posttoday

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 มิติใหม่เวทีนางงาม

23 สิงหาคม 2561

ความไม่ธรรมดาของเวทีประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018

เรื่อง: ภาดนุ ภาพ: นครินทร์ วะหิม ปฏิภัทร จันทร์ทอง 

เวทีประกวดต่างๆ มีมากมาย แต่ยังไงเวทีประกวดนางงามก็ไม่เคยเสื่อมความนิยม ยังคงมีหลายเวทีให้สาวๆ ได้วิ่งตามความฝันที่จะมงลง คว้าตำแหน่งสูงสุดมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ก็เป็นอีกหนึ่งเวทีที่สาวงามต่างพากันมาร่วมสมัครเข้าประกวดนับร้อย แต่ความไม่ธรรมดาของเวทีประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เราไปพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องกันเลย

จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ Managing Director จากบริษัท สตาร์ดอม เอเชีย เจ้าภาพร่วมในการจัดประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 เผยว่า ปีนี้มีความแปลกใหม่และมีเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมหรือแฟนนางงามได้ติดตามกันแน่นอน

“เดิมทีบริษัทของเรารับทำงานพีอาร์วางแผนสื่อ และจัดอีเวนต์อยู่แล้ว เมื่อได้รับโอกาสให้ร่วมงานกับบีอีซี เทโรและช่อง 3 เพราะผู้ใหญ่เล็งเห็นศักยภาพว่าเราทำได้ จึงได้เข้ามาร่วมงานกัน หน้าที่หลักของสตาร์ดอมฯ ก็คือ จัดการประกวด ดูแลด้านโปรดักชั่น ดูรายละเอียดในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของสาวงาม รวมทั้งหาสปอนเซอร์มาร่วมสนับสนุน โดยผ่านความเห็นชอบของผู้บริหารบีอีซีฯ อีกที”

จรีลักษณ์บอกว่า การเข้ามาร่วมจัดการประกวดนางงามกับบีอีซีฯ ปีนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ก่อนอื่นขอให้เครดิตทางบีอีซีฯ ที่ได้คิดไว้ก่อนแล้วว่า จะทำรายการเรียลลิตี้ประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ครั้งนี้ในแบบที่แตกต่างจากเวทีอื่นๆ

“จุดเด่นของเรียลลิตี้ครั้งแรกนี้ก็คือ เราจะไม่ให้ผู้เข้าประกวดต้องมาฟาดฟันกันจนถึงขั้นต้องมีการคัดออกกลางรายการ ดังนั้น สาวงามทั้ง 30 คนที่เข้ารอบมาก็จะยังอยู่ในรายการ แต่เราจะไปเน้นที่การทำกิจกรรมต่างๆ อย่างจริงจัง และทำโปรดักชั่นเต็มที่ จะไม่ใช่แค่เดินแบบในห้องเล็กๆ แล้วจบแค่นั้น แต่การเดินแบบในรอบฟาสต์แทร็กที่ผ่านมา เราจัดขึ้นที่สยามเจมส์ เฮอริเทจ อย่างยิ่งใหญ่เลยสาวงามที่ผ่านรอบฟาสต์แทร็กรอบนี้จะได้ใส่ชุดสวยและสวมเครื่องเพชรราคานับร้อยล้านบาท นี่คือตัวอย่างกิมมิกเด็ดๆ ในปีนี้

การที่เราเข้ามาเป็นผู้ร่วมจัดประกวด สิ่งสำคัญก็คือ เราจะฟังฟีดแบ็กจากแฟนๆ นางงาม แล้วจะอ่านคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์ ถ้าทำสิ่งไหนแล้วมันแฟร์ เราก็จะทำตามข้อเสนอแนะนั้น แล้วปีนี้เรายังอนุญาตให้ช่างหน้าช่างผมส่วนตัวของนางงามสามารถมาแต่งให้กับน้องๆ ได้ด้วย แต่เราก็จะมีช่างหน้าช่างผมของกองประกวด สแตนด์บายไว้อยู่ดี ทุกอย่างคุยกันได้หมด”

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 มิติใหม่เวทีนางงาม

จรีลักษณ์เสริมว่า ในส่วนของเรียลลิตี้การประกวดในปีนี้จะมีทั้งหมด 6 ตอนด้วยกัน โดยจะฉายทุกเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.30-22.30 น. ทางช่อง 28 เริ่มวันที่ 25 ส.ค.-9 ก.ย.นี้ โดยจะมีรอบพรีลิมคือ 12 ก.ย. และรอบตัดสินผู้ได้ตำแหน่งจะจัดขึ้นเสาร์ที่ 15 ก.ย.นี้

“ในช่วงที่มีการทำกิจกรรม เราก็จะแทรกการตัดสินฟาสต์แทร็กเข้าไปด้วย อย่างกิจกรรมแรกที่ทำก็คือ Beauty with a Purpose หรือนางงามจิตอาสา ซึ่งในวันที่ทำกิจกรรมนางงามจะไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะในกิจกรรมนั้นๆ ทุกคนจะไปรู้พร้อมกันในวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งเป็นวันประกาศผลฟาสต์แทร็กทีเดียวเลย นอกจากนี้ยังมีคะแนนจากคอมเมนเตเตอร์ อย่าง สิรินยาบิชอพ วินิจ บุญชัยศรี และช่างภาพด้วย ซึ่งจะรู้ผลในวันที่เรียลลิตี้ออกอากาศ นี่แหละคือความสนุกที่แตกต่างจากการประกวดครั้งก่อนๆ”… ติดตามที่ www.missthailandworld.net

ด้าน ธรธรรม พงษ์พานิช หรือ หนุ่ม Style Director ซึ่งดูแลภาพรวมในเรื่องชุดต่างๆ ของผู้เข้าประกวดในปีนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยสร้างความน่าสนใจให้เวทีประกวด

“หน้าที่หลักของผมก็คือ การดูแลภาพรวมในเรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทำผมของสาวงามในกองประกวดทั้งหมด รวมถึงพิธีกรที่มาร่วมในเรียลลิตี้ครั้งนี้ด้วย เช่น ซินดี้-สิรินยา บิชอพ และอดีตนางงามที่ได้รับเชิญมาอย่างการมาเก็บตัวสาวงามที่ชะอำ-หัวหินครั้งนี้ ผมก็ดูแลเรื่องชุดกีฬาในการทำกิจกรรมแข่งกีฬาของผู้เข้าประกวด รวมถึงการถ่ายภาพชุดว่ายน้ำด้วย โดยจะเลือกใช้เสื้อผ้าจากแบรนด์ต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน เช่น ชุดว่ายน้ำทูพีซจาก Kas & K O และชุดกีฬาจาก Adidas Thailand เป็นต้น

ถ้าพูดถึงการเลือกชุดต่างๆ ผมจะใช้วิธีดูจากรูปร่างและบุคลิกของผู้เข้าประกวดเป็นหลัก ว่าพวกเธอต้องทำกิจกรรมอะไรบ้างในระหว่างถ่ายทำเรียลลิตี้ จากนั้นค่อยมาคิดว่าน่าจะเลือกชุดสไตล์ไหนอีกที ที่ผ่านมาก็เตรียมทั้งชุดปกติและชุดว่ายน้ำไว้ตั้งแต่รอบคัดเลือก 60 คนเลย พอรอบคัดเหลือ 30 คน ก็จะวัดสัดส่วนที่แน่นอนอีกครั้ง โดยชุดที่ใส่ในรอบ 30 คนจะเป็นชุดเดรสสั้นตอนเย็น (Evening Dress) จากแบรนด์ Myriad Grand Monde ซึ่งมีทั้งหมด 6 ดีไซน์ ดีไซน์ละ 5 ชุด เราก็จะเลือกสีและแบบของชุดให้เหมาะกับบุคลิกของสาวงามแต่ละคน รอบนี้ชุดจะออกแนวพลิ้วๆ สวยหวานสไตล์เฟมินีนหน่อย”

หนุ่มเสริมว่า สำหรับชุดในรอบ 12 คนนั้น จะเป็นชุดราตรียาว (Evening Gown) รอบนี้จะเลือกใช้ชุดจากแบรนด์ Hook’s by Prapakas โดยคอนเซ็ปต์หลักจะใช้ผ้าไทยจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทรในการตัดเย็บ แต่รูปแบบและสไตล์จะขึ้นอยู่กับการออกแบบของดีไซเนอร์

“ส่วนในรอบ 6 คนสุดท้ายจะเป็นชุดราตรียาวเช่นกัน รอบนี้เลือกใช้ชุดจากแบรนด์ Surface ซึ่งความโดดเด่นจะอยู่ที่งานปักเลื่อมแวววาว รวมถึงคัตติ้งที่เน้นความเป็นผู้หญิง บอกเลยว่าต้องรอชมในวันตัดสินจริงให้ได้เลย

ในส่วนของการดูแลด้านความงามของสาวงามผู้เข้าประกวด ปีนี้ได้ ป้อม-วินิจ บุญชัยศรี เมกอัพอาร์ติสต์ฝีมือดีมาควบคุมดูแลเรื่องการแต่งหน้าให้ด้วย ส่วนการทำผมเราได้สปอนเซอร์จากแบรนด์ฟิลิปส์ บี โบทานิคอล มาช่วยดูแล ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการทำผมมาคอยดูแลภาพรวมของทรงผมให้นางงามทุกคนอีกทีครับ”

มาที่ 3 สาวงามซึ่งได้ชื่อว่าเป็นตัวเก็งที่น่าจะชิงมงกุฎในปีนี้บ้าง…เฮเลน่า บุช หรือเลน่า วัย 22 ปี (หมายเลข 26) ลูกครึ่งไทย-สวีเดน-เยอรมัน-เดนมาร์ก เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ (ภาคอินเตอร์) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พูดถึงการประกวดนางงามครั้งแรก

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 มิติใหม่เวทีนางงาม เฮเลน่า บุช

“ต้องบอกว่าเลน่าทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวลใจเพราะไม่เคยผ่านการประกวดนางงามมาก่อน แต่เมื่อเข้ามาใช้ชีวิตในกองประกวดจริงๆ ได้เจอเพื่อนๆ และพี่ๆ ทีมงามที่น่ารักความกดดันก็ลดลงไปเยอะเลย ความกดดันที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากที่มีคนพูดว่า เลน่าเป็นตัวเก็งหรือเป็นแฟนของ ชาริล ชัปปุยส์ แต่มาจากตัวเลน่าเองที่กลัวว่าจะทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่ดีพอ เพราะการมาเก็บตัวและถ่ายเรียลลิตี้ไปด้วย เราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง นักข่าวหรือกรรมการจะถามอะไรบ้าง หรือถ้ามีกิจกรรมยากๆ เราจะทำได้มั้ย”

เลน่าบอกว่า การเข้าประกวดครั้งนี้ทุกคนก็สวย เก่ง และมีดีกันทุกคน ฉะนั้นจึงเดาไม่ออกเลยว่า ใครจะคว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ไปได้

“การมีคนเชียร์ค่อนข้างเยอะ ทำให้เลน่ารู้สึกดีมากๆ เพราะเท่ากับว่าพวกเขาเห็นว่าเรามีศักยภาพที่จะไปถึงรอบลึกๆ ได้ เลน่าเชื่อว่าทุกคนที่เข้าประกวดก็ต้องหวังสักตำแหน่งค่ะ ไม่งั้นแต่ละคนคงไม่มีแรงบันดาลใจที่จะก้าวผ่านอุปสรรคในช่วงที่ประกวดไปได้แน่นอน ซึ่งข้อดีของเวทีประกวดก็คือเป็นที่ที่ให้ประสบการณ์ในชีวิตและทำให้คนรู้จักเรามากยิ่งขึ้น”

เลน่าทิ้งท้ายว่า หากได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ สิ่งที่เธอตั้งใจจะทำเพื่อสังคมก็คือ การทำโครงการช่วยลดโลกร้อน เพราะปัจจุบันนี้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นทั่วโลก วิธีการของเธอจะเริ่มจากให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดภัยธรรมชาติจากการกระทำของตัวเองให้เป็นนิสัย ถ้าเป็นไปได้เธออยากให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นวิชาหลักในโรงเรียนไปเลยละ

ด้าน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ หรือ นิโคลีน วัย 19 ปี (หมายเลข 7) เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาวสวยผู้เข้ารอบ 1 ใน 10 จากเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 มาแล้ว และก่อนหน้านั้นก็เคยคว้าตำแหน่ง มิสทีน เอเชีย ยูเอสเอ 2015 มาครองได้ เป็นอีกหนึ่งสาวที่มาแรง

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 มิติใหม่เวทีนางงาม พิชาภา ลิมศนุกาญจน์

“ที่นิโคลเข้ามาประกวดเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ เป็นเพราะเล็งเห็นความสำคัญของเวทีนี้ ว่าเป็นเวทีที่งามอย่างมีคุณค่า ในช่วงชีวิตที่เติบโตมานิโคลได้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้คนมาโดยตลอด จึงคิดว่าการเข้ามาประกวดในเวทีนี้จะช่วยส่งเสริมงานด้านช่วยเหลือสังคมได้ง่ายขึ้น เพราะหากมีชื่อเสียงก็จะสามารถเป็นกระบอกเสียงในการช่วยเหลือคนที่เราอยากช่วยได้ ซึ่งโครงการที่อยากทำ นิโคลตั้งชื่อไว้ว่า Love For All จะเป็นโครงการสำหรับเด็กออทิสติกโดยเฉพาะ

อีกอย่างนิโคลได้แรงบันดาลใจมาจาก เนตัน น้องชายของนิโคลซึ่งเป็นเด็กออทิสติกด้วย คือเราเคยมีประสบการณ์ในการช่วยคุณแม่ดูแลน้องชายมาก่อน ทั้งเรื่องเรียน การใช้ชีวิต ซึ่งอาจจะยากอยู่สักหน่อย เพราะต้องใช้การเรียนการสอนที่ไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป”

นิโคลบอกว่า สิ่งที่เธออยากทำก็คือ อยากตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพให้เด็กออทิสติก สามารถฝึกทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขึ้นรถเมล์ การใช้เงิน หรือการทำงานหาเงิน ฯลฯ เพื่อเด็กพิเศษเหล่านี้จะได้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น

“การเข้ามาประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ครั้งนี้ เชื่อว่าสาวๆ ทุกคนคาดหวังว่าจะได้ตำแหน่ง รวมทั้งนิโคลเองด้วยที่เชื่อมั่นว่าความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเด็กออทิสติกนั้น จะเป็นเสมือนแรงบันดาลใจและเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้นิโคลสามารถไปถึงฝันได้จริงค่ะ”

สำหรับ อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ หรือ นิต้า วัย 25 ปี (หมายเลข 27) พี่สาวแนท-อนิพรณ์ (มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2015) ซึ่งผ่านเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 มาหมาดๆ และเข้ารอบ 1 ใน 10 ก็ขอมาประกวดในเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์อีกครั้ง

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 มิติใหม่เวทีนางงาม อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์

“ที่จริงนิต้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะก้าวมาสู่เวทีประกวดนางงามเลยค่ะ เพราะตอนเด็กๆ นิต้าเป็นเด็กเรียนที่ตัวอ้วนๆ ผิดกับแนตที่สวยมั่นใจ ทั้งเป็นดรัมเมเยอร์และเป็นเชียร์ลีดเดอร์เลย ที่นิต้ามาประกวดนางงามเพราะตอนนี้นิต้าก็อายุ 25 ปีแล้ว ถ้าไม่ลองประกวดก็จะอายุเกิน แล้วจะไม่มีโอกาสได้ลอง (หัวเราะ) ตอนที่ประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์นั้น นิต้าคิดแค่ว่าอยากไปลองหาประสบการณ์ พอได้ลองแล้วก็รู้ว่า การเป็นนางงามจะไม่เหมือนกับการเป็นนางแบบและงานละครที่นิต้าเริ่มทำอยู่

เวทีนี้นิต้าก็คาดหวังที่จะได้ตำแหน่งเช่นกัน เพราะเตรียมตัวฟิตร่างกายและฝึกความสามารถทุกด้านมาอย่างดี ถ้าคว้ามงกุฎมาได้ นิต้าก็อยากจะผลักดันโครงการขยะอาหารไปสู่เวทีโลก โดยเริ่มจากรณรงค์ให้คนหันมาปรับ เปลี่ยนค่านิยมในการกินอาหารให้หมด ไม่ให้เหลือเป็นขยะอาหาร เพราะหากเกิดภัยพิบัติ เราจะได้มีอาหารสำรองไว้เพื่อตัวเองหรือเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ การประกวดครั้งนี้นิต้าไม่รู้สึกกดดันเลยค่ะ เราก็แค่ทำให้ดีที่สุด ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร นิต้า ก็พร้อมยอมรับเสมอค่ะ”