‘หยุดทุกอย่างเพื่อให้เวลากับลูก’ อัสนีพล เชาว์รัศมีกุล
จากสปอร์ตแมนที่ลงแข่งขันทั้งวิ่งมาราธอนและไตรกีฬา วันนี้เมื่ออยู่ในฐานะแฟมิลี่แมน “ปอ” อัสนีพล เชาว์รัศมีกุล
โดย ฤดูกาล ภาพ : อัสนีพล เชาว์รัศมีกุล
จากสปอร์ตแมนที่ลงแข่งขันทั้งวิ่งมาราธอนและไตรกีฬา วันนี้เมื่ออยู่ในฐานะแฟมิลี่แมน “ปอ” อัสนีพล เชาว์รัศมีกุล ก็ได้หยุดทุกอย่างทั้งการฝึกซ้อมและการแข่งขันเพื่อทุ่มเทเวลาให้กับลูกสาวฝาแฝดวัย 2 ขวบ “น้องมากิ” และ “น้องมิกะ” โดยเขาเลือกที่จะใช้เวลาครอบครัวไปกับการท่องเที่ยว
“พอลูก 3 เดือนแล้วเราก็พาเขาออกไปนอกบ้าน โดยเราเลือกที่จะพาไปใกล้ๆ บ้านและเรามั่นใจว่าปลอดภัยสำหรับเด็ก เลยพาเขาไปสปอร์ตคลับที่ผมกับภรรยาไปกันเป็นประจำอยู่แล้ว ที่นั่นจะมีสวนสาธารณะร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ คนไม่พลุกพล่าน และมีสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ ด้วย พอหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน ผมพาเขาไปภูเก็ตซึ่งเป็นการไปต่างจังหวัดและนั่งเครื่องบินครั้งแรกของลูก”
เขาสารภาพว่า การพาลูกขึ้นเครื่องบินครั้งแรกทำให้คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นมาก เพราะกลัวลูกทั้งสองคนจะงอแงรบกวนคนอื่น เขาจึงใช้เทคนิคให้ลูกดื่มนมในช่วงเวลาที่เครื่องบินขึ้นและลง เพื่อป้องกันอาการหูอื้อและให้ลูกหลับในช่วงนั้นพอดี
นอกจากนี้ เมื่อถึงจุดหมายแล้ว การเดินทางที่สะดวกคือ การเช่ารถ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ คาร์ซีต ที่ต้องแจ้งไว้ให้เตรียมล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
“สิ่งที่ยังจำได้ดีเลยคือ ลูกๆ ได้สัมผัสทรายและน้ำทะเลเป็นครั้งแรก” ปอเล่าถึงทริปภูเก็ต
“มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ว่าหาดทรายเป็นยังไง เสียงคลื่น เสียงทะเลเป็นยังไง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าพอโตขึ้นไป เขาจะจำความรู้สึกนั้นได้ไหม แต่ผมว่ามันจะเป็นความทรงจำลึกๆ ที่อยู่ข้างใน และอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากล้าลองกล้าทำสิ่งใหม่ๆ ในอนาคตก็ได้”
จากนั้นน้องมากิและน้องมิกะได้ไปต่างประเทศครั้งแรกที่ฮ่องกง จุดหมายต่างแดนที่ไม่ไกลเกินไปสำหรับเด็กวัย 1 ขวบครึ่ง และเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
“เราเดินทางกันเอง เข็นรถพาลูกเที่ยวเอง และแผนการเที่ยวแต่ละวันต้องปรับเปลี่ยนไปตามลูกทั้งหมด เพราะแต่ละที่ที่ไปจะใช้เวลานานกว่าผู้ใหญ่เที่ยวปกติ เด็กต้องใช้เวลาพัก เวลาเดิน เวลาเล่น และเวลานอน” คุณพ่อลูกแฝดกล่าวต่อ
“ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว เราพาเขาไปที่โอเชี่ยนพาร์ค สวนสนุกที่มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ข้างใน เพราะเราคิดว่าในวัยขวบกว่าๆ ลูกน่าจะตื่นเต้นและได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ที่เขาเคยเห็นในหนังสือมา แล้วยังเป็นการเปิดประตูให้เขาเห็นโลกกว้างมากขึ้น”
เขากล่าวด้วยว่า ด้วยหน้าที่การทำงานทำให้เขามีเวลาอยู่กับลูกอย่างเต็มที่แค่วันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้น เขาจึงอยากใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นอย่างเต็มที่ที่สุด
“หลังเลิกงานผมและภรรยาจะมุ่งกลับบ้านทันทีเพื่อมาอยู่กับเขา”
ปัจจุบันปอทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บัตรกรุงไทย เขาเล่าต่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ว่า
“พอถึงวันเสาร์อาทิตย์เราก็อยากพาเขาออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรืออย่างน้อยต้องไปสปอร์ตคลับให้ลูกอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า เล่นในสนามเด็กเล่นที่ไม่ได้อยู่ในห้าง เพราะผมอยากให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุด”
สำหรับคนที่อยากเห็นความน่ารักสดใสของน้องมากิและน้องมิกะ สามารถติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Maki Mika The Twins พื้นที่แสนอบอุ่นที่พ่อปอทำขึ้นเพื่อบันทึกความทรงจำของครอบครัว