posttoday

ฮาวเวิร์ด เบิร์ก เผยเทคนิคอ่านเร็วติดสปีด

31 สิงหาคม 2560

โลกยุคปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารบนโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุก 6 เดือน คงเป็นเรื่องดีหากเราสามารถย่นระยะเวลาในการรับข้อมูลต่างๆ ได้

เรื่อง กองทรัพย์ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

"โลกยุคปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารบนโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุก 6 เดือน คงเป็นเรื่องดีหากเราสามารถย่นระยะเวลาในการรับข้อมูลต่างๆ ได้ การใช้เวลาเรียนรู้ที่น้อยลงทำให้เราเหลือเวลามากขึ้น มีโอกาสมากกว่าคนอื่น ทั้งด้านการทำงาน การสร้างเงิน และการใช้เวลาที่สำคัญอื่นๆ ในชีวิต"

คำกล่าวจากนักอ่านเร็วที่สุดในโลก "ฮาวเวิร์ด สตีเฟน เบิร์ก" (Howard Stephen Berg) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้บนพื้นฐานการพัฒนาสมองในระดับนานาชาติ เจ้าของสถิติอ่านหนังสือเร็วที่สุดในโลก โดย Guinness Book of World Records ในปี 1990 ซึ่งสามารถอ่านหนังสือได้ถึง 2.5 หมื่นคำใน 1 นาที และสามารถจดจำรายละเอียดทั้งหมดได้อย่างน่าทึ่ง

มากกว่าความเร็ว ฮาวเวิร์ด เบิร์ก ยังให้ความ สำคัญกับการสร้างกระบวนการเรียนรู้ การศึกษาด้านชีว วิทยา เรื่องระบบสมองและจิตวิทยา จึงทำให้ต่อยอดทักษะการอ่านสู่การเป็นผู้พัฒนาศักยภาพด้านการเรียนรู้

ความสามารถของเขาเกิดจากการฝึกฝน มีเทคนิค เคล็ดลับ เพื่อการพัฒนาสมอง เปิดศักยภาพการเรียนรู้ขั้นสูงสุดให้เก็บข้อมูลจำนวนมากได้แบบรวดเร็ว และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างง่ายดาย เพราะสำหรับเขาการอ่านเป็นสิ่งสำคัญ มันคือการเรียนรู้ความคิดผู้คน ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาตัวเองได้ เขาสามารถเรียนจิตวิทยาหลักสูตร 4 ปีให้จบได้ภายในหนึ่งปี เขาเห็นความสำคัญของการสร้างคน โดยก่อตั้งโรงเรียนมัธยมในสหรัฐ และถ่ายทอดทักษะการอ่านและแรงบันดาลใจเรื่องการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ซึ่งผลิตผลของลูกศิษย์ของเขาประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันรวดเร็ว จบปริญญาตรีภายในเวลา 1 ปีบ้าง หรือเรียนภาษาจีนจบภายใน 3 เดือน

ชายอเมริกันวัย 68 ปี เดินทางไปแล้วทั่วโลก ตลอด 20 ปีมานี้ เพื่อแบ่งปันเทคนิคการเรียนรู้ของเขา ในฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ และครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย จากแรงบันดาลใจเพื่อการช่วยเหลือผู้คน หวังให้ความรู้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องเผชิญกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว

ฮาวเวิร์ด เบิร์ก เผยเทคนิคอ่านเร็วติดสปีด

เมื่อไม่นานนี้ ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนา "ปลุกพลังสมอง สู่ความสำเร็จแบบติดสปีด" (Maximize Your Brain Potential) ซึ่ง ฮาวเวิร์ด เบิร์ก เผยเทคนิคการเรียนรู้เร็วแบบติดสปีด แบบ Speed reading ตามแบบฉบับของนักอ่านระดับโลก ซึ่งนอกจากความเร็ว ทักษะความจำยังเป็นสิ่งที่นักอ่านชาวอเมริกัน คิดค้นเทคนิคการสอนเฉพาะตัว โดยมีหลักคิดที่ว่า จินตนาการและการเชื่อมโยงคือเคล็ดลับสำคัญที่ขาดไม่ได้

"ผมเริ่มมีความสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมอง ตั้งแต่เรียนในมหาวิทยาลัย ผมค้นคว้าและฝึกฝนด้วยตัวเอง จนมีความสามารถอ่านหนังสือได้เร็วถึง 80 หน้า/นาที ซึ่งการอ่าน 80 หน้านั้นเป็นการอ่านเพื่อเก็บข้อมูล จากนั้นจึงเริ่มทำการรีเสิร์ชอย่างจริงจัง ผมคิดว่า สิ่งที่ทำให้เกิดเทคนิคนี้เกิดจากการอ่านได้เร็ว เก็บข้อมูลได้เยอะ และการเป็นคนช่างสังเกต"

เขาสังเกตว่า เวลาคนเราขับรถคนเราสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างพร้อมกัน ขณะที่เราขับรถด้วยความเร็วทำไมเราฟังวิทยุได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา คุยกับเพื่อน เป็นสิบๆ กิจกรรมทำได้ แต่ทำไมเราอ่านหนังสือผ่านไปอย่างช้าๆ อ่านหนังสือเหมือนเราอ่านได้ทีละคำ เราชอบอ่านทีละคำ ทำไมเราอ่านหนังสือแล้วเราจำไม่ได้ ทั้งๆ ที่อ่านหนังสืออย่างเดียว

เพราะฉะนั้นเทคนิคของการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว (Learning Fast) ถ้าเปรียบเป็นหลักการของการขับรถของฮาวเวิร์ดคือ... "เปลี่ยนจากการอ่านทีละคำ ให้เป็นเหมือนการมองภาพ และเหมือนการดูหนัง

แทนที่จะเรียกว่าอ่านหนังสือ แต่เราเปลี่ยนให้เป็นการทำตัวหนังสือทั้งหมดให้เป็นภาพ เราก็ทำความเข้าใจมันเหมือนเวลาเราดูหนัง แทนที่จะดูทีละคำก็ดูทีเดียว จึงทำให้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและเราเองก็จำได้ด้วย เหมือนเวลาที่เราจะดูหนังและเปิดหนังขึ้นมาดูสักหนึ่งเรื่อง แปลงคำให้เป็นภาพ และนำภาพเหล่านั้นมาปะติดต่อกันจนเป็นหนังหนึ่งเรื่อง ให้ใช้หูเพื่อที่จะฟังให้เข้าใจ แทนที่จะใช้ตาดูอย่างเดียว ใช้ศักยภาพศาสตร์การเรียนรู้อื่นๆ เพิ่มเข้ามา"

ความจริงแล้วมนุษย์เราได้ค้นพบวิธีช่วยความจำ (Memonic Device) ที่ได้ผลดีมากมานานนับเป็นพันๆ ปีแล้ว เทคนิคการอ่านเร็วที่สามารถฝึกฝนได้เลยทันที เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ไม่ได้ใหม่ แต่ใช้ได้ผล เริ่มจากการใช้มือทาบทีละบรรทัด กวาดสายตาหากลุ่มคำและประโยคสำคัญอย่างรวดเร็ว

ฮาวเวิร์ด เบิร์ก เผยเทคนิคอ่านเร็วติดสปีด

ฮาวเวิร์ด แนะนำว่า ให้ลองหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม แต่ต้องไม่ใช่นวนิยาย อ่านหนังสือตามวิธีปกติที่เคยอ่านใช้เวลา 1 นาที แล้วทำเครื่องหมายไว้ว่าเราอ่านได้ถึงไหน ที่ครั้งแรกใช้เวลา 1 นาที เพื่อเป็นการทดสอบว่าการอ่านหนังสือปกติของเราในเวลาหนึ่งนาทีเราอ่านได้กี่คำ จากนั้นใช้เทคนิคกวาดมือไปทีละบรรทัด กวาดสายตาอ่านไปตามมือจากซ้ายไปขวา จับเวลา 5 นาที พอทำครบแล้ว ก็กลับไปอ่านบทอ่านครั้งแรกใหม่โดยใช้เทคนิคการกวาดมือ จะพบว่าแค่เทคนิคนี้เพียงเทคนิคเดียวจะทำให้อ่านได้เร็วขึ้น 10-20%

"คำอธิบายคือ โดยปกติสายตาของคนเราเวลาอ่านหนังสือ ถ้าไม่มีมือคอยควบคุม สายตาของเราจะกลอกไปมา เหมือนเราอ่านวน ทำให้เราอ่านช้าลง นี่เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ผลจริง เป็นการทดสอบที่ยังไม่ได้ผ่านการฝึกฝนโดยทดสอบกับเด็กที่เรียนกับผมไปแล้ว 4 ชั่วโมง แล้วมาทำการทดสอบอีก 1 ชั่วโมง ว่าสามารถอ่านได้เร็วแค่ไหน แล้วพบว่าผลจากการทดสอบครั้งนั้นได้ผล 100-400% จริงๆ แล้วสามารถเร็วได้กว่านี้ถ้ามีการฝึกฝน" ฮาวเวิร์ด กล่าว

จริงๆ แล้วเทคนิคข้างต้น คือเทคนิคพื้นฐาน แต่สิ่งที่ตามมาในเทคนิคการอ่านเร็วซึ่งเป็นเทคนิคเก่า ปัญหาที่ผ่านๆ มาคืออ่านเร็วขึ้นจริงแต่ไม่เข้าใจ ไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการอ่านเร็ว ฮาวเวิร์ด รู้ว่านี่คือปัญหาของการอ่านเร็ว เขาจึงใช้เทคนิควิธีการใหม่ เพราะเขาศึกษาด้านจิตวิทยามา เขาเชื่อมโยงกับสมองและสิ่งที่อ่านว่า ทำอย่างไรให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่อ่าน ความหมาย กล่าวคือไม่ใช่เพียงแค่อ่าน แต่ต้องเรียนรู้ เมื่อได้เรียนรู้ เทคนิคของการอ่านเร็วจึงมีประโยชน์

"พอเข้าใจแล้ว ปัญหาที่พบอีกก็คือจำไม่ได้ ผมใช้เทคนิคเรื่องของความจำเข้ามาจับอีก หนึ่งในเทคนิคง่ายๆ ที่ผมสอนในการจดจำ คือการจำชื่อคน เทคนิคก็คือการจำเป็นภาพ อย่างเช่น ชื่อของผม Howard Berg การจดจำนามสกุลของผม ถ้าเป็นภาพต้องนึกถึงภูเขาน้ำแข็ง เพราะคำว่าเบิร์ก แปลว่า ภูเขาน้ำแข็ง หรือถ้ามีเพื่อนชื่อ Robert ให้นึกถึงคำว่า Robot ที่เป็นคำคล้ายกัน จะช่วยให้เราจดจำชื่อผู้คนได้ง่ายมากขึ้น เป็นเทคนิคการสร้างความจำง่ายๆ ที่นำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน หรือหากจะอ่านหนังสือหลายประเภท และเทคนิคสำคัญในการจำ คือการมองทุกอย่างเป็นภาพ เช่น เมื่อต้องอ่านเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้จินตนาการเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริง หรือการศึกษาเรื่องไข้มาลาเรีย ให้ลองนึกภาพถึงเวลาที่ตัวเองกำลังป่วย ซึ่งช่วยให้จดจำได้ดีกว่าการอ่านแค่ตัวอักษร"

นักอ่านเร็วที่สุดในโลก บอกว่า อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของเทคนิคที่เขาใช้และถ่ายทอดให้คนอื่นๆ มาแล้วทั่วโลกก็คือ การจัดการอารมณ์ การดูแลรักษาอารมณ์ และเรียนรู้สิ่งที่ฉุดดึงให้เราไปไม่ถึงความสำเร็จ อะไรที่ทำให้เรา ล้าหลังไป

ฮาวเวิร์ด เบิร์ก เผยเทคนิคอ่านเร็วติดสปีด

"หลายคนเรียนได้ดี แต่แพ้และประหม่าทันทีเมื่อเจอคนหมู่มาก อาการตื่นเวทีหรือประหม่าหยุดการเรียนรู้เราได้ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาไม่ว่าจะเกิดจากอุปกรณ์ หรือผู้คน สำหรับผมมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ปัญหาก็เช่นกัน เราไม่สามารถควบคุมมันได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแต่เราจะต้องเป็นคนควบคุม อยู่เหนือสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งที่ผมใช้ควบคุมสติเพื่อไม่ให้ตัวเองไหลไปตามปัญหา ก็คือไม่ต้องสนใจปัญหา เราต้องทำตัวอยู่เหนือปัญหา เราต้องทำหน้าที่ของเรา ผมมีคำที่อยู่ในหัวตลอดคือ โฟกัส คือการตั้งเป้าหมายว่าเราต้องการจะทำอะไร ต่อให้อะไรจะล้มเหลวหรือมีปัญหาไม่ต้องสนใจ เราต้องตั้งสมาธิ เพราะเวลามีปัญหาปฏิกิริยาของคนคือเริ่มลนลาน ลืมเป้าหมายแรกที่ต้องการจะทำ เพราะเราไปโฟกัสปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นต้องตั้งสมาธิและสติให้ดี แต่เมื่อมีความ ล้มเหลวเกิดขึ้นจะมีการเรียนรู้ ถ้าเราไม่ยึดติดกับความ ล้มเหลว ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะตามมา"

เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ และไม่มีใครสามารถทำลายสถิติการอ่านเร็วของเขาได้ นักอ่านระดับโลกคนนี้ บอกว่า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เติบโตมาในสังคมที่ดีนัก "ในนิวยอร์กสมัยที่ผมเติบโตแวดล้อมด้วยกลุ่มแก๊ง ซึ่งอาจทำให้เราไขว้เขวไปได้ง่ายๆ แต่จุดที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จก็คือ ผมเลือกว่าจะพาตัวเองไปอยู่จุดไหน และเลือกว่าจะเป็นอะไร ผมเลือกที่จะแตกต่าง เลือกที่จะเป็นคนที่ดีที่เหนือกว่า และเลือกที่จะใช้สติปัญญาช่วยเหลือผู้คน พอผมเลือกที่จะช่วยคนปุ๊บ ก็กลายเป็นว่าทำให้ผมได้พบกับผู้คนที่สามารถทำให้ผมประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้น

เพราะอะไรผมถึงอยากจะแชร์สิ่งที่เราได้เรียนรู้ได้ฝึกฝนมาให้คนอื่นๆ ได้รู้ด้วย ตอนแรกที่เห็นข่าวก็เห็นแต่ข่าวร้ายๆ คนอดอยาก ไม่มีงานทำ จริงๆ แล้วคนเหล่านี้อาจจะยังไม่รู้ว่า ต้องใช้ทักษะอะไรในการเรียนรู้ ว่าทำอย่างไรจึงจะหางานได้ เรียนรู้ได้

ผมอยากช่วยเหลือผู้คน เพราะรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเราถ้าเก็บไว้กับตัวคนเดียวก็ไม่ได้ช่วยเหลือใคร แต่ถ้าผมนำเทคนิคนี้ไปช่วยเหลือคนอื่นล่ะ ทำให้คนอื่นเรียนรู้ได้เร็ว แล้วผู้คนนำไปเรียนรู้ในด้านที่ตนเองสนใจคนละนิดคนละหน่อย คือเหมือนกับคนที่สนใจและนำเทคนิคของผมไปประยุกต์กับการทำงานหรือทำอะไรให้เป็นประโยชน์ ก็จะทำให้โลกนี้ดีขึ้น เช่น เอาเทคนิคของผมไปเรียนและต่อยอด เราอาจจะเห็นคนที่ทำอาหารได้เยอะขึ้น เขาอาจจะมีเงินมากขึ้น มีเวลาในชีวิตมากขึ้น การอ่านเร็วโดยเข้าใจทำให้เราประหยัดเวลา มีความสัมพันธ์กันว่าการที่คนคิดวิเคราะห์ได้ดี จะต้องมีฐานข้อมูลในสมองต้องมากเพียงพอ"

อย่างไรก็ตาม เทคนิคของฮาวเวิร์ด ถ้าเรียนแล้วไม่ฝึกฝนก็ทำได้ไม่ดี และหากไม่นำไปใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ "พอสอนการเรียนรู้อย่างรวดเร็วถ้าไม่ฝึกฝนก็ไม่เร็วขึ้น ยิ่งไม่เอาไปใช้ยิ่งไม่เกิดประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือการเรียนรู้เร็วคือเรามีเวลาที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะนำไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อคนอื่น และต่อโลก n