posttoday

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

23 พฤศจิกายน 2560

ฤดูหนาวอาจไม่มีจริงในเมืองใหญ่ แต่ไม่ใช่กับบนยอดดอยและในธรรมชาติโดยเฉพาะทางภาคเหนือ ตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

  

ฤดูหนาวอาจไม่มีจริงในเมืองใหญ่ แต่ไม่ใช่กับบนยอดดอยและในธรรมชาติโดยเฉพาะทางภาคเหนือ ตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ที่ตอนนี้อุณหภูมิลดระดับแตะ 10 กว่าองศาเป็นที่เรียบร้อย แต่ครั้นจะไปหนาวสั่นบนดอยอินทนนท์ ภูเรือ ภูชี้ฟ้า ก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญกับทะเลคนแทนทะเลหมอกยามเช้า ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยว “นอกกระแส” จึงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับหนาวนี้

 

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

 

บ้านหล่อโย จ.เชียงราย

จากการอัพเดทล่าสุดพบว่า หมอกได้เข้าปกคลุมทุกวันพร้อมกับความหนาวเหน็บระดับไม่กล้าอาบน้ำ นับเป็นข่าวที่น่าอิจฉาจาก “บ้านหล่อโย” หมู่บ้านเล็กๆ ในป่าใหญ่บนดอยแม่สลอง จ.เชียงราย สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรเศษ ล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ ทำให้เกือบทุกเช้าจะเห็นหมอกไหล และอากาศก็หนาวสะใจนักท่องเที่ยว

โยฮัน-ประกาศิต เชอมือกู่ ผู้นำหมู่บ้านหล่อโย และเจ้าของบ้านดินอาข่า (เพจเฟซบุ๊ก Akha Mudhouse Maesalong) เล่าว่า ในหมู่บ้านมีเพียง 58 ครัวเรือน มีประชากรประมาณ 280 คน มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร ทำไร่ทำสวน เช่น กาแฟอราบิกา ข้าวไร่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในฤดูเก็บเกี่ยวผลกาแฟ

สำหรับกิจกรรม ที่นี่ไม่มีแลนด์มาร์ค หรือถนนคนเดินเอาใจนักท่องเที่ยว แต่ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าหาอาหารตามธรรมชาติ เก็บกาแฟใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่วมเล่นโล้ชิงช้า ลองมัดหญ้าคาทำหลังคาตามภูมิปัญญาท้องถิ่น และเรียนรู้การเล่นลูกข่างที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้กึกก้องหมู่บ้าน

ปัจจุบันบ้านดินอาข่ามี 8 ห้อง แบ่งเป็นห้องน้ำในตัว 4 ห้อง (คืนละ 1,300 บาท) และห้องน้ำรวม 4 ห้อง (คืนละ 800 บาท) ทุกห้องไม่มีเครื่องปรับอากาศ และค่าอาหารคิดหัวละ 250 บาท โดยจะเป็นอาหารอาข่าขนานแท้และยืนพื้นด้วยไข่เจียวหอมๆ ทุกมื้อ ติดต่อโทร. 09-3258-9994 (โยฮัน)


เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

  

บ้านมณีพฤกษ์ จ.น่าน

ความน่ารักของชาวม้ง “บ้านมณีพฤกษ์” ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ทำให้คนแปลกหน้าตกหลุมรักได้ง่ายๆ โดยที่นี่มีไฮไลต์อยู่ที่ กาแฟเกอิชา รสชาตินุ่ม กลิ่มหอมไกล ซึ่งอาจเป็นเกอิชาที่ดีที่สุดในประเทศก็เป็นได้

วิชัย กำเนิดมงคล ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนและกลุ่มกาแฟ เล่าว่า เรื่องการท่องเที่ยวชุมชนที่บ้านมณีพฤกษ์เพิ่งเปิดอย่างจริงจังได้ไม่นาน โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชาวม้งอย่างใกล้ชิดผ่านการนอนโฮมสเตย์ การกินอาหารฝีมือชาวบ้าน ดื่มกาแฟดริป และเรียนรู้ชีวิตผ่านการลงมือทำด้วยตัวเอง ทั้งการปักผ้าม้ง การตีมีด เป่าแคนม้ง เดินป่าเก็บกาแฟ และชื่นชมธรรมชาติ

ดอยผาผึ้งและถ้ำผาผึ้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ชาวมณีพฤกษ์เองชอบไปหย่อนใจ ซึ่งบนดอยที่ความสูงมากกว่า 1,400 เมตร ทำให้มองเห็นธรรมชาติกว้างใหญ่ ตอนเช้าตรู่จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นปะทะทะเลหมอก ส่วนตอนค่ำคืนจะมองเห็นทางช้างเผือกพาดผ่านท้องฟ้า โดยเมื่อต้นเดือน พ.ย. อุณหภูมิยามเช้าและเย็นลดเหลือ 14 องศา ซึ่งคาดว่ายิ่งใกล้ปลายปีเท่าไรจะยิ่งหนาวจับใจจนอาจถึงเลขตัวเดียว

ติดต่อโฮมสเตย์และการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ โทร. 06-2248-5028 (พี่กล้วย)

 

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

  

บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร

ทุ่งนาปลอดสารที่ตอนนี้คงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวลตาตัดกับสีผ้าครามของชาวบ้าน ยิ่งทำให้ “บ้านหนองส่าน” ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร สวยงามกว่าเดิม

บ้านหนองส่านห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง แต่บรรยากาศกลับเหมือนอยู่ห่างไกล เพราะชาวบ้านยังมีชีวิตเรียบง่าย เนิบช้า และเต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรี นักท่องเที่ยวจะได้ชิมอาหารอีสานฝีมือแม่ๆ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวนา การทำเกษตรผสมผสานทั้งข้าว ข่าตาแดง กล้วย ไผ่ มันญี่ปุ่น ตะไคร้ พริก แตงโม ฟัก ข้าวโพดหวาน หม่อน เชอร์รี่ ซึ่งทั้งหมดปลูกแบบปลอดสาร

นอกจากนี้ ชาวหนองส่านยังคงทอผ้าและย้อมครามสวมใส่กันเองตามเทคนิคพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา โดยแม่อี๊ดจะใจดีสอนนักท่องเที่ยวย้อมครามและให้นำผ้าพันคอผืนนั้นกลับไปเป็นที่ระลึก รวมถึงยังมีโฮมสเตย์ให้ใกล้ชิดความเป็นท้องถิ่น ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผ่านโลเคิลอไลค์ คิดราคา 3,600 บาท สำหรับวันเดย์ทริป และ 6,800 บาท สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน ดูรายละเอียดได้ที่ localalike.com

 

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

 

บ้านสนวนนอก จ.บุรีรัมย์

ชุมชนคนเขมรกลุ่มนี้ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ จนกลายเป็นเสน่ห์ของ “บ้านสนวนนอก” อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ โดยมีเครือข่ายชุมชนเข้มแข็งรวมตัวกันเป็นกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน พร้อมสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง การนั่งรถกระสวยอวกาศเที่ยวชุมชน ลองสาวไหม ชมการทอผ้าไหมลายหางกระรอก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เก็บใบหม่อน ชิมขนมตดหมา ร่วมวงรำตร๊ดกับพี่ป้าน้าอา และซาบซึ้งไปกับพิธีบายศรีสู่ขวัญที่มีผู้เฒ่าผู้แก่มาผูกแขนรับขวัญอย่างอบอุ่น

บ้านสนวนนอกมีที่พักทั้งแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ทชื่อ บ้านสนวน รีสอร์ท ซึ่งใหญ่และมีคุณภาพจนไม่คิดว่าจะตั้งอยู่ในชุมชนเล็กๆ ติดต่อโทร. 08-5411-4435, 09-5801-1693, 08-7435-3237 หรือเพจเฟซบุ๊ก หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม “บ้านสนวนนอก” อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์

 

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

  

โครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

ไม่ต้องเดิน ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องตื่นเช้าก็สามารถเห็นหมอกและสัมผัสอากาศหนาวได้ที่ “โครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า” จ.พิษณุโลก

สถานที่ทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติทั้งกาแฟอราบิกา สตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 แมกคาเดเมีย และดอกกระดาษ ประกอบกับให้ความรู้แก่ชาวม้งในพื้นที่ภูหินร่องกล้าเรื่องป่าไม้ การดูแลแหล่งน้ำ และการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่าอย่างกลมเกลียว

นอกจากความรู้ที่สอดแทรกอยู่ในแปลงปลูก นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของทุ่งดอกกระดาษ (ช่วง ธ.ค.-มี.ค.) ดอกกาแฟพวงสีขาว ถ่ายภาพกับ 6 หน้าผาที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก และที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยผลิบานบนภูหินร่องกล้าที่สวยงามอีกจุดหนึ่งด้วย โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า เปิดให้เข้าฟรีทุกวัน ติดต่อโทร. 08-1596-5977

 

เที่ยว ‘หนาว’ นอกกระแส

 

บ้านอีต่อง จ.กาญจนบุรี

ด้วยความที่เป็นทางผ่านของเส้นทางพิชิตเขาช้างเผือก ทำให้ “บ้านอีต่อง” กลายเป็นเส้นทางเงียบสงบและยังคงสวยงามสมกับสมญานาม ภาคเหนือแห่งภาคตะวันตก

บ้านอีต่องตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ท่ามกลางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับมีบึงน้ำขนาดใหญ่กลางหมู่บ้าน จึงทำให้มีหมอกและอากาศชื้นตลอดปี โดยภายในหมู่บ้าน สามารถท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการทำเหมืองในอดีต แวะกินเค้กป้าเกล็นที่ร้านชาวเหมืองบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน และใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์มองดูชาติพันธุ์หลากหลายที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

บ้านอีต่องเหมาะกับแบ็กแพ็กเกอร์ขาลุย เพราะเส้นทางต้องผ่าน 399 โค้งจากทองผาภูมิมายังหมู่บ้าน และยังมีเกสต์เฮาส์ให้บริการในราคาประหยัดซึ่งน่าจะถูกจริตนักเดินทางรุ่นใหม่ อย่างเช่น อีต่องโฮมสเตย์ โทร. 09-2449-1915

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะยาวนานถึงกลางเดือน ก.พ. 2561 นับเป็นโอกาสเดียวในรอบปีที่เมืองร้อนอย่างไทยจะมีอากาศหนาว ดังนั้นอย่ารอช้าเสียเวลาอยู่ในห้องแอร์แทนที่จะออกไปอยู่ใต้ธรรมชาติ จุดกำเนิดความหนาวเย็นบริสุทธิ์ที่ทุกคนรอคอย