เนิบช้าสุขใจ วิถีสโลว์ไลฟ์ แบบ ศิรดา อัศวานันท์
คุณแม่ลูกสองที่ยังสวย ออย-ศิรดา อัศอานันท์ กับชีวิตที่ถูกออกแบบไว้ภายหลังการแต่งงาน
โดย อณุสรา ทองอุไร-จิระวัฒน์ กล้ากะชีวิต
คุณแม่ลูกสองที่ยังสวย ออย-ศิรดา อัศอานันท์ กับชีวิตที่ถูกออกแบบไว้ภายหลังการแต่งงาน แม้ก่อนหน้าจะทำงานมาแล้วหลากหลายรูปแบบ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่หันกลับมามองตัวเอง เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันล้วนขลุกอยู่กับหน้าที่การงาน จนไม่เหลือเวลาให้ทบทวนตัวเอง หรือทำประโยชน์อื่นๆ ให้แก่สังคม เธอจึงวางแผนใช้ชีวิตในแบบสโลว์ไลฟ์อย่างที่เลือกเองหลังจากมีลูก
ปัจจุบันนี้เป็นแม่บ้าน ดูแลจัดการทุกอย่างในบ้าน ขณะเดียวกันยามว่างก็มักจะหากิจกรรมทำเป็นงานอดิเรกไปด้วย โดยเฉพาะกับงานฝีมือที่ต้องใช้จินตนาการ และทักษะทางด้านศิลปะ ซึ่งเป็นแนวทางความชอบส่วนตัว ขอแค่มีใจรักและมีเวลามากพอที่จะอยู่กับมัน ก็พร้อมที่จะเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับความชอบได้หลายอย่าง
แม้จะเรียนจบด้านจิตวิทยามา แต่ด้วยใจรักจึงหมั่นฝึกฝนที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งชิ้นงานที่ทำออกมาส่วนมากจะเป็นการตกแต่งตะกร้า ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้ออกมาสวยงาม เริ่มทำตะกร้าใช้เองเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คนเห็นชอบเยอะก็ทำขายเป็นงานอดิเรก ตอนนั้นยังมองว่าเป็นสิ่งใหม่ แต่ตอนนี้คนเริ่มทำเยอะมากขึ้น เธอจึงเลิกทำตรงนั้นไป แต่ก็ยังมีทำใช้เองในครอบครัวและให้เพื่อนๆ ญาติๆ บ้างตามโอกาส
นอกจากจะทำเป็นงานอดิเรกแล้วอีกจุดประสงค์หลัก คือ อยากนำความรู้ส่วนที่มีเพื่อไปบอกและสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนปัญญาประทีป อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา สืบเนื่องจากว่าในยามว่างเธอจะเข้าไปช่วยสอนเด็กๆ ในวิชาที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่ หรือที่เรารู้จักกันดีอย่าง วิชาการงานพื้นฐานอาชีพ ในเรื่องของการจัดดอกไม้ จัดจาน ทำอาหาร และงานประดิดประดอยทั่วไป และยังจัดตั้งกองทุน รวมถึงงานต่างๆ ในโรงเรียน เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนวิถีพุทธที่ลูกๆ ของเธอเรียนอยู่
เธอบอกว่า สิ่งหนึ่งเวลาไปสอนที่โรงเรียนจะเน้นให้เด็กทำเองด้วยสองมือ คือ พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย จนบางครั้งอาจลืมไปว่าสองมือของเราก็ทำได้ อย่างที่ผ่านมาสอนทำพิซซ่า ก็จะเริ่มมาตั้งแต่การปั้นเตาดินเพื่อสำหรับใช้ในการอบ หรือการปั้นแป้งต่างๆ สิ่งเหล่านี้พอเวลาเด็กๆ ได้ลงมือทำแล้วผลงานออกมา จะช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจ และได้ความรู้ในขั้นตอนการทำมากกว่าที่จะใช้เงินซื้ออย่างเดียว
“อย่างเวลาลูกๆ อยู่บ้าน แล้วอยากกินขนม เราก็จะดูว่าในบ้านมีวัตถุดิบอะไร เราก็จะมาช่วยกันทำขนมกินกัน เช่น ถ้าอยากทำขนมปังอบ เราจะไม่ไปซื้ออุปกรณ์มาทำ แต่เราจะดูว่าในครัวมีอะไร ในสวนหลังบ้านมีฟักทอง มีเผือก เราก็จะอบขนมปังผสมเผือกหรือฟักทอง เพื่อสอนให้ลูกรู้ว่าเราควรอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด ไม่ใช่จะเข้าซูเปอร์แล้วซื้อทุกอย่างโดยที่ทำอะไรเองไม่เป็นเลย อยากกินพิซซ่า เราอบกินเอง มันสะอาด อร่อย สดใหม่ แถมยังได้ใช้เวลาร่วมกัน เด็กๆ จะภูมิใจที่เขามีส่วนร่วมจนเป็นชิ้นขนมออกมา มันจะอร่อยเป็นพิเศษ พอวันหยุดเขาจะตั้งตารอว่าวันหยุดนี้จะทำอะไรกันดี” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นอกจากนี้ เธอยังปลูกดอกไม้ ผัก ผลไม้ เลี้ยงไก่เพื่อกินไข่ และเลี้ยงลูกหมูเล็กๆ เพื่อให้ลูกๆ ได้เห็นวิถีธรรมชาติ และเพื่อนำผลผลิตมาใช้ในครอบครัว โดยจะปลูกแบบธรรมชาติปลอดสารเคมีทุกชนิด วิถีชีวิตในแบบสโลว์ไลฟ์ของเธอก็กำลังเติบโตและสร้างความสุขไปพร้อมๆ กับสิ่งที่เธอปลูก ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ในบริเวณรอบๆ ตัวบ้านที่อาศัย หรือพืชผักสวนครัวนานาพันธุ์ที่แทบไม่ต้องใช้เงินซื้อเลย
โดยจุดเริ่มต้นมาจากชอบทำอาหารทานเองและทำถวายพระเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสไตล์ฝรั่ง เพราะเราชอบตกแต่งจานอาหาร อย่างถ้าจะไปซื้อของมาตกแต่งเองก็คงจะสิ้นเปลืองไม่น้อย เลยคิดว่าเลือกใช้วัตถุดิบที่มีในบ้านมาทำดีกว่า หลักๆ ที่ปลูกก็เป็นอะไรที่คนในครอบครัวมักจะทานเป็นประจำ อย่างสามีชอบทานอาหารประเภทแกงกับผักลวก เราก็จะปลูก ตำลึงหวาน โหระพา ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ของบ้านส่วนหนึ่งกลายเป็นสวนที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์หลากหลายชนิด อาทิ มะยงชิด แก้วมังกร มะเดื่อ ราสพ์เบอร์รี่ แอปเปิ้ล พีช แบล็กเบอร์รี่ รวมถึงดอกไม้และผักต่างๆ
เธอบอกว่าโชคดีที่สามีมีหน้าที่การงานมั่นคงจึงลาออกมาเป็นแม่บ้านได้ ตอนที่ยังทำงานนอกบ้านรู้สึกว่าเวลาหายไปเยอะ เงินเดือนก็ไม่ได้เหลือมากมาย แต่ในทางกลับกันเมื่ออยู่บ้านและลดค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น เรื่องเสื้อผ้า รองเท้า การแต่งตัวต่างๆ แล้วปลูกผัก ผลไม้กินเอง อยากทำอะไรก็ไปหยิบได้ที่สวน ตัดปัญหาค่าใช้จ่าย การเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต “เพราะเมื่อก่อนเวลาไปซื้อของ ด้วยความกลัวลูกจะไม่อิ่ม จะไม่มีกิน คนเป็นแม่ก็จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างจนท้ายที่สุดเหลือ กินไม่หมด ก็ต้องทิ้งไปเนื่องจากใช้ไม่ทัน ที่สำคัญคือเรื่องของเวลา ตรงนี้มองว่าช่วยให้เราได้ทบทวนว่าการทำงานไม่จำเป็นต้องได้ผลตอบแทนมาเฉพาะในรูปของเงิน แต่มีเวลาให้ลูก ได้ทำอะไรที่ให้ประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ก็เอาประสบการณ์เหล่านี้ไปสอนเด็กๆ ช่วยทางโรงเรียนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีความสุขกว่าเยอะ”
นอกจากนี้ เธอยังนำวิธีการคิดในแบบสโลว์ไลฟ์มาปรับใช้เพื่อสอนลูกได้อย่างดีอีกด้วย “ที่มีโอกาสมาทำตรงนี้ได้เพราะตัดสินใจมาปลูกบ้านที่ปากช่อง หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะลูกชายมีพัฒนาการที่ดี สังเกตได้ว่าพฤติกรรมจากที่เคยดื้อรั้นก็เปลี่ยนไป สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมและธรรมชาติที่ดี เหมือนเป็นการเปิดโลกให้เขาพร้อมที่จะเรียนรู้และรับสิ่งดีๆ ในขณะที่ลูกสาวเองเป็นคนชอบทำอาหาร ปกติก็มักจะดูคลิปในยูทูบและออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำตาม แต่เราจะสอนให้ลูกรู้จักใช้ของที่มีอยู่ เพราะบางอย่างมันสามารถผสมหรือใช้แทนกันได้ นอกจากเป็นการประหยัดยังให้เขารู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งลูกๆ เองก็ปรับตัวได้ดีกับสิ่งที่เราสอน” เธอกล่าวอย่างมีความสุข
เหตุที่ตัดสินใจทิ้งความวุ่นวายกับชีวิตในเมืองเพื่อออกมาอยู่ต่างจังหวัดบ้าง เธอบอกว่า “ความสุขในชีวิตเรา คือ การได้มีเวลาทบทวนและพัฒนาตนเอง ทุกวันนี้ใช้วิธีนั่งสมาธิ เดินจงกรม พิจารณาว่ามีอะไรที่ต้องปรับหรือเพิ่มอย่างไร การฝึกปฏิบัติเช่นนี้ส่งผลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ยิ่งเรานำหลักธรรมเข้ามาใช้ ส่วนตัวเป็นคนชอบฟังเทศน์เพราะเมื่อฟังแล้วมักจะได้ข้อคิดแนวทางการใช้ชีวิตดีๆ มากมาย ที่สำคัญข้อดีของการที่ออกมาใช้ชีวิตในต่างจังหวัดมันทำให้ได้เห็นวัฒนธรรมของคนพื้นถิ่น เห็นคนแก่หอบข้าวของไปทำบุญที่วัด อีกอย่างคือการเดินทางก็ไปได้ง่าย ต่างจากเมืองกรุงที่จะไปไหนทีก็ลำบากเพราะปัญหาการจราจรติดขัดทำให้หงุดหงิดน่าเบื่อ”
เมื่อเห็นอย่างนี้ก็เกิดคำถามในใจว่าทำไมไม่ใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องโซเชียล ที่สามารถตัดเฟซบุ๊กได้ไหม หรือต้องจับมือถือตลอดทั้งวันหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมหรือการใช้ชีวิตเรียบง่าย มันทำให้มีชีวิตที่ช้าลง จนกระทั่งรู้สึกว่าในบางวันเงินไม่มีความจำเป็นและเป็นตัวชี้วัดทุกอย่าง วันที่ไม่ได้ออกนอกบ้านก็ไม่ต้องใช้จ่ายอะไร หิวก็ยังมีอาหารที่ปลูกไว้ทานได้ อย่างตอนนี้ที่บ้านเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูแคระ แต่หมูแคระจะเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยง ส่วนของไข่ไก่ก็นำมาทำอาหารได้ เรียกว่าทุกอย่างที่ปลูกที่เลี้ยงไว้ในบ้านสามารถนำมาประกอบอาหารได้หมด
ทุกวันนี้ยอมรับว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้นกับสิ่งที่มีอยู่รอบตัว เหมือนฝันที่วางไว้เป็นจริง เพราะคิดเสมอว่าในบั้นปลายชีวิตอยากอยู่ต่างจังหวัด วัฒนธรรม อากาศ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แบบวิถีสโลว์ไลฟ์ที่มีความสุขและออกแบบเองได้