posttoday

‘เด็กขึ้นแท่น’ ฝีมือปลุกปั้นโดยซูเปอร์มัม

27 พฤศจิกายน 2560

คุณแม่สามคนดังเลี้ยงลูกได้น่าชื่นชม การเรียนก็ไม่น้อยหน้าใคร การทำกิจกรรมลงแข่งขันสนามไหนๆ ก็โดดเด่น

 

คุณแม่สามคนดังเลี้ยงลูกได้น่าชื่นชม การเรียนก็ไม่น้อยหน้าใคร การทำกิจกรรมลงแข่งขันสนามไหนๆ ก็โดดเด่น เก่งกาจสามารถคว้ารางวัลครบมาหมด ทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง ก็เลยมีคำถามเลี้ยงลูกอย่างไรให้ขึ้นแท่นรับเหรียญทอง!?

 “คุณแม่คนดัง” พร้อมเผยเคล็ด(ไม่)ลับ น่าฟัง น่าตามรอยกับการเลี้ยงลูกๆ ได้ดี ครบทุกด้านทั้งเรื่องเรียน ทั้งกีฬาและดนตรี โดยเป็นซูเปอร์มัมทุ่มเทเวลาให้ลูกๆ กันเต็มที่ คว้ารางวัลไปไกลถึงเวทีอินเตอร์ฯ จนต้องขอชมคำนี้เลยทีเดียวว่า “เก่งได้แม่!!!”  

 

วิธีเลี้ยงลูกคว้าเหรียญรางวัล

อัพเดทชีวิตคุณภาพ จณิสตา จรูญสมิทธิ์ หลังสละโสดไปกับสามีนักธุรกิจ บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ ทั้งคู่มีทายาท 2 คน คือ น้องเวนิส กับ น้องวินซ์ คุณแม่แบม จณิสตา ดูแลลูกน้อยควบคู่กับการทำธุรกิจร้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งร้าน Audrey Cafe, Kelly by Audrey, Carnival Buffet และ POFF Pancake ธุรกิจมากมาย แต่ก็มีเวลาให้ครอบครัวอบอุ่นที่สุด

คุณแม่คนดังเผย หากมีเวลาว่างก็ขอทุ่มเวลาดูแลลูกๆ ให้เต็มที่ น้องเวนิส วณิสตา 7 ขวบครึ่ง น้องวินซ์-นราธิปพงศ์ 5 ขวบแล้ว

ลูกสาวตัวน้อย “น้องเวนิส” ปีนี้ไปคว้าเหรียญจากการแข่งขันไอซ์สเกต ประเทศมาเลเซีย ขึ้นแท่นรับรางวัลกวาดมาครบ ทั้งเหรียญทอง เงิน และทองแดง แม่เป็นปลื้มสุดๆ กับเหรียญทองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภท Spotlight Character Entertainment Pre Alpha Level ชนะคู่แข่งขันอีก 4 คน จากประเทศเจ้าภาพขาดลอย

 

‘เด็กขึ้นแท่น’ ฝีมือปลุกปั้นโดยซูเปอร์มัม

 

สนามนี้กำกับดูแลโดยสหพันธ์สเกตน้ำแข็งนานาชาติ (ISU) เวนิส ลงแข่ง 5 โปรแกรม สามารถคว้าเหรียญมาได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง คุณแม่เชียร์อยู่ขอบสนามได้เห็นลูกลงแข่งขันอย่างมั่นใจ ไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว “ปีนี้เวนิสลงแข่งสนามต่างประเทศครั้งแรก ลงสนามครั้งแรก 5 ขวบครึ่ง แข่งประเภทคู่ก่อน ยังไม่ได้เหรียญค่ะ เด็กเล็กควรทำกิจกรรมเล่นกีฬาสัก 1 อย่างนะคะ ถ้าให้เด็กผู้หญิงไปเล่นกีฬากลางแจ้ง อากาศเมืองไทยก็ร้อนเกินไป ก็ลงตัวค่ะ สเกตลีลา (Figure Skating) เล่นบนพื้นน้ำแข็งเย็นๆ เล่นประกอบเสียงดนตรี เป็นกีฬาสวยงามได้พัฒนาความสามารถ ได้แสดงออก โดยเป็นการต่อสู้กับตัวเองที่ไม่ใช่การปะทะชนต่อสู้กับคู่แข่งขัน เด็กๆ ก็ไม่กดดันมาก

เมื่อตอนที่เวนิสเริ่มเล่น ก็ไม่ชอบไปรอบหนึ่งแล้วค่ะ ได้คุณครูไม่โอเค ลูกไม่เรียนแม่ก็ไม่บังคับนะคะ เด็กๆ ต้องเริ่มที่ความสนุกค่ะ แต่พอเขามีเพื่อนๆ ไปเล่นด้วยกัน มีสนามแข่งขันที่คนแข่งได้แต่งตัวในแบบตัวคาแรกเตอร์สวยๆ เวนิสแต่งเป็น โทรลล์ส (Trolls) ใส่ชุดฟูฟ่องสีชมพู-ฟ้า เด็กผู้หญิงรักสวยรักงามอยู่แล้ว 

การมีเพื่อนเป็นการท้าทายเขาด้วยค่ะ จากท่าพื้นฐาน ก็เริ่มกล้ากระโดดตามเพื่อนที่เก่งกว่าให้ได้ เวนิส เริ่มจากกลุ่มเด็กเล็กพรีอัลฟ่า ไต่มาอัลฟ่า จากแข่งแบบคู่ มาแข่งเดี่ยว 2 โปรแกรมในปีนี้ มีคู่แข่งอีก 5 คน ทั้งมาเลเซียเจ้าภาพ จีน และญี่ปุ่น การแข่งได้จบเพลงโค้งให้คนดู แล้วมีเสียงปรบมือ ทำให้เขาฮึกเหิมเอาชนะ ไม่ใช่แค่ใจแม่นะคะ (บอกพร้อมรอยยิ้ม) แต่ชนะใจคนดู ชนะใจกรรมการได้ด้วยค่ะ”

คุณแม่แบม จณิสตา บอกย้ำการเล่นกีฬาลูกไม่จำเป็นต้อง “เป็นเลิศ” แต่เป้าหมาย คือ การพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ การเล่นกีฬาต้องทำซ้ำๆ เพื่อฝึกทำท่ายากกว่าเดิมให้ได้

“ต้องมุ่งมั่น ต้องสังเกตตัวเอง เวนิสคือลักษณะของเด็กมี Talent คือมีความสามารถพิเศษ แต่ไม่มีแรงผลักดัน หรือ Inner สิ่งกระตุ้นที่ทำให้อยากเล่น อยากแสดงออกมา เด็กเล็กๆ นะคะก็มีไม่อยากไปซ้อมบ้าง และต้องซ้อมสัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 45 นาทีขึ้นไปหลักเลิกเรียน ก็มีช่วงหนึ่งเวนิสงอแงไม่อยากซ้อม แม่จับเข่าคุยกับลูกเลยค่ะ มีขู่ (หัวเราะ) เลิกไหม? ซึ่งที่สุดเขาก็มีคำตอบว่าถ้าให้เลิกจริงๆ คงไม่ แต่ไม่อยากไปซ้อมก็เพราะขี้เกียจบ้าง ก็กลับมาเล่นใหม่ โดยแม่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้เขาด้วยนะคะ หาคลิปนักกีฬาไอซ์สเกตสวยๆ มาให้ลูกดูค่ะ

แล้วพ่อแม่ก็จะสลับพี่เลี้ยงไปส่ง ไปนั่งดูลูกซ้อมขอบสนามบ้าง เรื่องนี้สำคัญมากๆ ค่ะ เขาหันมาเห็นเรา ก็มีกำลังใจขึ้นมากๆ เลยนะคะ”

จณิสตา กล่าวทิ้งท้ายว่า โฟกัสที่ความสุขของลูก ไม่ใช่ต้องเก่งกาจติดทีมชาติไปไกลขนาดนั้น แค่วันนี้ คุณแม่ได้ยินพิธีกรประกาศ “เวนิส-วณิสตา ไทยแลนด์” แม่ก็ปลื้มหนักมากแล้ว!!!

 

“รู้แพ้ รู้ชนะ” เติบโตอย่างมีความสุข

เลี้ยงลูกอย่างไรให้ขึ้นแท่นรางวัล พญ.ศิริวรรณ ตั้งเจริญชัยชนะ หรือคุณหมอแวนด้า ผู้ก่อตั้ง Health Avenue Clinic ภูมิใจไม่แพ้คุณแม่แบม กับผลงานลูกสาวคนเล็ก “ทรีทัญญ่า” จูงมือไปแข่งขันสนามเดียวกับเวนิส เก่งกาจสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาด้วยกันหลายสนาม

คุณหมอมีลูกสาว 2 คน ลูกสาวคนโต “ทรินนิตี้” สร้างความตื่นเต้นให้คุณแม่คนสวยอีกแล้ว กับการลงสนามแข่งขันเปียโน ล่าสุด รายการ Set ยุวชนดนตรีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 20 ตอนนี้ทรินนิตี้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และจะมีรอบชิงชนะเลิศในเดือน ธ.ค.นี้  

“ทรินนิตี้ เป็นไอดอลของน้องสาว (บอกพร้อมรอยยิ้ม) โดยเป็นพี่สาวนักเพอร์เฟกชั่นนิสต์ คือทำทุกอย่างต้องดีที่สุด ไปได้รางวัลมาหลายเวที เริ่มแข่งขันเปียโนเวทีแรก คือ  A of ABRSM Churairat National Piano Competition 2015 น้องก็ได้เดินตามรอยพี่สาวนะคะ เรื่องตระเวนแข่ง มีคำถามหมอว่าให้ลูกๆ เรียนเสริมเยอะไหม ก็ต้องบอกเลยว่าถ้านอกโรงเรียนมีเปียโนอย่างเดียว ทุกอย่างจบในโรงเรียนหมด ไม่ว่าจะกีฬา หรือวิชาการ เพราะอยากให้ลูกอิสระ มีเวลาพักผ่อน ได้เล่นกับเพื่อน เล่นกับน้อง หรือเล่นเกมด้วยนะคะ เด็กๆ วัยนี้ก็ต้องชอบ ซึ่งก็เป็นหน้าที่แม่ที่ต้องจัดให้เขามีเวลาเหล่านั้น และเมื่อขึ้นเวทีแข่งขันเขาก็จะรู้สึกสนุก ไม่ใช่เหนื่อยล้ากับการแข่งขัน

 

‘เด็กขึ้นแท่น’ ฝีมือปลุกปั้นโดยซูเปอร์มัม

 

ทรีทัญญ่า ลูกสาวคนเล็กต้องมีการจัดการอีกแบบค่ะ เพราะมีความสนใจ ความอยากเรียนค่อนข้างจำกัด หมายถึงไม่อยากเรียนอะไรเลย อยากเล่นอย่างเดียว (หัวเราะ) แม่จึงสังเกตว่าถนัดอะไร ทำอะไรได้ดี แล้วคอยสนับสนุน และในที่สุดคำตอบก็คือไอซ์สเกต ไปแข่งสนามที่มาเลเซียกับน้องเวนิสลูกสาวคุณแบมด้วยค่ะ

เหรียญล่าสุด คือ Gold medal for Character Pre Alpha, Skate Emirate 2017 ที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รายการต่อไป คือ การแข่งขันยิมนาสติก ทรีทัญญ่า ผ่านทดสอบเข้า Gymnastic Team เป็นตัวแทนโรงเรียนบางกอกพัฒนา

หมอไม่ได้ตั้งเป้าเลี้ยงลูกให้เป็นนักแข่งขัน ซึ่งต้องได้รางวัลทุกๆ สนามนะคะ แต่โอกาสแข่งขันคือการสอนบทเรียนเรื่องความพยายาม ความมีวินัย การตั้งเป้าหมายซึ่งทำให้สำเร็จ และสร้างนิสัยการรู้แพ้รู้ชนะได้ดีด้วยค่ะ”

คุณหมอแวนด้า เผยว่า เป็นแม่ไม่ชอบดุลูกเลย เพราะไม่ชอบสูญเสียความสุข เวลาอยู่กับลูกๆ ก็อยากสร้างโมเมนต์ดีๆ จึงใช้การพูดคุยให้เหตุผลมากกว่า

“โชคดีค่ะลูกเข้าใจง่าย หมอบอกลูกเสมอ หนูอยากทำอะไรให้สำเร็จ ต้องตั้งเป้าหมาย พยายามอดทน บางครั้งสำเร็จเราก็ดีใจ ล้มเหลวเราก็เสียใจ แต่ก็ได้เรียนรู้ แล้วเราก็สู้ใหม่ การแข่งขันไม่ใช่จุดจบ และในวันข้างหน้า เราก็ต้องเจอมันวนไปตลอดชีวิตของเรา หน้าที่แม่คือการสนับสนุนลูกทุกอย่างที่มีความสามารถ และมีโอกาสค่ะ

เหรียญรางวัลก็ไม่สำคัญเท่าเป็นคนดี มีน้ำใจนักกีฬา ชนะเป็น แพ้เป็น ทั้งหมดนี้หมอเชื่อว่าจะทำให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขได้ไม่ยากค่ะ”  พญ.ศิริวรรณ บอกพร้อมรอยยิ้มสไตล์คุณแม่แสนใจดีของสองสาวน้อย

 

เด็กๆ ต้องมีเวทีปล่อยพลัง

เรียนอย่างเดียวไม่ได้ ลูกต้องเลือกเล่นกีฬาอะไรสัก 1 อย่าง หรือเลือกทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อให้มีใจเมตตาต่อผู้อื่นด้วย คือหลักการเลี้ยงลูกของคุณแม่ลูกสอง อภิภาวดี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา สาวสังคม และนักธุรกิจมากความสามารถ ลูกสาวเพลงรำไพ-พิณไพเราะ เครือโสภณ อายุเข้าวัยทีนทั้งคู่ 14 ปี และ 11 ขวบตามลำดับ กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติไอเอสบี

อภิภาวดี บอกว่า เด็กๆ เลิกเรียนเร็ว แล้วบ้านก็ใกล้โรงเรียน 5 นาที ลูกก็ถึงบ้านกันแล้ว และบ้านนี้ก็ไม่มีโทรทัศน์ให้ลูกๆ ดูเสียด้วย กีฬาจึงกลายเป็นคำตอบสุดท้าย และลงตัวที่สุดสำหรับเด็กในวัยนี้

 

‘เด็กขึ้นแท่น’ ฝีมือปลุกปั้นโดยซูเปอร์มัม

 

“เด็กๆ มีพลังงานเหลือเฟือค่ะ แล้วบ้านเราทีวีไม่ใช่สิ่งของจำเป็นอีกด้วย ถ้าลูกอยากดูสารคดีคิสคัฟเวอรี่ก็คลิกยูทูบ เขาก็เคยดูละครไทยนะคะเวลาแม่พาไปร้านหมอฟัน ได้ดูทีวีในร้าน ก็ยังหันมาวิจารณ์ละครกับแม่ แค่นี้หนูก็รู้แล้วใครดีใครร้ายไม่ถึง 5 นาทีเลยค่ะ คือโซฟโอเปร่าไทยไม่สามารถดึงความสนใจจากเด็กๆ บ้านนี้ได้เลย (หัวเราะ) แล้วลูกมีเวลาว่างหลักเลิกเรียน 2-3 ชั่วโมง แม่ก็ต้องหาอะไรให้ทำกันค่ะ

ก็ช่วยกันเลือกกีฬา ดนตรี หรือวิชาการเสริม ลูกสาวคนเล็ก-พิณไพเราะ เรียนเลขเก่งมาก เขาก็รวมทีมเลขกับเพื่อนๆ ค่ะในคลับแมทโอลิมเปียของโรงเรียน ได้แข่งขันกัน เด็กเก่งเลขมีการคิดในแบบ Logic ได้ดี แม่ก็เลยแนะนำให้ลองลงแข่งหมากรุกด้วยค่ะ

ส่วนลูกสาวคนโตเป็นนักกีฬาทีมโรงเรียน ทั้งบาสเกตบอล ฟุตบอล การทำกิจกรรมเยอะ ลูกมีตัวเลือกเยอะ ซึ่งดิฉันมีกฎว่าลูกจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ให้ลองทำทุกอย่าง ถ้าไม่ชอบกีฬาชนิดนี้ก็มาบอกแม่ได้ โดยต้องหากีฬาหรือกิจกรรมสิ่งใหม่มาทดแทนสิ่งที่ลูกไม่ชอบ โดยต้องลองทำทั้งเทอม 5-6 เดือนก่อน ไม่ใช่ทำไป 2-3 เดือนแล้วเลิก แบบนี้แม่ไม่ปลื้มนะ สุดท้ายแล้วเขาก็จะได้ค้นพบตัวเอง ได้เจอในสิ่งที่รัก

 

‘เด็กขึ้นแท่น’ ฝีมือปลุกปั้นโดยซูเปอร์มัม

 

น้องเพลงเคยเล่นเบสบอลแล้วไม่ชอบ ก็ลองใหม่ตอนนี้เล่นบาสเกตบอล โดยแม่ให้เลือกกีฬา 4 อย่าง แล้วลูกเลือก 1 อย่าง แม่ก็ดีใจแล้วค่ะ ตอนนี้ลูกเรียนเกรด 8 ติดทีมโรงเรียนโดยต้องไปคัดตัวจริงกับรุ่นพี่เกรด 9 ก็ภูมิใจกันทั้งแม่และลูกค่ะ”

อภิภาวดี ย้ำว่า หลักการเลี้ยงลูกโดยสอนเสมอทุกคนมีเวลาเท่ากัน เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ทิ้งหายไปเปล่าๆ เด็กได้ปล่อยพลัง และในวัยนี้ก็ยังได้ค้นพบตัวเอง กิจกรรมที่พวกเขาทำ และทำได้อย่างชื่นชอบที่สุดอีกด้วย