สองซี้สุภาพบุรุษรักบี้ วรงค์กรณ์ คำเกิด + ชาตรี วรรณดิษฐ์
เส้นทางทีมชาติของเพื่อนสุดซี้อดีตคู่ปรับตลอดกาล ในการแข่งขันกีฬาประจำโรงเรียนระหว่างวชิราวุธวิทยาลัย
โดย สมแขก ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
เส้นทางทีมชาติของเพื่อนสุดซี้อดีตคู่ปรับตลอดกาล ในการแข่งขันกีฬาประจำโรงเรียนระหว่างวชิราวุธวิทยาลัย และ ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ทำให้ กล้วย-วรงค์กรณ์ คำเกิด กับ หยก-ชาตรี วรรณดิษฐ์ ชายหนุ่มทั้งสองวนเวียนมาเจอกันในสนามอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเกิดขึ้นสนิทนัก
จะเริ่มอีกครั้งก็เมื่อทั้งสองพ้นรั้วโรงเรียนมาแล้ว แม้จะอยู่คนละมหาวิทยาลัย แต่เมื่ออยู่ในสโมสรเดียวกัน เป็นรูมเมทกัน ซ้อมด้วยกัน แข่งด้วยกัน นั่นทำให้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนซี้โดยปริยาย
กล้วย-วรงค์กรณ์ เล่าถึงรุ่นพี่ (หน้า) หยก
"ผมเป็นนักกีฬารักบี้ของวชิราวุธวิทยาลัย ส่วนพี่หยกเป็นนักกีฬาของ ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย เวลาไปคัดตัวเยาวชนทีมชาติ หรือคัดตัวเข้าทีมชาติชุดใหญ่ ก็ได้เจอกันบ้าง ตอนแรกผมไปคัดเท่าไหร่ก็คัดไม่ติด พอเข้าได้แล้วก็อยากท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ เท่ากับตอนนี้รับใช้ชาติด้วย และเล่นให้กับสโมสรราชนาวี กองทัพเรือ เพราะผมก็รับราชการในสังกัดกองทัพเรือด้วย
ผมกับพี่หยกเจอกันบ่อยช่วงที่เราเล่นให้ทีมมหาวิทยาลัย ผมเล่นให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนพี่หยกเล่นให้กับทีมมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พอเราเล่นอาชีพก็ต้องไปเล่นให้ทีมสโมสร ช่วงนั้นเราสนิทกันเพราะต้องเดินทางไปซ้อมด้วยกันบ่อยๆ
ผมเรียนที่รังสิต และพี่หยกเรียนที่ประสานมิตร แต่พวกเราต้องไปซ้อมที่สมุทรปราการ ผมก็มาหาพี่หยกที่มหาวิทยาลัยก่อน แล้วค่อยเดินทางไปสนามพร้อมกัน ก็ทำอยู่แบบนี้ทุกอาทิตย์ สิ่งที่ทำให้เราสนิทกันเร็ว อาจจะเป็นเพราะว่าอายุรุ่นไล่ๆ กัน ส่วนใหญ่การจับคู่รูมเมทก็จะได้คู่กันมาตลอด
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกลุ่มเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันบางคนก็เลิกเล่นรักบี้ไปแล้ว หลายคนแยกย้ายไปทำงาน รุ่นน้องมาใหม่ก็อายุค่อนข้างห่างกัน ผมกับพี่หยกก็ยังเล่นรักบี้อยู่ ไลฟ์สไตล์ของเราสองคนหลายปีมานี้ จึงเน้นไปที่ซ้อมอย่างเดียว แทบไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ เท่าไหร่ ส่วนมากจะอยู่แค่สนามรักบี้ ห้องฟิตเนส กลับบ้าน
มากที่สุดก็ไปนั่งกินข้าว หรือไปฝากท้องกันที่บ้านผม คุณแม่ผมจะทำกับข้าวให้กิน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสนามซ้อม สถานที่เก็บตัว หลายคนบอกว่าสถานการณ์หรือสถานที่ทำให้เราสนิทกัน แต่ผมว่าทำให้เราได้เห็นใจและรู้จักตัวตนของเพื่อนเรามากขึ้น
สำหรับผมผ่านมาสิบปี พี่หยกก็ยังเป็นคนขี้เล่น สนุก เฮฮา และเจ้าเสน่ห์ (หัวเราะ) เขาเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในทีม ทุกคนจะรักและเคารพเขาอยู่แล้ว เขารักน้องและช่วยเหลือน้องทุกคน เวลาผมมีความสุขหรือมีปัญหาเขาจะรับรู้เรื่องของผมตลอด สนิทกันมาก
เราเคยนั่งคุยกันเรื่องอนาคตในทีมชาติตลอด วิธีเติมกำลังใจให้กันของเรา ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าอย่าไปอะไรมาก เพราะหนักกว่านี้เราก็เคยเจอกันมาแล้ว คงไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรงของเราแล้ว เพราะเราก็ผ่านกันมาเยอะ ถ้าติดก็ติดไปด้วยกัน"
หนุ่มหน้า (หยก) ชาตรีขอเล่าบ้าง
หนุ่มใบหน้าคมคาย ยิ้มน้อยๆ ขณะที่กล้วยเล่าถึงตัวเขา หยกออกตัวว่าไม่เคยเล่าเปิดเผยความรู้สึกระหว่างเพื่อนให้กับคนอื่นฟังสักเท่าไหร่
หลังจบพลศึกษา จาก มศว หยกเคยไปเป็นครูสอนพละที่โรงเรียนเก่าที่เคยเรียนสมัยมัธยมมาด้วยพักหนึ่งก่อนจะมาเล่นรักบี้อาชีพและทำหน้าที่รับใช้ชาติเต็มเวลา
"ผมแก่กว่ากล้วย 2 ปี เราก็เจอกันในงานรักบี้ประเพณี ก็จะมีทีมเดียวที่เป็นคู่ปรับกัน และในมหาวิทยาลัยเราก็อยู่คนละทีม นอกนั้นก็อยู่ทีมเดียวกันมาตลอด เรียกว่าสิ่งที่พาเรามารู้จักกันก็คือกีฬา เราสองคนรู้จักกีฬารักบี้ก็เพราะเป็นกีฬาประจำโรงเรียน พอเล่นมาเรื่อยๆ ก็เหมือนกีฬาสร้างเพื่อนมากกว่า
ถ้าคนที่ชอบดูรักบี้ จะเห็นว่าเวลานักกีฬาเล่นรักบี้ในสนามเหมือนจะฆ่ากัน สุดท้ายพอจบจากเกมมา ก็เป็นเพื่อนพี่น้องกัน ไปไหนมาไหนมีอะไรให้ช่วยเหลือกัน ก็ได้รับแรงสนับสนุนตลอด
กีฬารักบี้ถ้าคนนอกมองอาจจะเป็นกีฬาป่าเถื่อน แต่ก็เล่นโดยสุภาพบุรุษ คือเรามีจังหวะเวลาในการทำร้ายคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา แต่เราไม่ทำกัน แม้เสื้อคนละสีเราก็แข่งกันเต็มที่ แต่จบเกมความสัมพันธ์เราก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้เกลียดกัน ผลแพ้ชนะเป็นเรื่องกีฬา ไม่ใช่ความสัมพันธ์
ถามว่าทำไมผมกับกล้วยจึงรู้สึกคลิกกัน เราสองคนมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกัน เราคุยกันรู้เรื่อง ความคิดค่อนข้างจะเหมือนกัน ไม่ค่อยมีความคิดที่ขัดแย้งกัน อีกคนหนึ่งพูดหรือเสนอความคิดเห็น อีกคนหนึ่งจะคอยซัพพอร์ต และสนับสนุนทันที การเล่นกีฬาทีมเดียวกันทำให้เราเข้าใจกันง่ายขึ้น เหมือนมองตาก็รู้ใจ ยิ่งนิสัยคล้ายๆ กัน ก็เข้าใจกันมากขึ้น
กล้วยจะเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ภาษาบ้านๆ คือเป็นคนใจถึง ถึงไหนถึงกัน แล้วก็เวลาคุยด้วยสนุก และมีบางเรื่องที่เราปรึกษากันบ้าง บางทีเราคุยกันทุกเรื่องไม่เฉพาะเรื่องรักบี้ อาจจะเป็นเรื่องภายในชีวิตประจำวันทุกอย่าง
ข้อดีของเขาอีกอย่างหนึ่งคือเขารักเพื่อนฝูง ถ้าพูดถึงความประทับใจกับเขา คือเยอะมากเราอยู่กันมานานขนาดนี้ จะให้ผมบอกว่าประทับใจอะไรที่สุดในตัวกล้วยมันไม่มีที่สุด เราผ่านหลายๆ เรื่องมาด้วยกันมา สู้ด้วยกันมาบางทีก็ท้อ หันหน้ามาคุยกันว่าจะเอายังไงกับชีวิต จะไปต่อหรือหยุดแค่นี้ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจที่จะเดินต่อมาจนถึงทุกวันนี้
กับคำถามสุดท้ายว่า เพราะอะไรทำให้ทั้งสองคนยังรับใช้ชาติอยู่?
กล้วย : ผมเติบโตมาได้เพราะรักบี้ ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน กีฬาชนิดนี้ส่งผลให้ชีวิตผมมีทุกอย่างตอนนี้ และอีกอย่างเราสองคนยังเล่นอาชีพให้กับราชนาวีสโมสรอยู่ ซึ่งมีแข่งเรื่อยๆ ทุกปี ส่วนมากคนที่เล่นและเลิกเล่นไป ไม่ได้มีสโมสรเป็นหลักเป็นแหล่ง พอเขาเบื่อหรือมีงานประจำอย่างอื่นทำ ก็เล่นน้อยลงหรือเลิกเล่นไป พอเราเข้าสังกัดสโมสร ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเลิกเล่นตอนนั้นเราจึงจะหมดหน้าที่
หยก : ประการสำคัญนอกเหนือจากความรักต่อกีฬา และเพื่อนร่วมทีมก็คือ ตอนนี้ร่างกายของพวกเรายังไหวอยู่ จึงยังเล่นกันต่อ ทุกวันนี้พยายามซ้อมและเล่นให้ดี ตัวเราเองก็ยังอยากรู้ว่าตัวเองจะไหวได้แค่ไหนเหมือนกัน ถ้าเขาจะให้เราเลิกเล่นในวันใดวันหนึ่ง เราก็ไม่เสียใจ เพราะถือว่าที่ผ่านมาเราเต็มที่กับหน้าที่ของเราแล้ว