วรนันต์ นิธิรัตน์วณิช อยู่กับธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างประณีตไม่รีบร้อน
หลายคนนั้นพยายามจะออกแบบชีวิตของตัวเองเอาไว้ เช่นเธอคนนี้ที่วางแผนจะใช้ชีวิตหลังเกษียณท่ามกลางธรรมชาติ
โดย อณุสรา ทองอุไร
หลายคนนั้นพยายามจะออกแบบชีวิตของตัวเองเอาไว้ เช่นเธอคนนี้ที่วางแผนจะใช้ชีวิตหลังเกษียณท่ามกลางธรรมชาติ ปลูกในสิ่งที่กิน กินในสิ่งที่ปลูก ใช้ชีวิตแบบละเมียดละไมไม่รีบร้อน โดยวางแผนล่วงหน้าไว้เกือบ 10 ปี วรนันต์ นิธิรัตน์วณิช สาวหน้าคมผิวเข้ม มีอาชีพหลักเป็นแม่บ้านและเป็นคุณแม่ของลูกชายวัยหนุ่ม 2 คน เมื่อลูกชายเข้าวัยหนุ่มอาชีพคุณแม่ก็เริ่มว่างงานลง พี่น้องเลยสนใจวิถีสโลว์ไลฟ์และวิถีสีเขียว เนื่องจากชอบปลูกต้นไม้มาตั้งแต่สาวๆ แต่ตอนลูกยังเล็กๆ ก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก อีกทั้งบ้านที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีพื้นที่มากมายที่จะปลูกอะไรเยอะแยะ จนกระทั่งลูกเข้าสู่วัยรุ่นเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว เธอและสามีจึงมองหาที่ดินสักแปลงที่ต่างจังหวัดเพื่อไปปลูกบ้านและมีพื้นที่มากพอที่จะทำสวนขนาดย่อมๆ เอาไว้รองรับช่วงชีวิตหลังเกษียณของเธอและสามี
เธอบอกว่า เพราะกรุงเทพฯ เมืองมันแน่นขนัดขึ้นทุกวัน แย่งกันอยู่แย่งกันกินกันใช้ ทำให้ชีวิตรีบเร่งขึ้นทุกวันแม้เวลาจะหายใจแบบสบายๆ ก็แทบไม่มี รถติดมากมาย ในช่วงบั้นปลายหลังเกษียณก็ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ อีกต่อไป “สามีและพี่ก็ปรึกษากันว่าถ้าวัย 60 ไปแล้วคงไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ สามีก็เริ่มไปหาที่แถวๆ เขาใหญ่ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ได้มาเกือบ 20 ไร่ พี่ก็ไปช่วยเขาปรับเปลี่ยนดูแล ปลูกบ้านมาได้หลังหนึ่งเอาไว้เป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัว แล้วก็แบ่งเอาไว้ทำสวนปลูกต้นไม้อย่างจริงจังก็ปลูกต้นไม้ไว้สารพัดชนิดเลย มีมากกว่า 10 ชนิด ทั้งพืชผักสวนครัว ผลไม้ ไม้ดอก
“เราชอบอะไร อยากกินอะไรก็ปลูกตามนั้น กล้วย มะละกอ มะม่วง เสาวรส น้อยหน่า อโวคาโด มะปราง มะยงชิด เป็นการปลูกแบบผสมผสาน แล้วก็พวกพืชผักสวนครัว พริก มะกรูด มะนาว โหระพา กะเพรา ไว้กินเองเป็นหลัก แจกเพื่อนๆ ญาติๆ ที่เหลือก็ขาย อย่างน้อยพืชผัก ผลไม้ที่เราปลูกก็สบายใจได้ว่าปลอดสารพิษอย่างแน่นอนเพราะเรากินเองปลูกเอง เหลือถึงจะนำไปขาย ไม่ได้เอาไว้ขายเป็นหลัก เรากินเองเป็นหลัก ดังนั้นเราไม่ใช้อะไรที่เป็นสารเคมี เพราะเราเลือกที่จะให้ชีวิตเราปลอดภัยได้ วันนี้มีทางเลือกแล้ว เมื่อก่อนเราไม่มีทางเลือกเพราะซื้อเขากินเอง ตอนนี้ปลูกเองก็ต้องทำให้สะอาดปลอดภัยให้มากที่สุด” เธอกล่าวอย่างตั้งใจ
ตั้งแต่เธอและสามีมีความตั้งใจแน่วแน่ในการที่จะหาบ้านหลังที่สองที่อยู่ธรรมกลางแมกไม้ไร่สวนในธรรมชาติ เมื่อได้ที่มา ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วเธอก็จะกลับไปช่วยดูแลสวนอย่างใกล้ชิดทุกอาทิตย์ ตอนเด็กๆ อยู่บ้านที่อยุธยาเธอก็เคยช่วยครอบครัวทำสวนบ้างเล็กๆ น้อยๆ
แต่วันนี้เธอตั้งใจที่จะไปทำสวนอย่างจริงจัง ในอนาคตหากลูกๆ เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็อาจจะไปทำสวนเต็มตัว และอาจจะทำรีสอร์ทเล็กๆ และดูแลเองทุกขั้นตอน ทำเพราะมีใจรัก ให้คนที่รักต้นไม้รักธรรมชาติมาใช้ชีวิตสั้นๆ 2-3 วันอย่างมีความสุขอยู่ท่ามกลางสีเขียวที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ และวิวรอบข้างของที่ดินแปลงนี้ก็สวยงามรายล้อมด้วยเนินเขาสวยงาม ได้กินอาหารสุขภาพที่เธอทำเองปลูกเอง ด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอน
“ก็วาดฝันเอาไว้และพยายามจะทำให้ความฝันเป็นจริง ถึงตอนนั้นเราก็ไม่ได้หวังจะร่ำรวยอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่เราจะเอาความสุขความสบายใจและสุขภาพที่ดีเป็นที่ตั้ง เอาสุขภาพเป็นหลัก ใครที่อยากจะมาพักเพราะมีเห็นถึงความสำคัญเรื่องสุขภาพ อยากดูแลตัวเองด้วยความใส่ใจมาใช้ชีวิตแบบประณีตช้าๆ ละเมียดละไมดูบ้าง เหมือนได้มาชาร์จแบตมาล้างพิษล้างปอด หายใจลึกๆ อยู่กับธรรมชาติท่ามกลางต้นไม้ ใช้วัตถุดิบที่เราปลูกเองเป็นหลัก” เธอเล่าอย่างมีความสุข
นอกจากรักต้นไม้ใบหญ้าธรรมชาติสีเขียวแล้ว เธอยังชื่นชอบการทำงานฝีมืองานประดิดประดอยต่างๆ เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานเดโคอาร์ต งานศิลปะทั้งหลาย การปั้นบ้านจิ๋ว เพนต์กระเป๋า ปักเสื้อผ้าปักลูกไม้สำหรับชุดที่จะไปงานด้วยตนเอง รวมทั้งการวาดรูป ซึ่งฝีมือการวาดรูปของเธอนั้นไม่ธรรมดา นอกจากมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ เธอยังมีใจรักและไปเรียนสีน้ำเพิ่มเติม จนบัดนี้สามารถเรียกได้ว่าขั้นเทพ สวยงามดูดีมีรสนิยมจนมีคนมาขอซื้อ เรียกว่าจะนำไปแจกหรือให้ของขวัญใครก็ให้ได้อย่างภาคภูมิใจไร้กังวล
นอกจากวาดรูปเป็นงานอดิเรกไว้ผ่อนคลาย หรือไว้แก้เหงายามว่างๆ แล้ว เธอยังมีจิตอาสาไปสอนวาดรูปให้กับสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเซนต์ฟรังฯ และผู้ที่สนใจเป็นครั้งคราวอีกด้วย เธอเล่าด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีว่า “หากได้ทำรีสอร์ทเล็กๆ เป็นของตนเอง เธอจะวาดรูปดอกไม้สวยๆ เอาไว้ติดที่รีสอร์ทของเธอเองอีกด้วย เรียกว่าอยากจะทำเองทุกขั้นตอนที่เราพอทำได้ เพราะมันคือความสุขที่ได้ทำ ทุกวันนี้ที่สวนนี่ก็ทำเองเยอะ เลือกต้นไม้ไปลงเอง ไปคัดไปแยก เก็บผลไม้ พืชผักด้วยตนเอง เวลาต้นไม้ออกผล จะดีใจและชื่นใจมาก เราจะหยิบจับอย่างเบามือทะนุถนอมด้วยความใส่ใจ” เธอเล่าอย่างมีความสุข
สุดท้ายเธอบอกว่า การได้ทำสวน ปลูกต้นไม้ การได้วาดรูปหรือการทำงานฝีมือต่างๆ มันให้ความสุขอย่างแท้จริง ได้มีสมาธิขณะทำงาน ได้มีสติอยู่กับตัวเอง ได้ใช้ชีวิตช้าๆ อย่างประณีตไม่รีบร้อนลนลาน แล้วก็ไม่ต้องซื้อทุกสิ่งเหมือนมีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในสวน ช่วงไหนกล้วยน้ำว้าสุกพร้อมกันเยอะแจกแล้ว ขายแล้วยังเหลือ เธอก็ไปทำเป็นขนมกล้วย กล้วยหอมสุกเยอะก็ทำเค้กกล้วยหอม เสาวรสออกลูกดกๆ จนกินไม่ทันเธอก็ทำน้ำเสาวรสคั้นสดๆ ไว้ดื่มเอง ได้กินของจากธรรมชาติที่สดใหม่และสะอาด
“เวลาอยู่สวนนี้แทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย มีอะไรในสวนเราก็นำมาทำขนม ทำอาหาร มีอะไรออกเยอะๆ ก็เอาไปขายบ้าง เงินไม่ได้เยอะแต่ก็มีเงินหมุนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาดมือ เพราะเวลาอยู่สวนที่เขาใหญ่ใช้เงินน้อยมาก อยู่บ้านกรุงเทพฯ เราจะต้องซื้อทุกอย่าง แต่อยู่บ้านสวนนี่เดินเข้าสวนไม่นานเดี๋ยวก็ได้ผัก ผลไม้ติดมือมาทุกครั้ง การทำสวนเองนั้นเหนื่อยแต่มีความสุขมากๆ ถือว่าเป็นการได้ออกกำลังกายเรียกเหงื่อไปในตัว และได้สัมผัสพลังจากธรรมชาติอีกด้วย หลังเกษียณก็จะมาอยู่บ้านสวนที่เขาใหญ่มากขึ้น”เธอกล่าวทิ้งท้าย