posttoday

อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ตัวจริงเรื่องศิลปินเกาหลี

05 พฤษภาคม 2561

ใครจะรู้ว่าผู้บริหารหนุ่มวัย 37 ปี อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ รั้งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฟร์โนล็อค

โดย ภาดนุ

ใครจะรู้ว่าผู้บริหารหนุ่มวัย 37 ปี อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ รั้งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฟร์โนล็อค (4nologue) จะก้าวมาจากเด็กต่างจังหวัดที่มีความฝันอยากทำงานด้านงานคอนเสิร์ตและดนตรี จนนำไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจรับจัดอีเวนต์และคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีที่มีชื่อเสียง และมีมูลค่าในการทำโปรดักชั่นสูงนับร้อยล้านบาทเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย

“ผมเริ่มต้นจากการเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และเป็นเด็กฝึกงานสายครีเอทีฟประจำคลื่นวิทยุเอไทม์ มีเดีย ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และทำงานเป็นผู้ช่วยดีเจเพราะหลงรักในเสียงเพลง ในขณะที่ยังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ แต่หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ผมก็ลาออกมาหาประสบการณ์ใหม่จากการทำงานที่อื่น ซึ่งเท่ากับว่าผมทำงานที่จีเอ็มเอ็มฯ อยู่ 1 ปีเต็ม
ต่อจากนั้นผมก็มีโอกาสได้เข้าไปทำงานในสายงานอีเวนต์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง ที่แชนแนลวี ไทยแลนด์ (Channel [V] Thailand) เป็นเวลา 2 ปี ที่นี่ทำให้ผมได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเริ่มต้นสร้างคอนเนกชั่น
กับค่ายเพลงหลายๆ ค่ายของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นยุคเริ่มต้นของกระแสเค-ป๊อป (K-Pop) ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างสูงมาจนถึงปัจจุบันนี้”
อนุวัติ เล่าว่า หลังผ่านการทำงานที่แชนแนลวีได้ 2 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกเพื่อตามหาความฝันของตัวเองด้วยความมุ่งมั่น กล้าได้กล้าเสีย ประกอบกับนิสัยส่วนตัวที่ทำอะไรมักทุ่มสุดตัว ซึ่งเรื่องนี้คนรอบข้างที่เคยร่วมงานกับเขาต่างรู้กันเป็นอย่างดี ในที่สุดเขาก็ได้ก่อตั้งบริษัท โฟร์โนล็อค ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำงานด้านศิลปินเกาหลีเป็นบริษัทแรกๆ ของประเทศไทย โดยตั้งบริษัทขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2550 รวมระยะเวลาจนถึงตอนนี้ก็ 10 กว่าปีได้แล้ว
สู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อยจนได้รับโอกาส

อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ตัวจริงเรื่องศิลปินเกาหลี

“ในช่วงที่ก่อตั้งบริษัทนั้น กระแสเทรนด์ในวงการบันเทิงเกาหลี (Korean Wave) โดยเฉพาะวงการเพลง ศิลปินเค-ป๊อปกำลังมีอิทธิพลกับวัยรุ่นไทยในช่วงนั้นเป็นอย่างมาก และกลุ่มศิลปินที่มาแรงสุดๆ ในขณะนั้นก็คือวงดงบังชินกิ(TVXQ!) นี่จึงทำให้ผมมองเห็นโอกาสที่จะสามารถนำมาสร้างกระแสและความสนใจในเมืองไทยได้
ผมจึงตัดสินใจบินไปที่เกาหลีใต้ เพื่อติดต่อกับทางค่าย เอส.เอ็ม. เอนเตอร์เทนเมนต์ (S.M. Entertainment) ต้นสังกัด ในการพูดคุยธุรกิจการเป็นตัวแทนในไทย เพื่อนำวงดงบังชินกิมาจัดคอนเสิร์ตและเป็น
พรีเซนเตอร์สินค้าที่ต้องการสร้างกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ทางค่ายก็ให้โอกาสเข้าพบ และเมื่อผมทำการเสนอโปรเจกต์ไป ทางค่ายก็บอกว่าดูน่าสนใจและยินดีที่จะร่วมงานด้วย พร้อมกับยื่นตัวเลขค่าตัวในการทำงานของศิลปินมาให้ ซึ่งต้องบอกว่าในตอนนั้นเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ เมื่อเทียบกับศิลปินไทย โดยทางค่ายมองว่าถ้าผมสามารถทำให้เกิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมาได้ตามที่นำเสนอ ทาง เอส.เอ็ม. เอนเตอร์เทนเมนต์ ก็ไม่ติดขัดอะไร
ในความคิดของผม ตอนนั้นทางค่ายเพลงคงเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย เพราะเขาแค่เสนอค่าตัวมา และอาจจะคิดว่าผมเป็นแค่คนทำงานรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความกล้า แต่ก็ไม่น่าจะได้กลับมาเจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง แต่พอผมกลับเมืองไทยปั๊บ ผมก็เริ่มทำการติดต่อกับลูกค้าโดยใช้กูเกิลค้นหาเบอร์โทรศัพท์และติดต่อผ่านเบอร์ 02 ซึ่งเป็นเบอร์กลางของบริษัทต่างๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่คนไม่มีเส้นสายหรือรู้จักคนข้างใน จะมีคนเชื่อถือและให้โอกาสเข้ามาพรีเซนต์โปรเจกต์นี้ให้กับทีมการตลาดฟัง ผมทำแบบนั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนบางครั้งก็เริ่มท้อ แต่ก็ยังกัดฟันต่อไปเรื่อยๆ ไม่ถอย ด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยมว่านี่คือโปรเจกต์ที่ดีมากกับสินค้า ถ้าเพียงแต่ได้มีโอกาสนำเสนอให้ลูกค้าฟังเท่านั้น”
หลังจากที่อนุวัติติดต่อหาลูกค้าไปนับครั้งไม่ถ้วน ก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต เมื่อเขาได้ไปพรีเซนต์โปรเจกต์ที่บริษัท ยามาฮ่า (Yamaha) ซึ่งต้องเข้าไปหลายครั้งมาก จนวันหนึ่งขณะที่พูดคุยกับทีมของลูกค้าอยู่ ได้มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา ซึ่งอนุวัติไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลยว่า นั่นคือประตูบานแรกที่เปลี่ยนชีวิตของเขา
“ผมได้พบกับคุณอ๋อง (จินตนา อุดมทรัพย์) ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ คุณอ๋องได้เข้ามาในห้องและบอกว่า ‘ให้เวลา 5 นาที พรีเซนต์โปรเจกต์ที่คุณนำเสนอมา’ และนี่ก็คือเวลา 5 นาทีที่เปลี่ยนชีวิตจริงๆ ผมใช้เวลา 5 นาทีทองนั้นอย่างเต็มที่ และคุณอ๋องก็เดินออกจากห้องไป ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าคงหมดโอกาสที่จะได้ทำโปรเจกต์ร่วมกับที่นี่แล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นานคุณอ๋องก็ให้ลูกน้องโทรมาตามให้เข้าไปขายโปรเจกต์อีกครั้ง จนเป็นจุดกำเนิดของโปรเจกต์แรกในชีวิตที่ได้นำศิลปินชื่อดังระดับโลกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตอนนั้นอย่างวงดงบังชินกิ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก และเป็นผลงานชิ้นแรกที่สร้างโปรไฟล์ให้กับตัวผม และบริษัท โฟร์โนล็อค นับจากนั้นมา”
เสียเงินไม่ว่า ลูกค้าเสียหน้าไม่ได้

อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ตัวจริงเรื่องศิลปินเกาหลี

เหมือนจะเป็นสโลแกนประจำตัวของอนุวัติที่คนในทีมรู้ดี ทุกงาน ทุกโอกาส ที่ทางบริษัท โฟร์โนล็อค ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต มีตแอนด์กรีตศิลปินเกาหลี หรือนำเสนอพรีเซนเตอร์เกาหลีให้กับหลายๆ โปรดักต์ เขามักจะทุ่มสุดตัวเพื่องานที่เป็นเดอะเบสต์ (The Best) หรือดีที่สุดเท่านั้น ถึงขนาดที่หลายๆ โปรเจกต์ เขายอมที่จะขาดทุนเพื่องานที่ดีที่สุด จนเป็นที่รู้กันถึงลูกบ้าของเขา ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาได้ใจลูกค้าและพาร์ตเนอร์ต่างๆ เรื่อยมา
“หลายๆ คนบอกว่าผมบ้า ที่ทำงานทุ่มสุดตัวขนาดนี้ แม้ขาดทุนเป็น 10 ล้านก็ยอม แต่ผมมองว่าถ้าผมไม่บ้า ไม่สุดกับมัน ผมก็ไม่แตกต่าง และนั่นก็จะไม่มีบริษัท โฟร์โนล็อค อย่างทุกวันนี้ กว่า 6 ปีที่บริษัทขาดทุนเรื่อยมาในสายงานที่ตัวเองรัก คือการนำเข้าคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีมาจัดแสดงในไทย จนบริษัทผู้จัดในยุคบุกเบิกด้วยกันหลายๆ เจ้าก็หายไปจากวงการแล้ว
แต่ผมกลับไม่เคยยอมแพ้ เพราะเชื่อว่ามันเป็นงานที่ดี มีคุณภาพ ที่จะทำให้ตัวเองได้ฝึกฝนและพัฒนางานด้านไลฟ์โชว์ (Live Show) ในประเทศไทย และอยากนำเข้างานดีๆ มาให้แฟนๆ คนไทยได้เห็น ได้มีความสุข กระทั่งเมื่อบริษัทก้าวสู่ปีที่ 7 จากการปรับแผนการทำงานบางอย่างล่วงหน้ากับทางค่ายเพลงฝั่งเกาหลี และปรับลดต้นทุนด้านโปรดักชั่นด้วยการเปิดบริษัท กรุ๊ปโฟร์ (Group 4) เพื่อดูแลด้านโปรดักชั่นโดยเฉพาะ จึงเป็นเสมือนทิศทางที่เปลี่ยนจากภาวะขาดทุนตลอด 6 ปีเต็ม มาสู่กำไรในปีที่ 7 และเติบโตเรื่อยมาจนมาถึงครบรอบ 10 ปีของบริษัท
ที่ผ่านมาผมลงทุนครบถ้วน และมีความพร้อมทั้งในส่วนของโปรดักชั่นและอีควิปเมนต์ (Production & Equipment) สำหรับการจัดงานคอนเสิร์ตและอีเวนต์ ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่กว่า 80 ล้านบาท ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากจะนำพาบริษัทให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการจัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ต และยังลงทุนเพิ่มอีกกว่า 200 ล้านบาทใน 2 ปีถัดมา เพื่อสร้างสำนักงานใหญ่ (4Nologue Headquarter) ให้สามารถรองรับการก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร หลังจากที่ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาบริษัท โดยมีต้นแบบจากประเทศเกาหลีใต้ ที่เป็นผู้นำด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ของเอเชียในขณะนี้”
ก้าวใหม่ ก้าวใหญ่ที่สำคัญ

อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ตัวจริงเรื่องศิลปินเกาหลี

การก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 ของบริษัท โฟร์โนล็อค ทำให้อนุวัติอยากท้าทายตัวเองอีกครั้ง ด้วยการพาบริษัทก้าวไปสู่การเป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร เขาจึงได้ขยายโครงสร้างงานจากเดิมที่จัดคอนเสิร์ต อีเวนต์ โฆษณา ผลิตรายการโทรทัศน์ และเอเยนซีพรีเซนเตอร์ศิลปินเกาหลีในหลายๆ สินค้าในประเทศไทย สู่การเป็นคอนเทนต์ โพรไวเดอร์ (Content Provider) ในที่สุด
“เราประเดิมงานแรกกับโปรเจกต์เบลอ (Projectblur) ที่โฟร์โนล็อคสร้างสรรค์โปรเจกต์ขึ้นมาเพื่อแฟนๆ ของมาร์คและแบมแบมแห่งวงก๊อตเซเว่น (Got7) ที่ได้รับกระแสการตอบรับชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย ขายบัตรหมดภายใน 2 นาที จนต้องมีการเพิ่มรอบ และยังสร้างปรากฏการณ์ #Projectblur ให้ขึ้นอันดับ 1 Trend Twitter แฮชแท็กที่มีคนพูดถึงมากที่สุดกว่า 1.3 ล้านทวีต ใน วันที่มีการจัดงานอีกด้วย”
โปรเจกต์ที่โฟร์โนล็อคตั้งใจนำเสนอเพื่อเป็นของขวัญสุดพิเศษ ‘5:7:9’

อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ตัวจริงเรื่องศิลปินเกาหลี

“ขอเริ่มจากไนน์ บาย นาย (9x9) ซึ่งเป็นโปรเจกต์เรือธงแรกของบริษัทที่พัฒนามากว่า 2 ปี ที่จะผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ได้ติดตามกันเร็วๆ นี้ครับ กับการรวมตัวของไทยไอดอลทั้ง 9 คนจากหลากหลายค่าย โดยเราจะปูเต็มทุกแพลตฟอร์มครั้งแรกในประเทศ ทั้งออนแอร์ซีรี่ส์ทางช่องดิจิทัลทีวี ที่ได้ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ มาเป็นผู้กำกับ
รวมทั้งผลงานออนไลน์บนโซเชียลมีเดียของบริษัทที่จะมีชิ้นงานเพื่อสื่อสารกับกลุ่มแฟนคลับ และการออนแอร์คอนเทนต์ผ่านพาร์ตเนอร์ชื่อดัง งานด้านมิวสิค คอนเทนต์ ที่จะมีการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ On Ground & Promotion กับคอนเสิร์ตใหญ่ปิดท้ายโปรเจกต์ เป็น Full IMC Campaign สำหรับกลุ่มแฟนๆ วัยรุ่นในรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมการตลาดครบทุกช่องทางมากที่สุดครั้งแรกในไทย
โปรเจกต์ต่อเนื่องคือ 5 (SB FIVE) หรือ 5 วัยรุ่นที่มาแรงที่สุดจากซีรี่ส์ชื่อดังใน พ.ศ.นี้ พร้อมสร้างกระแสไปทั่วเอเชีย ด้วยโชว์เต็มรูปแบบครั้งแรกที่โฟร์โนล็อคจะครีเอทขึ้นเพื่อแฟนๆ ของพวกเขาทั้ง 5 หลังจากที่พวกเขาเดินสายไปพบปะแฟนๆ หลายประเทศในเอเชีย และหลายครั้งในประเทศไทย แต่รับรองว่าจะยังไม่มีครั้งไหนที่เต็มรูปแบบเท่าครั้งนี้ ที่สำคัญยังเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้มีส่วนร่วมออกความคิดเห็นและร่วมสร้างโชว์ที่ผู้ชมอยากดูมากที่สุดด้วย
สุดท้ายโปรเจกต์ 7 (Got7 World Tour) หลังจากนำพาศิลปินเกาหลีชื่อดัง Got7 มาสร้างปรากฏการณ์ Got7 Thailand Tour 2017 “Nestival” ครั้งแรก ด้วยการทัวร์คอนเสิร์ต 4 ภาคในประเทศไทย ซึ่งสร้างความสุขให้อากาเซชาวไทยได้ฟินกันไปแล้วทั่วประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้ได้กลับมาอีกครั้งกับ 2018 Got7 World Tour In Bangkok ซึ่งบอกได้เลยว่าเวิลด์ทัวร์ที่ประเทศไทยจะเป็นโชว์ที่ดีที่สุดในโลกของพวกเขาทั้ง 7 คน ที่ตั้งใจและอยากสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ”
อนุวัติ ทิ้งท้ายว่า ในมุมมองของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลี หรือดารานักแสดงจากซีรี่ส์ต่างๆ เขาไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นกระแสอย่างที่หลายคนชอบพูดกัน แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือมาตรฐานของศิลปิน นักร้อง ดารา นักแสดง รวมถึงมาตรฐานโดยรวมของผลงานและมาตรฐานที่ดีทางด้านอาชีพของพวกเขาซะมากกว่า
ดังนั้น ความตั้งใจของเขาก็คือ อยากจะผลักดันศิลปินไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับเกาหลีจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นกัน