posttoday

อยากรวยต้องมี ประสาทสัมผัสเรื่องเงิน

05 เมษายน 2561

ถ้าถูกตั้งคำถามว่า มีประสาทสัมผัสเรื่องเงินมั้ย จะตอบว่าอย่างไร ส่วนใหญ่ตอบว่าใช่ ก็ต้องมีแน่ๆ สิ เรื่องเงินๆ ทองๆ ใครเล่าจะไม่มี

เรื่อง บีเซลบับ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ถ้าถูกตั้งคำถามว่า มีประสาทสัมผัสเรื่องเงินมั้ย จะตอบว่าอย่างไร ส่วนใหญ่ตอบว่าใช่ ก็ต้องมีแน่ๆ สิ เรื่องเงินๆ ทองๆ ใครเล่าจะไม่มี อย่างไรก็ตาม หากลองพิจารณาให้ดี เราอาจพบว่าประสาทสัมผัสเรื่องเงินของเราบกพร่อง ก็ถ้าไม่เช่นนั้น เราทุกคนคงรวยล้นฟ้าหรือเป็นเศรษฐีไปแล้ว วันนี้ลองมาชวนคิดชวนคุย เรื่องประสาทสัมผัสทางการเงินว่า ยังถูกต้องกันอยู่หรือไม่ และทำเงินได้จริงหรือไม่

1.ประสาทสัมผัสเรื่องการใช้เงินจะพุ่งสูงสุดเมื่อเรามีแหล่งรายได้ใหม่ เช่น เมื่อพนักงานได้เงินเดือนเดือนแรก เมื่อแต่งงานและได้แหล่งรายได้ใหม่จากสามี หรือตอนรับค่าขนมเป็นครั้งแรกจากคุณพ่อคุณแม่ โดยประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดี จะสร้างรายจ่ายที่มีคุณภาพ เพิ่มรายรับกับมูลค่าของเงินให้สูงขึ้น คนที่ประสาทสัมผัสเรื่องเงินดี ก็จะเพิ่มพูนสินทรัพย์ของตนขึ้นไปเรื่อยๆ

2.การจ่ายที่มีประสาทสัมผัสเรื่องเงินจะสร้างปฏิกิริยาตอบรับ 2 แบบ คือพอใจกับเสียดาย กล่าวคือ หลังใช้เงินไปแล้ว จะเกิดความรู้สึกพอใจหรือไม่ก็เสียดาย

3.การจ่ายที่ปราศจากประสาทสัมผัสเรื่องเงิน จะสร้างปฏิกิริยาตอบรับแบบเดียว คือไม่รู้สึกรู้สม เราอาจได้ยินคนประเภทนี้พึมพำบ่อยๆ ทำนองนี้ว่า “ถ้ารวมค่ากาแฟที่ฉันซื้อกินทุกมื้อบ่าย ป่านนี้คงซื้อบ้านได้ 1 หลัง” หรือ “ปีแล้วฉันรูดบัตรเครดิตไปตั้ง 2.5 ล้านบาทแน่ะ” หรือ “โอ้โห นี่เราจ่ายค่ามื้อเย็นมื้อเดียวไปถึง 7,500 บาทเลยหรือ” เป็นต้น

ปฏิกิริยาแบบไม่รู้สึกรู้สาต่อเงินแบบนี้ จะไม่ได้เห็นและไม่ได้ยินจากคนที่มีประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดี

4.คนที่บริหารจัดการเงินเก่ง ใช้ชีวิตโดยมีประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่โดดเด่น เศรษฐีทุกคนต่างมีประสาทสัมผัสเรื่องเงินอย่างเยี่ยมยอดเหมือนกันทุกคน อยากมีประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดีหรือ แค่ลองนึกหวนกลับไปถึงตอนที่คุณได้รับเงินเดือนเดือนแรก ดูสิว่า คุณดีใจแค่ไหนกับเงินเดือนก้อนแรก และคุณต้องคิดสะระตะหรือบริหารจัดการวางแผนการใช้เงินอย่างรัดกุมเพียงใดกับเงินก้อนจ้อยนั้น แล้วคุณก็จะมีประสาทสัมผัสเรื่องเงินไปเอง

5.เงินสำคัญ แต่เงินไม่สำคัญไปกว่าลมหายใจ เศรษฐีหลายคนไม่ยึดติดกับเงินของพวกเขา หากยึดติดกับเงิน คุณจะมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากเงิน เงินเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งของชีวิต เห็นความสำคัญของเงินแต่เราต้องปล่อยวางใจที่ยึดติดเงิน

6.อย่าติดกับเงินที่เสียไป หรือนัยหนึ่งคือการเป็นอิสระจากเงิน หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ทุกข์ของคนคือการสูญเสียเงิน ไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมยเงิน การไม่ได้รับเงิน การถูกโกง การพลาดโอกาสทำเงิน ฯลฯ ประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดีจะต้องมีภูมิคุ้มกันในเรื่องความค้างคาใจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ดี หากสูญเสียไปก็สูญเสียไป อย่าให้เงินทำเราหรือต้องชอกช้ำจนเกินการ

7.พลังของเงินก้อนเล็กๆ เงินก้อนเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในชีวิตของเรา หากรวมหมวดหมู่และเก็บออมให้เป็นกิจจะลักษณะ ย่อมหมายถึงเงินมหาศาล เงินค่ากินดื่มแฮงเอาต์กับเพื่อน 3,000 บาท หากออมสม่ำเสมอนาน 10 ปี ก็จะได้เงินก้อน 3.6 แสนบาท ไม่น้อยเลยใช่มั้ย หากออมนานขึ้นไปอีกเป็น 20 ปี ก็หมายถึงเงิน 7.2 แสนบาท นี่ไง...คุณค่าของเงินซึ่งคุณจะเห็นถ้ามีประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดี

8.ชีวิต...อย่าให้ประสบความสำเร็จแค่ครึ่งเดียว ความสำเร็จจากงานเป็นความสำเร็จเพียงครึ่งเดียว คนเราจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกล่าวอ้างได้ว่าประสบความสำเร็จด้านเงินด้วย อย่าโหมทำแต่งาน ขอให้แบ่งพลังงานบางส่วน มาใช้ทุ่มเทกับการบริหารจัดการทรัพย์สิน บริหารจัดการแผนการลงทุนในชีวิตด้วย

9.ประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดีมาพร้อมองค์ความรู้ที่ดี อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะความรู้ไม่หยุดอยู่กับที่ คุณจะมีประสาทสัมผัสเรื่องเงินที่ดี ก็หมายถึงคุณต้องมีความรู้เรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน ลองเข้าฟังงานอบรมสัมมนาต่างๆ ที่ให้ความรู้ด้านการเงิน แวะธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ถ้ามีเวลา หมั่นคุยกับที่ปรึกษาผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่กำลังมาแรงในช่วงนั้นๆ

เพียงแค่นี้ก็ทำให้มีประสาทสัมผัสทางการเงิน ที่จะทำให้สัมผัสเรื่องเงินๆ ทองๆ ของคุณ “ทำเงิน” ได้จริงๆ แล้ว