posttoday

ความสวยชวนเชื่อ

02 พฤษภาคม 2561

ขาว-ผอม กลายเป็นค่านิยมที่ผิดแผกไปแล้วสำหรับความงาม สวยหล่อแบบดาราก็ถูกยกมาเป็นมาตรฐาน

เรื่อง มัลลิกา นามสง่า

ขาว-ผอม กลายเป็นค่านิยมที่ผิดแผกไปแล้วสำหรับความงาม สวยหล่อแบบดาราก็ถูกยกมาเป็นมาตรฐาน จึงไม่แปลกใจที่พลังความอยากสวยจะอยู่เหนือความเจ็บความจน หลายคนยอมทำทุกวิธีเพื่อได้มา

ศิลปินนักแสดงเป็นอีกอาชีพที่ต้องพึ่งพาหน้าตาเป็นส่วนสำคัญ การจะปล่อยปละละเลยให้หน้าตาของตัวเองมีจุดบกพร่อง กลายเป็นจุดอ่อนของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ยอมกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ แต่กว่าเขาและเธอจะได้มาซึ่งรูปร่างสมส่วนดูดี ผิวพรรณผ่องใสเป็นยองใย ผ่านการลงทุนลงแรงไปมาก ไม่มีทางลัดที่ 7 วันจะขาว 10 วันจะผอม

หากยังมีคนพร้อมเชื่อ เชื่อในสิ่งที่บุคคลที่เขาชื่นชอบบอกว่าใช้ บอกว่าดี หรือเพียงแค่ถือให้เห็น

คนดังพรีเซนต์สินค้าถึงไวและแรง

ผศ.เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า การที่สื่อโฆษณาต่างๆ เลือกใช้คนมีชื่อเสียงเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะเป็นใบเบิกทางที่จะทำให้สาธารณชนสนใจสินค้านั้น อย่างน้อยที่สุดก็คือการพาแบรนด์ไปให้ถูกพบเห็น

ยิ่งตอนนี้การตลาดโฆษณาไม่ได้อยู่เพียงสื่อหลัก โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุแต่การเข้ามาของโซเชียลมีเดีย และคนดังมีช่องทางสื่อสารของตัวเอง ผ่านเฟซบุ๊กอินสตาแกรม ทำให้การโฆษณาเผยแพร่ออกไปได้ง่าย ไว แต่ก็ขาดกฎระเบียบ ควบคุม ขาดการตรวจสอบที่ทั่วถึง

“เมื่อก่อนโฆษณาจะใช้พรีเซนเตอร์หลักตอนนี้มีการว่าจ้างดาราเพิ่มหลายคนที่เขาหวังผลในเชิงออนไลน์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การใช้คนดังอาจจะไม่ได้เกิดการแอ็กชั่นจากลูกค้าเลยในยุคนี้ แต่ทำให้เกิดการรับรู้ในแบรนด์ก่อน แล้วสืบเสาะดูว่าแบรนด์นี้เป็นยังไง มีคนใช้จริงไหม

เดี๋ยวนี้โฆษณาชวนเชื่อน้อยลง แต่ทำการสื่อสารธุรกิจให้เนียนขึ้น ลูกค้าจับไม่ได้ให้มันเข้าไปพ่วงอยู่ในชีวิตเขาโดยไม่รู้ตัวอย่างรายการเอาดารามาสัมภาษณ์เขาไม่ได้พูดถึงสินค้า แต่มีไทอินเข้าไป เขาให้ข้อมูลได้เยอะกว่าโฆษณาที่ได้เวลา 15 วินาที

เขาพูดบ่อยๆ หลายรายการ เนื้อหาสาระอาจจะไม่ได้พูดถึงสินค้าทั้งหมด แต่สุดท้ายตบกลับมาที่สินค้า เช่น ทำไมหน้าดีขึ้น นั่นคือวิธีการที่มันแยบยลมากขึ้น

ถ้ายุคนี้ผู้บริโภคเกิดการดื้อยา การโฆษณาก็หายาแรงขึ้นมาฉีด สุดท้ายผู้บริโภคต้องสร้างเกราะกำบังให้ตัวเอง ให้รู้เท่าทันกลไกการตลาด กลไกการสื่อสาร”

ความสวยชวนเชื่อ เบญจกัญญ์ พิจิตรพงศ์ชัย

ในการรีวิวสินค้ามาจากทั้งผู้ใช้จริง ซึ่งตรงนี้จะได้ข้อมูลทั้งดีและไม่ดี และรีวิวจากคนที่ถูกจ้างเขาก็จะบอกแค่ด้านดี แต่ถ้าคนถูกจ้างเป็นคนมีชื่อเสียง มีคนพร้อมเชื่อเพราะคิดว่าดาราคงไม่มาโกหก หรือเพราะอยากสวยอยากขาวแบบดาราจึงลืมการพิจารณาอื่นๆ

“สินค้าที่ดารากับเน็ตไอดอลถือ ผลออกมาว่าเน็ตไอดอลมีแอ็กชั่นกับผู้บริโภคมากกว่า เพราะเน็ตไอดอลใกล้ชิดในชีวิตพวกเขามากกว่า ดารามีผลกับคนบางกลุ่มที่เขาเปิดรับข้อมูลที่เขาเปิดใจเชื่อ อย่างเคสของเมจิก สกิน จะเห็นว่า การเอาดารามาถือสินค้า เป็นการเอาคนดังมาใช้เป็นกลไกของการสร้างความรับรู้ของคนว่ามีแบรนด์นี้ แบรนด์ใหม่ที่อยากเกิดก็ใช้ตรงนี้ ดาราคนไหนมีคนติดตามเยอะ เป็นการรีมาร์เก็ตติ้ง ที่เป็นการรีทาร์เก็ตด้วย

ดาราที่รับถือสินค้าต้องตระหนักตรวจสอบเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ทุกส่วนต้องตระหนักในหน้าที่ของตัวเอง ดาราต้องมีความรับผิดชอบต่อคนที่ฟอลโลว์คุณอยู่ พูดอะไรไป ไม่เป็นจริงอันตราย เขาจะไม่เชื่อคุณอีก หรือเป็นภาพจำว่าดาราคนนี้ไม่ได้ใช้จริง ดาราคนดังมีผลต่อการชี้นำสังคม การสื่อสารกับสาธารณะต้องระวัง”

เบญจกัญญ์ พิจิตรพงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮลท์ธอรี เจ้าของและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ วีร่า คอลลาเจน ที่มี “เบลล่า-ราณี แคมเปน” และ “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” เป็นพรีเซนเตอร์ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดทุ่มเงินหลายล้านบาทจ้างคู่รักคนดังเป็นพรีเซนเตอร์ระยะเวลานาน 1 ปี

“การตลาดสำคัญในการทำธุรกิจ เป็นตัวสื่อให้ผู้บริโภคได้ร้บรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของเราดารามีผล เขาเป็นตัวกลางที่สื่อไปถึงผู้บริโภคพาสินค้าไปให้คนเห็นคนรู้จักสุดท้ายอยู่ที่ผู้บริโภคตัดสินใจ

เราจ้างกันเป็นปี มีการทำงานระหว่างเรากับพรีเซนเตอร์ชัดเจน ไม่ตีหัวเข้าบ้านจ้างเป็นครั้งๆ จบ เพราะเราต้องการความน่าเชื่อถือ เราเป็นสินค้าใหม่จึงต้องจำเป็นต้องใช้คนดัง ช่วงแรกเราต้องทุ่มกับโฆษณา ทำสินค้าดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีการสื่อออกไปให้ผู้บริโภครู้จักก็ไร้ประโยชน์ เราเน้นคุณภาพ เรามีการขอทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขออนุญาตโฆษณา

เราเลือกพรีเซนเตอร์จากคนที่เข้ากับโปรดักต์ อย่างเวียร์เขาเป็นผู้ชายลุย รักสุขภาพ ส่วนเบลล่าเรื่องผิวกับสุขภาพความงาม เราคัดเลือกจากหลายคู่ ก่อนเซ็นสัญญากันขอไปว่าต้องรับประทานอาหารเสริมเราก่อน ถ้าไม่โอเค ไม่รู้สึกดีจริง เราก็ไม่ต้องการคนที่มาพูดถึงสินค้าของเราได้ไม่เต็มปาก เพราะเราทำออกมาเรากล้าให้คนในครอบครัวเรารับประทาน ดังนั้นเรามั่นใจในคุณภาพ

เป้าหมายของเรา ทำการตลาดออกสินค้าล็อตแรกมาให้คนได้กินก่อนถึงการขาย สินค้าล็อตแรกของเรามีคนกินได้ผลจริงเทิร์นจากคนกินมาเป็นคนขาย ระบบการตลาดของเราไม่ได้ขายตัวแทน ตัวแทนไม่ใช่ลูกค้าเรา แต่ลูกค้าเราคือคนใช้จริง เราขายของแบบออฟไลน์แต่ใช้ออนไลน์มาช่วย ระบบที่เราทำอยู่ตอนนี้คือ เอโอ (เอเจนท์ ออนไลน์) เราเน้นขายผู้บริโภค ถ้าขายตัวแทนเราตัน เพราะยัดเยียดให้ตัวแทนซื้อ ไปสร้างภาระให้ตัวแทนระดับล่าง ของคาอยู่ขายไม่ได้ ตัวแทนข้างบนสบาย เราไม่ทำการตลาดแบบนี้ ตราบใดที่เราขายของให้ผู้บริโภคเราจะขายของได้ตลอด วันหนึ่งสินค้าเราเป็นที่รู้จัก ผู้บริโภคยอมรับ การใช้พรีเซนเตอร์ก็ไม่จำเป็นต้องดัง ค่าตัวแพงเพราะรีวิวจากผู้ใช้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

ไตรลุจน์ นวะมะรัตน นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และสื่อโฆษณา กล่าวถึงสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นโอกาสของคนที่ต้องการโฆษณาเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย อีกทั้งยังไม่มีการควบคุมอย่างชัดเจน

“ผมว่าสื่อออนไลน์นี่น่ากลัวเพราะข่าวสารมันเยอะมาก ส่วนตัวถ้าเสพข่าวสารจากทางนี้อย่าเพิ่งเชื่ออะไรทันที รอก่อน มันจะมีคนที่รู้จริงมากกว่าเรื่อยๆ มาให้ข้อมูล แล้วพิจารณาหน่อย ฟังหลายๆ ฝ่าย ถ้าพูดถึงเรื่องของการซื้อขาย ศึกษาผู้ขายหน่อย อย่าซื้อทันทีทันใด ถามคนนั้นคนนี้

อย่างดาราเขาพูดผ่านสื่อ เขาไม่ได้พูดตรงกับเรา เป็นแฟนคลับก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น เราต้องตรวจสอบ ดาราเองก็ควรจะพิจารณาก่อนไม่ใช่ว่าพูดๆ

การตลาดยุคนี้มันฮาร์ดเซลอยู่แล้ว สำหรับสินค้าใหม่ หรือโลคอล แค่ดาราถือสินค้าก็เข้าถึงผู้บริโภค หนึ่งประหยัดค่าโปรดักชั่น ค่าครีเอทีฟ และค่าสื่อด้วย ประหยัดเยอะ เอาคนดังมาถือสินค้าสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างได้หรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง แต่คนรู้จักแน่ๆ อยากให้ดึงดูดคนดู ใครกำลังดังก็เอามา กลยุทธ์นี้ยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่ไม่ใช่กับทุกสินค้า พวกสินค้าความสวยความงามจะใช้พวกดาราเยอะ

ตอนนี้ออนไลน์มันไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการความรวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งสาธยายสรรพคุณอะไรมาก คนคลิกใน 10 วินาทีรู้เรื่องค่อนข้างฮาร์ดเซล แบรนด์อะไร ทำอะไร ชัดเจน”

ความสวยชวนเชื่อ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ

ค่านิยมความงาม

อยากสวยอยากหล่อเหมือนดาราในทีวียังเป็นค่านิยมที่เยาวชนคล้อยตาม ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ ครูสอนการแสดงและนักพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ได้แสดงทัศนะในค่านิยมของความงามฉาบฉวยจากเปลือกนอก

“ความสวยเป็นคุณค่า เป็นคุณสมบัติชั้นล่างสุดของมนุษย์ เป็นเรื่องของวุฒิภาวะ ตอนวัยเด็กจะล้อเพื่อนว่า ไอ้อ้วน ไอ้ดำ พอโตหน่อย คนนี้รวยไหม หันมาให้คุณค่ากับเงินโตขึ้นมาอีกให้คุณค่าชื่อเสียง โตมาอีกหน่อย คนนี้เก่งไม่เก่ง และสูงสุด คนนั้นดีไม่ดี คนที่ตัดสินกันที่รูปร่างหน้าตามีวุฒิภาวะน้อยสุดเลยนะ และความสวยหล่อเป็นสิ่งที่มีคุณค่าน้อยสุดในมนุษย์ด้วย”

ครูเงาะเปิดประสบการณ์ในการเป็นแอ็กติ้งโค้ช และคัดเลือกนักแสดงสู่วงการบันเทิง เจอบางคนที่หน้าตาสะสวยแต่ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นนางเอก เพราะอินเนอร์ของเขาไม่สวย ยังไม่มั่นใจ ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง มีหลายปัจจัยที่ทำให้ความสวยนั้นไม่ได้คู่ควรแก่การเป็นนางเอก

“ความสวยเป็นใบเบิกทางแค่ 7 วินาทีแรกเมื่อคนนี้ปริปาก ท่าทาง น้ำเสียง มีผลที่มากกว่าในระยะยาว จริงๆ แล้วสวยไม่ผิดแต่สวยมาจากข้างในยั่งยืนกว่า

การปฏิบัติกับตัวเองให้ดูดี เป็นวิถีเบื้องต้นที่มนุษย์เราแสดงความเคารพตัวเองสวย สะอาด ดูดี ถ้าเราขาดแคลนในจิตใจก็จะทำทุกอย่างขาดๆ เกินๆ ไม่เสพติดความสวย ก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่ถ้าเราเคารพตัวเอง เราเห็นคุณค่า เรามีความสามารถ มีจิตใจช่วยเหลือคนอื่น เราโฟกัสส่วนดีของเรา อย่างเรายิ้มสวย เชื่อไหม อานุภาพของการโฟกัสจะดึงดูดให้คนอื่นเห็นจุดที่โฟกัส”

อยากสวยตามดาราไม่ผิด แต่ต้องรู้จักแยกแยะว่า ดาราสวยเพราะอะไร “คนส่วนใหญ่เข้าใจว่านักแสดงมักใช้ของสิ่งนั้นแล้วขาว แล้วผอม เราต้องวิเคราะห์ เขาเป็นแค่พรีเซนเตอร์ ไม่ได้กินเอง ใช้เอง สิ่งที่เขานำเสนอไม่ได้แปลว่าเขาใช้นะ

เคยเจอเด็กในร้านสะดวกซื้อ พูดว่าจะซื้อโรลออนที่ดาราคนนี้ใช้ อยากเดินไปบอกว่าเขาโฆษณาเฉยๆ คนยังไม่รู้ตรงนี้อีกเยอะมาก ทุกวันนี้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารง่ายมาก แต่การศึกษาของเราไม่ได้สอนให้คนวิเคราะห์ เราสอนให้คนเชื่อ

เราเห็นนักแสดงที่ภาพออกมาว่าสวยมาก เขาไม่ต่างจากพวกเราที่กว่าจะโพสต์ภาพหนึ่งผ่านการคัดเลือกมาเป็น 10 ภาพ เขาเป็นดาราสิ่งที่เขาโพสต์ออกมาต้องสวยเป๊ะ ที่ดาราดูดีไม่ได้มาจากโชคช่วย กว่าเขาจะมีกล้ามท้อง ผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่าง เขาต้องออกแรงออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายสวยแบบยั่งยืน ดาราแต่ละคนมีต้นทุนของผลลัพธ์”

มาช่า วัฒนพานิช นักแสดงอีกหนึ่งคนที่เป็นไอดอลของผู้หญิง ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับความสวยที่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ แต่จงเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด และความสวยไม่มีทางลัด อยากได้ต้องสร้างมันเอง สร้างมาจากความมั่นใจของตัวเองนี่แหละ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปพึ่งพาอะไร

“ช่าเองก็มีอะไรที่บกพร่องบางเรื่องเหมือนกัน ที่รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบตรงนี้ จะบอกว่ามันไม่มีใครเพอร์เฟกต์ 100% ในโลกใบนี้ มันต้องมีบ้างนิดหน่อย ให้เอาที่ตัวเองรู้สึกสบายใจและก็ดูให้มันรู้จักกาลเทศะ

อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครมากนัก จริงๆ บางทีไปเปรียบเทียบมาก คนโน้นขาสวยมาก คนนี้ขาว ตัวเองเลยไม่ดูดีสักอย่าง เราต้องรู้จักว่าเราก็เป็นเรา เอาที่เราแฮปปี้ เราต้องมีสไตล์ เราต้องมีรสนิยมของตัวเราเอง”

ที่เห็นยังสวยไม่สร่าง สุขภาพดี แข็งแรง รูปร่างสมส่วน ล้วนผ่านการดูแลตัวเองอย่างดีมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ทั้งการนอนหลับพักผ่อน และการเลือกอาหาร

“ตื่นมาช่าดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนเลยค่ะ 2-3 แก้ว สักครู่หนึ่งให้ร่างกายเรารู้สึกว่าเวกอัพก่อน แล้วค่อยกินอาหารเช้า แล้วระหว่างวันดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่กินน้ำแข็งอยู่แล้ว

อาหารธรรมดามากไปด้วยซ้ำ ช่าไม่ชอบกินอาหารทอด กินไข่ต้ม หรือกินผักต้ม กินแบบนี้มาแต่เด็กแล้ว ไม่กินอาหารรสจัด หรือหวานมากๆ คือชอบกินรสชาติของวัตถุดิบ อย่างของมันเลี่ยนๆ หนังไก่ มันหมู ไม่กินตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ

คนชอบคิดว่าช่าต้องกินแบบวิลิศมาหราจริงๆ ช่ากินแบบซิมเปิ้ลมาก กินแบบธรรมชาติ แบบอาหารเด็ก ส่วนผิวพรรณช่าก็มีไปสปาบ้าง ไปมาเป็น 10 ปีแล้วก็เหมือนดูแลตัวเองต่อเนื่องมาโดยตลอด”

กว่าศิลปินนักแสดงจะสวยหล่อ ดูดีออร่าพุ่ง ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงเดือนสองเดือน ไม่ได้ใช้เงินแค่ร้อยสองร้อย แต่เขาลงทุนเงินและลงแรงกายมากกว่านั้นนัก ใช้เวลาเป็นปีๆ มีระเบียบวินัยในการดูแลตัวเอง สิ่งที่เห็นกันหน้าจอคือผลลัพธ์ที่ไม่ได้เปิดทุกแง่มุม และสิ่งที่คุณเห็นอาจจะไม่เป็นความจริงทั้งหมดก็ได้