posttoday

ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล พอกินพอใช้อยู่ได้ร่มเย็น

24 มิถุนายน 2561

สาวน้อยหน้าใสท่าทางแคล่วคล่องในวัย 30 ต้นๆ ปาเป้ หรือ ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล

โดย  อณุสรา ทองอุไร

สาวน้อยหน้าใสท่าทางแคล่วคล่องในวัย 30 ต้นๆ ปาเป้ หรือ ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล เธอจบปริญญาตรีจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากที่เรียนจบก็เริ่มทำงานในฝ่ายวิจัยและพัฒนายาที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทำงานที่นี่ได้ 3 ปี เธอก็ย้ายไปเป็นเภสัชกรควบกับตำแหน่งการตลาดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ได้ 2 ปี

จากนั้นก็ย้ายตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมความงามในโรงพยาบาลแห่งเดิม แต่เป็นสาขาที่กรุงเทพฯ ถือว่าช่วงนั้นชีวิตการงานรุ่งโรจน์ แต่ด้วยความที่บ้างานค่อนข้างหนักเลยมีหลายโรคภัยรุมเร้า เพราะแต่ละวันเธอต้องแก้ปัญหาสารพัดเรื่องจนถึงวันหนึ่งที่เธอได้นั่งทบทวนกับตัวเองว่า ชีวิตเราจริงๆ ต้องเหนื่อยขนาดนี้ไหม เราควรมีชีวิตยังไงกันแน่ แถมเงินเดือนหลายหมื่นแต่เหลือเก็บแค่หลักพัน

เธอมีโอกาสได้พบกับ โจน จันใด นักปราชญ์ชาวบ้านต้นตำรับบ้านดินผู้ที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เธอได้แนวคิดหลากหลายจากเขา โดยคำพูดหนึ่งของ โจน จันใด ที่ก้องในหูของเธอก็คือ ชีวิตควรจะเป็นเรื่องง่ายๆ อะไรก็ตามที่มันยาก นั่นแสดงว่ามันผิดทาง

หลังจากนั้นเธอมาทบทวนตัวเอง ลองออกมาค้นหาความง่ายของชีวิตที่ถูกต้องในรูปแบบของตัวเอง ว่าอะไรคือคำตอบที่สำคัญในชีวิตที่เธอต้องการกันแน่ และเธอก็ได้คำตอบมาอย่างแจ่มชัดว่า เรื่องสำคัญอันดับแรกคือสุขภาพที่แข็งแรงและเวลาที่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำ ควรทำ และจำเป็นต้องทำได้ เพราะคนเราถ้ามีสุขภาพที่แข็งแรง และมีเวลามากพอก็สามารถหาเงิน หาทรัพย์สิน ชื่อเสียง ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือสิ่งอื่นใด เมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานและชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนั้นไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของเธอได้เลย เธอต้องการความสุขเติมเต็มจากข้างในไม่ใช่วัตถุภายนอก

ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล พอกินพอใช้อยู่ได้ร่มเย็น

เธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วกลับบ้านเกิดที่ จ.สระบุรี ช่วงแรกๆ ที่ลาออกจากงานใหม่ๆ พ่อกับแม่ยังไม่เข้าใจว่าออกมาทำไมงานก็ดีอยู่แล้ว จึงมีปัญหากันบ่อยมากเพราะท่านยังไม่เข้าใจความคิดของเธอ ขณะที่เธอชัดแจ้งในใจแล้วว่าต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และเชื่อว่าจะดีกับครอบครัวในระยะยาวด้วย เธอจึงเลือกที่จะอดทนจนกว่าครอบครัวจะเข้าใจในเจตนาของเธอจริงๆ

“แรกๆ ก็ยากเหมือนกันตอนนั้นร้องไห้ทุกวัน เอาต้นไม้อะไรไปปลูกก็โดนถอนทิ้งเขาไม่อยากให้เราเหนื่อยต้องมาตากแดด อยากให้นั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆ สบายๆ เพราะท่านยังไม่เข้าใจเรา”

เวลาผ่านไป 2 ปี ความเข้าใจจึงเกิดขึ้น จากต่อต้านกลายมาสนับสนุน และทุกวันนี้พ่อกับแม่เป็นกำลังหลักในการช่วยดูแลสวนให้กับเธอ เธอมีหน้าที่ดูแลร้านกาแฟและเครื่องดื่มสุขภาพที่อยู่หน้าสวน พร้อมๆ กับเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และช่วยงานโรงพยาบาลมวกเหล็ก ในการดูแลเรื่องยาและสุขภาพของผู้ป่วยที่อยู่ในหมู่บ้านตัวเองและหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย

นอกจากนี้ ก็ยังมีรายได้จากผลไม้ต่างๆ ที่เวียนกันออกตามฤดูกาล ถ้าเหลือขายไม่ทันก็แจกเหลือแจกก็นำมาแปรรูปต่างๆ โดยเธอจะปลูกและดูแลแบบธรรมชาติไม่ทำนอกฤดู นอกจากผลไม้ที่สวนที่มีหลากหลายชนิดแล้ว เธอก็ยังสะสมพืชพื้นบ้านที่คนเก่าคนแก่เขานิยมกินกันมาอนุรักษ์พันธุ์เอาไว้ มีเพื่อนๆ ที่รู้จักกันอยากมีติดบ้านไว้กินบ้าง เขาก็จะมาขอซื้อพันธุ์ไปปลูก ซึ่งแม่ก็จะช่วยขยายพันธุ์ไว้ให้ เอาไว้แจกเพื่อนบ้าง ขายบ้าง ตามโอกาส แม้ว่าส่วนใหญ่ที่สวนไม่มีพืชที่ทำเป็นหลัก เพราะเธออยากปลูกทุกอย่างผสมผสานกันไปจริงๆ ตามหลักเกษตรพอเพียงผสมผสานก็คือปลูกทุกอย่างที่กิน และกินที่เราปลูกนั่นเอง

ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล พอกินพอใช้อยู่ได้ร่มเย็น

ส่วนของใช้ในบ้านก็ซื้อใช้บ้าง ผลิตใช้เองบ้าง เท่าที่จะทำได้อย่างเช่น น้ำยาล้างจานเธอก็ผลิตเองจากมะกรูดหมัก รวมถึงยาสระผมมะกรูดอัญชัน ที่มีสรรพคุณกำจัดรังแคและลดผมขาวได้อีกด้วย

“ถ้าจะให้ไล่ให้ฟังพื้นที่ 3 ไร่กว่า เป้ปลูกตั้งแต่ผักเครื่องเทศ ผักสวนครัว สมุนไพร ไม้ผล รวมๆ กัน ประมาณ 70-80 ชนิด บางหลุมคือมีพืชอยู่รวมกัน 3-4 ชนิดเลยลองปลูกมันทุกอย่างที่เราสนใจคือ เยอะมากจำไม่ได้แล้วค่ะเยอะมาก (หัวเราะ) ผักผลไม้แทบไม่ต้องซื้อกินเลย ซื้อแค่ข้าวกับเนื้อสัตว์เท่านั้น มีรายได้เดือนละไม่ถึง 2 หมื่น ใช้กันพ่อแม่ลูก ยังมีเหลือเก็บเดือนละเป็นหมื่น”

เธอบอกว่าเรื่องหลักๆ ของคนเราคือเรื่องกินนี่แหละ แล้วเรื่องกินมันโยงไปที่เรื่องสุขภาพถ้ากินอาหารดีๆ ปลอดภัย กินให้ถูกกับคน ถูกกับโรค ความเจ็บป่วยมันน้อยลงไปเอง แต่คนส่วนมากตามใจปาก ปัญหาเรื่องสุขภาพที่ไม่จำเป็นเลยมีเยอะ เช่น โรคมะเร็งนั้นเป็นโรคที่พอหลีกเลี่ยงได้ถ้าดูแลตัวเองดีพอ เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง ไต ก็เกิดมาจากเรื่องพฤติกรรมการกินทั้งนั้น

ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล พอกินพอใช้อยู่ได้ร่มเย็น

“ถ้าเป็นโรคพวกนั้นไปแล้วก็รักษาแผนปัจจุบันควบคู่กับการปรับอาหารและพฤติกรรมการกินก็สามารถหายได้ ในค่ายแพทย์วิถีธรรม (ของอาจารย์หมอเขียว) มีคนหายจากมะเร็งเยอะแยะ ขึ้นกับว่าเป็นระยะท้ายๆ ที่ใช้ชีวิตสะบักสะบอมมากจนเกินเยียวยาแล้วหรือยัง จบเรื่องกินที่ส่งผลต่อสุขภาพ ที่จะทำให้เรามีเวลาคุณภาพ เวลาที่ไม่เจ็บป่วย ร่างกายแข็งแรง ทำอะไรก็ได้มากขึ้น”

เธอคิดว่าเรื่องอื่นเป็นเรื่องรองคือ จำเป็นรองลงไปบ้านไม่ต้องหลังเท่าคฤหาสน์เพราะจะใหญ่โตแค่ไหนเราก็ใช้พื้นที่นอนแค่ไม่เกิน 5-6 ฟุต รถไม่ต้องหรูหรามากก็ได้ เพราะมันพาเราไปถึงที่หมายเหมือนกันเสื้อผ้าไม่ต้องแพงมาก แค่ใส่ให้ถูกตามโอกาส กาลเทศะ เหมาะกับวัยก็พอ ถ้าเข้าใจชีวิตมากขึ้นก็จะรู้สึกมีความสุขได้แม้ไม่ได้รวย

นอกจากเรื่องกินที่ส่งผลต่อสุขภาพแล้ว เธอยังให้ความสำคัญไปกับการสร้างทรัพย์สินและงานที่เป็นประโยชน์ต่อโลกมากกว่า เวลาพูดถึงทรัพย์สิน คนมักจะมองถึงเงินฝาก หุ้น ที่ดิน ทองคำ แต่มีทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่งที่ใครๆ ก็มีได้ ถ้ามีดินแต่คนมองข้าม ทรัพย์สินที่พูดถึงคือไม้ป่า ไม้ป่าที่นำมาแปรรูป ราคาไม่เคยลดลงเลยและยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ตลาดโลกก็ต้องการมากๆ เธอจึงอยากปลูกป่าเพื่อเป็นสินทรัพย์ระยะยาวในอนาคต ระหว่างที่ไม้ป่าโต ก็ปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว ฝักเล็กๆ สีขาวๆ แซมไปด้วย

ตอนนี้เธอปลูกป่าไปแล้ว 13 ไร่ ลงไม้ป่าไปแล้ว 4,000 ต้น ตั้งใจเอาไว้แปลงเป็นเงินในวัยเกษียณ เพราะความตั้งใจหลักคือ อยากให้เป็นป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง แบบที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านพระราชทานแนวคิดไว้ อย่างน้อยที่สุดระหว่างป่าโต พื้นที่ตรงนั้นจะกลายเป็นแหล่งอาหารของครอบครัวและชุมชนใกล้เคียง

ภญ.ปรารถนา แก้วประมูล พอกินพอใช้อยู่ได้ร่มเย็น

“เมื่อเรามีดินมีป่าก็สามารถมีรายได้จากทุกที่ ปลูกต้นกล้าส่ง ตอนกิ่งไม้ เก็บผลผลิตไปขายทั้งสด แห้ง แปรรูปต่างๆ นานา ยิ่งทำแบบเกษตรอินทรีย์คนก็ชอบและเชื่อมั่นจนมียอดจองข้ามปี ถ้ารู้ว่าอะไรที่ดีเพียงพอกับครอบครัวของเราๆ เลยมีชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบ แข่งขัน จนกดดันตัวเองมากเกินไปนัก ถ้าอยากจะ Slow Life ต้องเริ่มจากที่ใจก่อนเลย อยู่ที่ไหนก็สโลว์ไลฟ์ได้ ถ้าใจเข้าใจคำว่าพอ” เธอกล่าวอย่างมีความสุข