื่องควรเป็นยังไง เราเป็นใคร คนดูอยากได้อะไรจากเรา ถ้าเราเล่าเรื่องที่ไม่ใช่เราคนไม่มีทางเชื่อ

ผมเป็นคนเลอะเทอะประมาณหนึ่ง มีความไฮเปอร์นิดหนึ่ง ชอบพากย์เสียง ก็ลองกลับมาดูสิ จะเกิดรายการท่องเที่ยวแบบเลอะเทอะของเราได้ยังไง จึงประกอบร่างขึ้นมาได้ 10 เดือนแล้ว

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

ผมอ่านตัวเองเหมือนอ่านศิลปินที่เราทำงานให้เขา เป็นเรื่องที่โชคดี ผมทำงานครีเอทีฟต้องอ่านคน อ่านความเป็นไปของโลก อ่านลูกค้า อ่านฐานแฟนเพลง ผมวิเคราะห์เยอะมาก

ผมวิเคราะห์ตัวเอง ถ้าผมพูดเรื่องวิชาการคนไม่เชื่อ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย (หัวเราะ) ถ้าเรื่องสนุกเขาจะเชื่อ เพราะเราขี้โม้

ผมอินกับอะไรได้ง่าย ผมค่อนข้างเปิดใจในอะไรใหม่ๆ และผมก็เอนจอยในบางอย่าง ผมคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอสำหรับผม ทุเรศซวยขนาดไหนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ

เราหลงทาง กินของไม่อร่อย กัดลิ้นตัวเอง แต่บางอย่างมันจะมีดี ทำให้เราไปต่อข้างหน้าได้ แล้วผมดันหลงรักมันจริงๆ ไม่ใช่จะเล่าให้บวก

ผมไปอินเดีย นิวเดลี วุ่นวาย สกปรกในมุมของหลายคน แขกขี้โกง มีแต่ลบๆๆๆ แต่คุณไม่รู้ไม่มองข้อดีของเขาว่านั้นคือเนเจอร์ของเขา คนเขาเยอะ เขาอยู่แบบนั้นเพราะว่าอากาศเขาเป็นแบบนี้ บ้านช่องเขาเป็นแบบนี้ เพราะเราไม่เคยเปิดใจรับมัน

เราต้องมองข้อดีก่อนเราจะเจอข้อดีต่อๆ ไปเยอะขึ้น เราชอบ หลงรักมันแล้ว เอามาเล่าให้ฟัง คนถึงอยากไปตามเราคิดให้บวกเสมอ”

ไม่ถึงปีแฟนเพจได้รับความนิยม “ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่า อยากอินสไปร์ใครบางคนที่เขาพูดคำว่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวค่อยทำในสิ่งที่ตั้งใจ

อยากให้คนไปเที่ยวมากขึ้น ให้คนออกจากกรอบ ให้คนมีอิสระ ไม่ได้แค่ดูรูป เราเกิดมาโลกเราแคบมาก เราถูกจำกัดว่า ต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย ต้องทำงาน สุดท้ายยังไงมันค่อนข้างแคบมาก แต่ถ้าเราฉีกออกไป ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

ออกไปสูดอากาศที่แปลกจากรุงเทพฯ จากประเทศไทย ไปเจอผู้คนที่ยิ้มคนละแบบยิ้มคนละเรื่องกับเรา ออกไปเจอการหลงทางที่เรารับมือไม่ได้ แล้วร้องไห้ดูสิ มันทำให้เราหลุดจากความสุขแบบเดิม จากความเครียดแบบเดิม กับคำถามเดิมๆ ทำไมไม่รวย ผ่อนคอนโดไม่ได้ โลกมีอะไรมากกว่านั้น

อยากเที่ยวแต่ไม่มีเงินก็หาเงินสิครับ เงินหาไม่อยากนะ แค่คุณไม่หา ได้น้อยได้มากอีกเรื่องหนึ่ง มีแรงเยอะได้เยอะ ทุกอย่างมีการลงทุนเสมอ เรื่องของการท่องเที่ยว หาเงินได้เยอะก็ได้ไปไกล หาได้น้อยไปใกล้ๆ ทุกที่มีข้อดีเสมอ

ตอนนี้ผมทำได้ ผมเป็นนักเที่ยว ผมแต่งเพลงอิสระ ไม่อยากเขียนเราก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล มาเป็นนักท่องเที่ยวฟลูไทม์ก็ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้าน (หัวเราะ) แต่มีความสุข สนุก ผมทำอะไรค้นหาความสนุกเสมอ มันเหนื่อยกว่าแต่งเพลงเยอะเลย

ออกเดินทาง 3-4 ทริป/เดือน แต่ละทริปประมาณ 5 วัน ตอนแรกๆ ไปคนเดียว ตอนนี้มีตากล้อง 2 คน ผมจะวางแผนไป 5 วัน ทำงาน 3 วัน ที่เหลือ 2 วัน ให้เขาได้หาความสนุก เผื่อเวลาให้เขาได้เที่ยวเสมอ”

เที่ยวจนหมดตัว แต่เติบโตขึ้น

สิ่งที่ว่านไฉมุ่งมั่นเสมอมาคือเส้นทางในสายดนตรี ศึกษาทางด้านดนตรีมาตลอด (มัธยมปลาย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล/อุดมศึกษา วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต)

“ก่อนหน้านี้ทำงานแต่งเพลง ท่องเที่ยวเป็นเรื่องใหม่ในชีวิต ตอนเด็กผมอยากเป็นนักแต่งเพลง เรียนดนตรีอย่างเดียว ฝึกฝน พอเราทำอะไรจุดหนึ่งได้ ก็มีความชอบเข้ามาใหม่

ที่จุดประกายท่องเที่ยว พอเริ่มทำงานเยอะ แฟนบอกเที่ยวสิ ผมก็บอกดูทีวี ดูภาพก็ได้ไปเหมือนกัน แต่พอไปญี่ปุ่นครั้งแรกด้วยตัวเอง มันอะเมซิ่ง อิสระจังเลย หลังจากนั้นเริ่มออกไปเที่ยวคนเดียว

ไปปาย นั่งรถไฟ ตอนนั้น 19 ปี มีหมาใจดำขึ้นรถไฟไปด้วย เจอฝรั่งเราก็กล้าคุย คุยไม่รู้หรอกแต่สนุกมาก ต่อๆ มาก็เริ่มแอดวานซ์ขึ้น กล้าคุยกับผู้คน เราอยากให้เขารู้ว่าเราคิดอะไร

ขยันทำงานได้เงินหลักหมื่นก็ไปเกาหลีคนเดียว เงินหมด ไปไม่เป็นหลงทาง เมาหลับนอนข้างถนน มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องใหม่ของผม ทุกคนไม่ควรลอกเลียนแบบ ตอนนั้นอายุ 20 ตื่นมาอยู่ไหนวะ มันเป็นวัยของผม แล้วผมก็เริ่มจริงจังกับการเที่ยว มีที่ไหนที่สวยตอนนั้นยังไม่มีใครรีวิวมากก็ไป รู้ตัวอีกทีใช้เงินหมดไปกับการท่องเที่ยว”

ว่านไฉไปเที่ยวมาหลายประเทศมาก ในทวีปเอเชียไปมาหมดแล้ว มูลค่าการท่องเที่ยวหลายล้านบาท จุดที่พลิกชีวิตตอนไปไอซ์แลนด์ ล่าแสงเหนือ

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

“แพงเหลือเกิน ตังค์ติดลบ เช็คไม่ออก ฉิบหายแล้ว ทำไงดี แต่ยังอยากมาอีก ไอซ์แลนด์มีรูปให้ดูเยอะ แต่พอไปเจอของจริง ผมไม่เคยเชื่อว่าจะสวยขนาดนี้มาก่อน มันสวยเหมือนไม่ได้อยู่บนโลกนี้

ผมขับรถทุกคนที่ไปนั่งหลังรถ ผมขับรถไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกยิ้มตลอดเวลา มองไปทางไหนรู้สึกมหัศจรรย์มาก ลืมคิดว่าเงินหมดแล้วนะ ไม่มีเงินสักบาทในบัญชี แถมยังติดลบ รูดบัตรเครดิตจ่ายค่าตั๋วมา

ก็เลยคิดทำรายการ คนน่าจะชอบในมุมมองในสิ่งที่เราชอบ ลองทำรายการ ได้ตั๋วเครื่องบินก็ยังดี พอทำการบ้านกับตัวเอง อาสา พาไปหลง เพราะผมหลงตลอด ไม่ได้เที่ยวเก่ง ภาษาอังกฤษก็ไม่เก่ง มุมเบอะบะของเราก็เยอะ”

คลิปแรกที่เป็นแรงบันดาลใจต่อๆ มา คือ มัลดีฟส์ ติดสอยห้อยตามเพื่อนไปทำรายการท่องเที่ยว ตอนนั้นยังไม่ชำนาญการถ่ายกล้องวิดีโอด้วยซ้ำ

“ถ่ายปุ๊บบรรยากาศมันดี มัลดีฟส์ เมาดิบ เพลงก็มาแล้ว มันเป็นเนเจอร์ของเราทุกอย่างเป็นเพลง ผมเจอคนมัลดีฟส์ก็ขอเขามาร้องเพลงกับผมหน่อย กลับมาลองตัดต่อตอนนั้นทำไม่เป็นด้วย แต่เราวางโครงสำเร็จในหัวแล้ว

ตอนนั้นในเพจมีคนตาม 4,000-5,000 คน ผมลงโพสต์แล้วไปนอน ตื่นมาคลิปนั้นมีคนฟอลโล 1 แสนคน จากคนฟอลโลหลักหมื่นยังยากเลย (หัวเราะ)”

เมื่อแฟนเพจได้รับความนิยมก็มีสปอนเซอร์เข้ามา แต่ว่านไฉยืนยันไปถึงแฟนเพจว่า จะไม่ขายโฆษณาจนหมดเสน่ห์การท่องเที่ยว และเขาทำงานแต่งเพลงตามโจทย์ลูกค้า ศิลปินมาก่อน เข้าใจความสุขความสำเร็จของการทำงานว่าต้องคนละครึ่งทาง แต่อาจจะโอนเอียงเข้าข้างตัวเองหน่อยๆ

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

“ใครอยากให้ไปไหน เวลาตรงกันก็ไป ตอนนี้ยังคนละครึ่งทาง ความสุขในการทำอะไรสักอย่างเกิดจากคนละครึ่ง ถ้าเราเอาแต่ใจ เราไม่มีวันเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

เราไปทำงาน เราได้เอนจอยด้วย คนดูได้รอยยิ้มจากรายการท่องเที่ยวของผม ลูกค้าได้ขาย มันคือกฎสามเหลี่ยม ลูกค้า ผม คนดู ทุกคนต้องมีความสุข ไม่ใช่ขายของ ถ้าสินค้าไปด้วยกันไม่ได้ผมก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล”

ทุกอย่างสวยงามอย่างที่มันเป็น

ว่านไฉเล่าประสบการณ์ทริปเที่ยวที่ลำบาก คือโดนโกงที่อินเดีย เพียงวินาทีแรกที่ลงจากรถไฟ ก็เจอกองทัพคนถีบสามล้อกรูเข้ามาห้อมล้อม

“ผมรู้สึกถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก จะหลอกได้ขนาดไหนเพราะผมไม่ได้เอาเงินมาเยอะ ฉากแรกที่เห็นหลังจากขึ้นสามล้อ เสาไฟแดงล้มระเนระนาด ถนนไม่มีเลน มั่วไปหมด คนแบกของเทินหัว แล้วสุดท้ายคนถีบสามล้อพาไปวัดปลอม และเรียกเงินสูงกว่าที่ตกลง”

ทุกอย่างติดลบ ตอนนั้นในใจว่านไฉดังก้องไปด้วยคำว่า “กูเกลียดอินเดีย”

หลังจากนั้นไปลาดักห์ ทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้อารมณ์ดีขึ้นมามากโข แต่ขากลับเจอลุงคนหนึ่งมาคุยกับเพื่อนร่วมทริปอาสาหาแท็กซี่ หาโรงแรมที่พักให้ ตอนนั้นสมองแล่นปรู๊ดไปถึงคำว่า มาหลอก มาโกงอีกแล้ว

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง

“เราแบ่งขึ้นรถ 2 คัน ผมถึงโรงแรมแล้ว แต่อีกคันที่น้องสาวผมนั่งยังมาไม่ถึง ผมก็คิดว่าโดนหลอกเข้าอีกแล้ว ผมด่าพี่ที่ไปด้วยว่าเชื่อเขาทำไม ผมมีแต่ด่าๆๆ หงุดหงิดมาก ทุกอย่างติดลบไปหมด

สุดท้ายรถคันนั้นมา ความจริงเฉลยว่าลุงไม่ได้โกง เขาตั้งใจช่วย ผมนี่เข่าทรุดเลย เรานิสัยไม่ดี เราเลว เราจิตใจไม่ดี ผมน้ำตาคลอเบ้าเลย

ทุกคนจับมือขอบคุณลุง ผมยืนตัวเล็กลีบอยู่ข้างหลัง ละอายใจ ถามลุงทำไมถึงช่วย เขาบอกว่าครั้งหนึ่งมาเมืองไทย มาหลงๆ งงๆ เจอคนไทยช่วยแบบนี้แหละ แล้วเราแลกนามบัตรกัน โห เขารวยมาก เป็นซีอีโอ”

จากนั้นอักขระที่ประทับในใจกลายเป็นคำว่า “ผมตกหลงหลุมรักอินเดีย แล้วผมจะกลับมาอีก”

นี่เป็นบทเรียนทำให้ว่านไฉมองหาข้อดีเสมอแม้จะเจอข้อเสีย “ไปจีนถ้าเรานึกถึงอุจจาระก็จะเจอแต่อุจจาระ เวลาผมไปเที่ยว ไม่ใช่แค่ภาพสวยอย่างเดียว ภาพสวยนั้นอวดสกิลช่างภาพ แต่ผมเอาสิ่งที่ผมมีความสุขใส่ลงไป”

“หลง” ในความหมายของว่านไฉคือ “การที่เราหลงจะเจอเสน่ห์ ถ้าเราเที่ยวตามแบบฟอร์มที่คนอื่นไป ก็จะเห็นหอไอเฟล เห็นปราสาท มาเมืองไทยถ้าไม่หลงจะรู้จักวัดพระเแก้ว สยาม ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ถ้าหลงจะเจอวินมอไซค์ ผัดกะเพรา เช่นเดียวกัน การเดินทางไม่ได้อยู่ที่สถานที่ มันอยู่ระหว่างทาง บรรยากาศ อาหาร”

สุดท้าย ว่านไฉ บอกว่า “ผมเป็นนักท่องเที่ยวฟลูไทม์ เป็นนักแต่งเพลงพาร์ตไทม์ เพราะเราเอาความสุขใส่ตัวเสมอ ผมทำแล้วคุณก็ทำได้เช่นกัน”

หลง(เสน่ห์) ไปกับทุกย่างก้าว ของ ว่านไฉ-อคิร วงษ์เซ็ง