posttoday

‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน’ 3 ทศวรรษ ยังคงรักเด็ก 

23 กรกฎาคม 2561

หลังจากที่ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก (ไซม่อน) มิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทยสวมมงกุฎมิสยูนิเวิร์สในปี 2531

เรื่อง  กองบรรณาธิการ ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

หลังจากที่ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก (ไซม่อน) มิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของไทยสวมมงกุฎมิสยูนิเวิร์สในปี 2531 เธอเคยตั้งเจตนารมณ์ไว้ว่า “อยากสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆ” ผ่านมา 30 ปีเธอก็ยังยึดมั่นในคำสัญญานั้น โดยเธอเริ่มจากการเป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การสหประชาชาติ และยังได้ช่วยเป็นพลังเสียงให้กับองค์การยูนิเซฟและองค์การ UNFPA การเป็นทูตสันถวไมตรีทำให้อดีตนางงามจักรวาลได้เห็นถึงปัญหาอย่างหนึ่งของเด็กๆ ก็คือ เด็กที่โตขึ้นมาแต่ไม่มีบ้านอยู่ พวกเขาต้องการโรงเรียน บ้าน และสถานีอนามัยเพื่อดูแลด้านสุขภาพ

ต่อจากนั้นในปี 2545  “มูลนิธิแองเจิ้ล วิงส์” จึงก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่าง จุดประสงค์แรกของการก่อตั้งมูลนิธิก็เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กๆ ด้านการศึกษา เช่น การมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กทุกๆ ปี รวมทั้งการสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆ ด้อยโอกาสอีกด้วย

เสียงสะท้อนความภูมิใจของฌอนถึงคุณแม่

ประมาณปีละ 2 ครั้งที่พี่ปุ๋ยของน้องๆ จะนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพาลูกๆ ของเธอกลับมาเยี่ยมคุณยายที่เมืองไทย และเมื่อช่วงเช้าของต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ภรณ์ทิพย์จูงมือพาลูกทั้งสอง คือ ฌอน ไซม่อน ลูกชายวัย 14 ปี และ โซฟี ไซม่อน ลูกสาววัย 8 ขวบ ปรากฏตัวออกสื่อไทยอีกครั้ง และถือโอกาสครบรอบ 30 ปีในการครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส เดินทางจากสหรัฐอเมริกามาเมืองไทย เพื่อมอบทุนการศึกษาประจำปี 2018 ในโครงการ Angels Wings FoundationInternational ให้แก่เด็กชนบททั่วทุกภาคของประเทศไทยจำนวน 30 คน

ภายในงานน้องฌอนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่ปุ๋ย พูดสั้นๆ ถึงสิ่งที่คุณแม่ของเขาทำก่อนที่เขาจะถือกำเนิดเสียอีก ว่าเขารู้สึกมีบุญเป็นอย่างมากที่เกิดเป็นลูกชายของเธอและก็ได้เป็นคนไทย เขารู้สึกดีใจที่แม่ของเขาสามารถทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เช่น การช่วยเหลือเด็กๆ และทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้คนได้มากมายแบบนี้ ซึ่งสิ่งที่คุณแม่ของเขาทำล้วนให้แรงบันดาลใจกับเขาทั้งสิ้น

“แม่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำทุกๆ สิ่งอย่างสุดความสามารถของผม และสิ่งที่แม่ทำสอนผมว่าให้ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน’ 3 ทศวรรษ ยังคงรักเด็ก 

มอบ 30 ทุน ฉลอง 30 ปีครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส

ทุน 30 ทุนที่พี่ปุ๋ยมอบให้น้องๆ ในวันนี้ ก็เพื่อมุ่งหวังให้เด็กได้เล่าเรียนและนำความรู้กลับไปพัฒนาตนเอง และทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้น และสามารถรับผิดชอบชีวิตตนเองและคนรอบข้างได้ ซึ่งผ่านมา 30 ปีแล้ว ปัจจุบันภรณ์ทิพย์ยังคงอุทิศเวลาและเงินส่วนตัวของเธอนอกจากมอบทุนให้น้องๆ เป็นทุนการศึกษาทุกปีแล้ว เธอยังช่วยดูแลผู้ด้อยโอกาสโครงการจัดสร้างหอพักผู้ป่วยเอดส์ให้เด็กตามโรงพยาบาลในเขตชนบท โครงการพัฒนาทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาไทยที่เรียนดี ทั้งหมดเป็นความตั้งใจและความพยายามของภรณ์ทิพย์ ต้นแบบนางงามรักเด็กอย่างแท้จริง             

ภรณ์ทิพย์ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนไทยถึงความตั้งใจช่วยเหลือเด็กๆ ในครั้งนี้ว่า เธอรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้มอบรางวัลการศึกษาให้กับเด็กๆ รู้สึกปลื้มใจและประทับใจที่ทำความฝันของเธอให้เป็นจริง

“การคัดเลือกเด็กๆ เป็นหน้าที่ของครูที่รู้จักเด็กๆ มากกว่าเรา ปุ๋ยเขียนจดหมายไปยังโรงเรียนทั่วประเทศ อยากให้เด็กๆ มีโอกาสที่จะได้ทุน ให้แนะนำโรงเรียนที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ เด็กที่เก่งแต่ไม่มีโอกาส เด็กแต่ละคนเรียนเก่งมาก ดีใจที่จะช่วยเขา ปุ๋ยรู้ว่าการศึกษานี้จะช่วยสังคมมากมาย เด็กเขามีความสามารถที่น่าจะเรียนต่อ เราก็พยายามจะให้โอกาสเขา

ปุ๋ยตั้งใจจะมอบทุนเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้ครบรอบครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 30 ปี ปีนี้ก็รู้สึกแก่ขึ้น (หัวเราะ) รู้สึกภูมิใจเหมือนเดิม ทุกครั้งที่มาเมืองไทยก็ได้มีโอกาสเซย์ฮัลโหลใกล้ชิดกับทุกคนก็รู้สึกปลื้มใจ ปุ๋ยพูดกับลูกตลอดว่าปุ๋ยโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย ให้กำลังใจน้องๆ ถ้าเขามีความสามารถเขาต้องพยายาม ปุ๋ยดีใจที่เรามีโอกาสให้น้องรู้จักโครงการนี้ ปุ๋ยทำคนเดียวไม่ได้ใช่ไหมคะ ปุ๋ยอยากเชิญพี่ๆ คนอื่นที่บางทีเขาอยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ก็เป็นตัวอย่าง

ปุ๋ยหวังว่าพี่น้องที่อยู่เมืองไทยจะทำได้ง่ายกว่าเพราะปุ๋ยอยู่ที่อเมริกา ทุกคนมีโอกาสที่จะช่วยน้องเรื่องการศึกษา โอกาสเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับเขา ทำโครงการนี้มา 20 ปีแล้วค่ะ ก็คิดว่าจะทำอะไรที่จะช่วยอนาคตของประเทศชาติ เด็กที่ได้รับทุนไปน่ารักมาก มีเด็กที่เรียนจบเป็นครูแล้ว ปีที่แล้วปุ๋ยไปที่ภูเก็ตก็ได้เชิญเขามารับประทานข้าวกัน ได้ฟังข่าวว่าเป็นครูแล้วเป็นยังไง เหมือนที่เขาฝันไว้ ทุกคนเขาก็ภูมิใจและดีใจ”

‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน’ 3 ทศวรรษ ยังคงรักเด็ก 

        

30 ปีที่ชีวิตเปลี่ยน

การมอบทุนการศึกษา คือ การฉลอง 30 ปีการครองมงกุฎมิสนิเวิร์สของเธอ ภรณ์ทิพย์หวังว่าในอนาคตเธอจะได้ทำเพิ่มขึ้น หากย้อนความรู้สึกไปเมื่อ 30 ปีก่อน เมื่อสิ้นเสียงประกาศของพิธีกรในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 ที่กรุงไทเป ก็เปลี่ยนชีวิตของเธอทันที

“ก่อนเป็นนางงามจักรวาลปุ๋ยเป็นผู้หญิงธรรมดา ทำงาน เรียนหนังสือ ปุ๋ยกะว่าในอนาคตจะเป็นหมอ ปุ๋ยเป็นคนชอบเรียนหนังสือ แล้วกลับมาเยี่ยมคุณแม่ที่เมืองไทย ตอนนั้นอายุ 19 ปี แม่เป็นคนชวนให้ปุ๋ยลองประกวดนางสาวไทย ดึงปุ๋ยให้ไปประกวด ทีแรกปุ๋ยเขินไม่เอา ไม่กล้าประกวด ไปเดี๋ยวไปสร้างเรื่องตลกเปล่าๆ เพราะปุ๋ยพูดไทยไม่ค่อยคล่อง แต่ปุ๋ยก็พยายาม แต่เห็นแม่ขอให้ลูกลองทำ ไม่ว่าปุ๋ยจะชนะหรือไม่ก็อยากให้ปุ๋ยรู้จักประเพณีไทยมากขึ้น ต้องเข้ามาเยี่ยมเมืองไทย ก็โอเคปุ๋ยจะทำเพื่อแม่ ถ้าตอนนั้นไม่กล้าปุ๋ยก็จะไม่มีวันนี้ ทุกครั้งที่ปุ๋ยไปเยี่ยมน้องๆ ที่โรงเรียน ปุ๋ยมักสอนน้องๆ เสมอว่า ไม่ว่าน้องๆ จะกลัวหรือไม่กล้า อย่างน้อยลองดู ต้องพยายาม ต้องมีนิสัยกล้า ถ้าเราไม่กล้า เราจะไม่มีวันชนะ ต้องพยายามหาวิธีให้เราเจอความสามารถของเรา”

ครบรอบ 30 ปี นอกจากกิจกรรมให้ทุนแล้ว ภรณ์ทิพย์ยังมีโครงการอื่นๆ ที่อยากทำอีกมากมายๆ เช่น ทุกครั้งที่มาเมืองไทย ภรณ์ทิพย์มักมาเก็บข้อมูลดูว่าน้องๆ ด้อยโอกาสตรงไหนบ้าง แต่การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่เราจะช่วยเหลือสังคม หากเราอยากให้อนาคตประเทศไทยเจริญ ก็อยู่ที่เด็ก เด็กคืออนาคตของประเทศ ฉะนั้นเราต้องดูแลเด็กๆ ต้องช่วยกันรับผิดชอบชีวิตน้องๆ ว่าจะไปทางไหนก็อยู่ที่ผู้ใหญ่อย่างเรา

“เราต้องช่วยเหลือดูแลเขา จริงๆ มีการติดตามผล แต่ไม่เชิง เพราะสิ่งที่ปุ๋ยช่วยปุ๋ยไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากจะให้น้องเจริญ ได้เป็นคนดีในสังคมของเขาต่อไป ปีที่แล้วปุ๋ยลงไปที่ภูเก็ต เจอน้องที่ได้ทุน เป็นครูที่ภูเก็ต ตอนนี้เขาเป็นครูสอนแล้วอยู่ในโรงเรียน เขาก็มีความสุข น้องไม่คิดว่าเขาจะมีประโยชน์ มีโอกาส ทุกวันที่เขาไปสอนเด็กๆ เด็กก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขา ไม่เคยคิดว่าเขาจะให้โอกาสใครได้ แล้วน้องก็ร้องไห้  ขอบคุณพี่ปุ๋ยที่ได้ให้โอกาสเขา ความรู้สึกที่ปุ๋ยเห็นน้องๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นคือ พี่ปุ๋ยรู้สึกปลื้มใจที่ปุ๋ยหวังและฝันเอาไว้ ก็ดีมากๆ ทำให้ปุ๋ยอยากทำเพิ่มขึ้น” 

‘ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซม่อน’ 3 ทศวรรษ ยังคงรักเด็ก 

อยากสอนลูกๆ ให้เป็น“ผู้ให้”

“สิ่งที่ปุ๋ยทำปุ๋ยอยากให้ลูกเห็นเพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ปุ๋ยก็เคยเป็นเด็กเหมือนกัน ตอนนั้นอายุแค่ 19 ปี ปุ๋ยเป็นแค่เด็กที่มาเมืองไทย เพื่อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตอนนี้ 30 ปีผ่านมาแล้ว ปุ๋ยก็ยังทำหน้าที่เหมือนกัน  ปุ๋ยยังมีลูกตามมาด้วย มาดูแม่ทำงานที่เมืองไทย เห็นแม่ทำประโยชน์ให้สังคม ทำให้ปุ๋ยรู้สึกประทับใจมาก เพราะปุ๋ยก็อยากให้ลูกๆ รู้จักการให้และทำประโยชน์เพื่อสังคม ทำให้ปุ๋ยปลื้มใจเพราะรู้ว่าลูกๆ จะทำตาม

อย่างวันนี้ที่มอบทุน โซฟีก็ยินดีช่วย โซฟีเห็นอยู่เสมอว่าสิ่งที่แม่ทำเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับลูกๆ มากๆ เป็นธรรมชาติมากเพราะเป็นสิ่งที่ปุ๋ยทำมาตลอด ปุ๋ยไปเยี่ยมเด็กๆ กำพร้า ไปโรงเรียนโซฟีก็ตามไปด้วย ให้อาหารเด็ก ให้ของขวัญเด็ก ก่อนกลับอเมริกาจะพาโซฟีไปบ้านราชวิถีและอีกแห่งหนึ่ง

โซฟีชอบเมืองไทย ปุ๋ยเคยถามโซฟีว่าชอบเมืองไทยเพราะอะไร โซฟีบอกว่าเพราะคุณยายอยู่ที่นี่ เขาชอบนั่งเรือและชอบอาหารไทย และชอบกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เขาบอกว่าทำไมอาหารที่อเมริกาไม่เหมือนที่เมืองไทย เขาชอบสเต๊กไก่ พอเห็นแม่ทำงาน ที่บ้านปุ๋ยเป็นแม่ที่ดูแลเขาเต็มที่ มาเมืองไทยก็ได้ดูแลเด็กๆ ที่เมืองไทย เขาก็ได้ช่วยแม่ ช่วยเด็กที่ด้อยโอกาส เขาก็ภูมิใจ เขาเห็นความสำคัญของสิ่งที่แม่ทำ เขาก็อยากช่วย ยิ่งทำให้แม่รู้สึกปลื้มใจ”

สำหรับลูกชายฌอน ก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและเป็นเด็กผู้ชายที่รักแม่มากตั้งแต่เกิด ไม่ว่าปุ๋ยจะทำอะไรเขาจะเป็นห่วง  ถ้าปุ๋ยออกงานแล้วกลับบ้านดึก เขาจะไม่นอนตั้งแต่อายุ 6 เดือน ไม่นอนถ้าไม่ได้ยินเสียงแม่ ตอนนี้อายุ 14 ปีแล้ว ถ้าปุ๋ยไม่ได้กลับบ้าน เขาจะไม่ขึ้นห้อง เขาจะรออยู่หน้าประตู บางทีปุ๋ยกลับมาบ้านเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เขาก็นอนเฝ้าที่ประตู แม่ก็ถามว่าทำไมฌอนไม่ขึ้นไปนอน เขาบอกว่าก็ไม่รู้ว่าแม่อยู่ไหน เขาไปนอนได้อย่างไร

เขาน่ารักมาก เป็นห่วงพ่อ ชอบช่วยพ่อ ปุ๋ยมักพูดกับลูกเสมอว่า กอต กิฟ มี แองเจิ้ล ปุ๋ยโชคดีอย่างนี้ได้อย่างไร ที่มีลูกเป็นนางฟ้า รักแม่ รักพ่อ ถ้าโซฟีให้พี่ทำอะไร เขาจะทำให้ทันที  ซึ่งบางคนจะอายหรือถามว่าทำไม แต่ฌอนไม่เคยถาม เขาช่วยตลอด

ปุ๋ยจะสอนเขาตั้งแต่เด็กว่าเราเสียสละทุกอย่างให้ลูก ลูกจะกินอะไร อยากทำอะไร พ่อแม่ยินดีจะช่วยลูกทุกด้าน  ถ้าพ่อแม่ขออะไร ขออย่างหนึ่ง Nothing to be too much too ถ้าปุ๋ยขออะไรเขา เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร พ่อแม่ไม่เคยปฏิเสธเขา ถ้าพ่อแม่ขออะไรก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะพ่อแม่เป็นคนขอ ไม่ต้องขอมาก แต่เป็นสิ่งที่จะสอนให้ลูกรู้จักให้ไม่ใช่เอาอย่างเดียว ต้องช่วยพ่อแม่ ช่วยโรงเรียน ช่วยเพื่อนเราต้องสอน ให้ลูกช่วยและให้ด้วย”

ปุ๋ยยังเล่าอีกว่าเธอชอบที่ลูกๆ ทุกคนสนิทกันมาก คนที่เมืองนอกไม่รู้ว่าคนไหนเป็นลูก เป็นหลาน ปุ๋ยเลี้ยงทุกคนเท่ากันหมด ทุกคนก็มีสิ่งที่สำคัญสำหรับครอบครัว มีความอบอุ่น ปุ๋ยดีใจที่ถ้าปุ๋ยไม่อยู่แล้ว เด็กจะรักกันและดูแลกัน

“ความเป็นไทยที่ลูกๆ ได้ไปจากปุ๋ยคือการเคารพผู้ใหญ่ เขาต้องรู้จักไหว้พ่อแม่ ไหว้พระ ต้องรู้จักขอบคุณ เคารพทุกอย่างสำคัญมากค่ะ”

สำหรับการช่วยเหลือเด็กๆ ภรณ์ทิพย์ กล่าวว่า หากเราพุ่งเป้าไปที่การศึกษาเพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยเด็กๆ  การมีประสบการณ์ที่ดี โครงการจะสร้างการศึกษาให้น้องได้ดีต่อๆ ไป