posttoday

รับมือความขัดแย้ง ในองค์กร

17 กันยายน 2561

หนึ่งในนั้นคือปัญหาเรื่องคน ค้น คนที่มิอาจหลีกเลี่ยง

เรื่อง บีเซลบับ ภาพ รอยเตอร์ส

คนทำงานมืออาชีพ นัยหนึ่งคือคนที่รับอาสาแก้ปัญหาแบบมืออาชีพ เรื่องที่จะพ้นไปจากปัญหาจึงไม่มี หนึ่งในนั้นคือปัญหาเรื่องคน ค้น คนที่มิอาจหลีกเลี่ยง งานทำให้สำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียวไม่ได้ฉันใด การจะทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย จึงต้องมีกลยุทธ์ในการรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจาก “คน” ฉันนั้น

1.เริ่มต้นที่ตัวเรา

คนบางคนเริ่มต้นแก้ปมความขัดแย้งด้วยการพิจารณาว่า “ใคร” เพื่อนร่วมงานคนใดที่มีปัญหา นั่นเป็นเพราะอคติที่มีต่อเพื่อนร่วมงาน โดยลืมพิจารณาถึงตัวเองว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ เรื่องการพิจารณาตัวเองนี้ มีตั้งแต่ความกราดเกรี้ยวก้าวร้าว พูดจาไม่ดี ใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ฯลฯ

พูดแล้วไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ พูดแล้วไม่มีใครกล้าขยับ อย่างนี้ก็ไม่ดีนะ มองในมุมหนึ่งก็ทำลายบรรยากาศการทำงาน สร้างความลำบากใจให้ทีมงาน ขอให้พึงคิดและใช้งานเป็นที่ตั้ง โดยเมื่อเกิดปัญหาขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำคือการหันมาพิจารณาตัวเองก่อน ปรับที่ตัวเองก่อน จากนั้นจึงค่อยเดินหน้าหารือและปรับทัศนคติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูง

2.มองเรื่องใหญ่ ไม่มองเรื่องเล็ก

คนทำงานที่ดีคือคนทำงานที่ไม่มองเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่เก็บหรือไม่คิดไปเสียหมดถึงคำพูดหรือการกระทำของเพื่อนร่วมงาน อะไรที่ปล่อยข้ามไปได้ก็ปล่อยข้ามไปเถิด เพราะงานใหญ่และเป้าหมายใหญ่คือสิ่งที่ต้องพึงระลึกมากกว่า หาวิธีของตัวเองในการที่จะช่วยให้มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไปให้พ้น ใช้เมตตาบารมีนำพาตัวเองออกไปจากเรื่องยุ่งขิงที่ไร้ราคา จากนั้นจึงทุ่มเทเวลาให้กับการสร้างสรรค์งานใหญ่ดีกว่า

3.ตอบสนองปัญหาด้วยปัญญา

การทำงานอาจไม่ทำให้คนในองค์กร “รัก” คุณหรือชอบคุณทั้ง 100% แต่นั่นเป็นปกติของการทำงาน รู้เช่นนั้นแล้วก็ไม่พึงตอบโต้ความเกลียดโกรธไม่พอใจของเพื่อนร่วมงานด้วยความเกลียดชัง เพราะไม่เพียงแต่จะไม่แก้ปัญหาใดๆ แต่ยังทำให้ปัญหายิ่งทวีความรุนแรง

วิธีที่ถูกคือการผูกมิตร สมานไมตรีต่อผู้ร่วมงาน ใช้ความหนักแน่นภายในของเรา ส่งผ่านพลังแห่งความดีและน้ำจิตน้ำใจออกไป อาจเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเลยก็ได้ เช่น การชวนไปดื่มกาแฟ กินข้าว หรือเล่นกีฬาร่วมกัน ถ้าคุณดำเนินวิถีแห่งมิตรอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยที่สุดฝ่ายตรงข้ามของคุณก็จะเริ่มไม่เห็นคุณในแง่ลบเสียทีเดียว

4.ปรับที่อคติ

เรื่องอคติส่วนตัวนี้ต้องระวัง คุณต้องรักษาตัวเองให้ปลอดจากอคติ ซึ่งไม่นำพาให้เกิดประโยชน์ในเรื่องอันใด อีกขัดขวางการทำงานและความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น กรณีเป็นอคติของฝ่ายเพื่อนร่วมงานหรือคนในองค์กร ก็พึงตั้งหลักที่ตัวเราก่อน อย่ามีอคติตอบโต้หรือปล่อยให้ตัวเองเกิดความรู้สึกด้านลบ

การคิดร้ายไม่ก่อประโยชน์อันใด การไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น แต่พุ่งเป้าหมายไปที่ผลสัมฤทธิ์ของงาน จะช่วยให้คุณ “โฟกัส” ได้ตรงจุด และขจัดอคติทั้งของตัวเองและของผู้อื่นไปได้โดยอัตโนมัติในที่สุด

5.เป็นมืออาชีพ

อย่าฟูมฟาย อย่าตะบึงตะบอน หรือตอบโต้แบบไม่มืออาชีพ คำว่ามืออาชีพหมายถึงการเป็นคนทำงานที่ได้มาตรฐาน มองและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ แต่ถ้าเผลอหรือปล่อยให้ตัวเองสวิงสวายไปตามอารมณ์ เช่นนี้แล้วย่อมไม่เกิดผลดี อีกฝ่ายตรงข้ามก็ย่อมเดินหน้าทำร้ายคุณได้มากขึ้น

เมื่อเกิดปัญหา พึงบอกตัวเองให้เข้มแข็ง และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด ในหนทางอันวิบากย่อมเจอบ้างกับความไม่หวังดี คนไม่หวังดี ถ้อยคำที่บั่นทอน หรือมุ่งร้ายทำลายขวัญ แต่ก็อย่าเสียกำลังใจ ใช้ความกล้าหาญในการเผชิญหน้า หรือถ้ามีโอกาสก็ปรับทัศนคติที่มีต่อกัน

6.ขอความช่วยเหลือ

เมื่อเกิดความขัดแย้งในองค์กร ที่ปมลึกสาวไม่สุด มิติความซับซ้อนของปัญหาเกินกว่าคุณจะรับมือได้ ก็ไม่ต้องยั้งหรือรั้งรอที่จะบอกกล่าวแก่ผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไป เพราะบางครั้งการจะคลี่คลายปัญหาได้ก็อาจต้องใช้ “กำลังภายใน” ของตำแหน่งหน้าที่ที่สูงกว่า

อาจมีคำถามถึงความเหมาะสมว่า เมื่อใดจึงจะรายงานความขัดแย้งต่อผู้บังคับบัญชาได้ พึงใช้หลักว่า การเก็บงำปัญหาต่อไปนั้น มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานหรือไม่อย่างไร ถ้าพบหรือประเมินแล้วคิดว่า ความเสียหายอาจเกิดขึ้น คุณก็ย่อมมีสิทธิเต็มที่ในการนำปัญหานั้นๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

อย่ากลัวจะถูกมองว่า เป็นคนขี้ฟ้อง เพราะเรื่องนี้อยู่เลย!