posttoday

‘ศันสนีย์ ศรีศุกรี’ อยู่กับความจริง ชีวิตเป็นสุข

05 สิงหาคม 2560

ถือว่าเป็นผู้หญิงแกร่งมากด้วยความสามารถอีกท่านในแวดวงการผังเมือง "ศันสนีย์ ศรีศุกรี" ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ถือว่าเป็นผู้หญิงแกร่งมากด้วยความสามารถอีกท่านในแวดวงการผังเมือง "ศันสนีย์ ศรีศุกรี" ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้มาเปิดมุมมองเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณว่า เป็นเรื่องของมุมมองในแต่ละคนที่มีทัศนคติการเตรียมความพร้อมก่อนหน้านี้ว่าได้หลักคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต มุมมองต่อคนรอบข้างเช่นไรอย่างไร ถึงจะไม่ทำให้การใช้ชีวิตหลังเกษียณไม่ใช่เป็นเรื่องผิดปกติ

ปัจจุบันถือว่าคนเกษียณกลุ่มนี้โชคดี การสาธารณสุขดีขึ้นมาก ถ้าคนที่ดูแลตัวเองได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าดูแลตัวเองน้อยไปก็ต้องเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะในวันข้างหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นเราต้องพึ่งตัวเองเยอะ อย่างตัวพี่เองเป็นครอบครัวเล็กแต่งงานไม่มีลูก ฉะนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด หมั่นออกกำลัง ดูแลเรื่องของอาหารการกิน รู้จักรักษาสภาวะจิตใจ หากจิตใจไม่ดีพาไปสู่โรคภัยได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องหลักที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ ซึ่งความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญต้องรู้จักตัวเอง คือ รู้ว่าเราชอบอะไร รู้ว่าความสุขคืออะไร และต้องรู้ว่าเรามีข้อบกพร่องตรงไหน หากมีการปรับแก้ก็จะทำให้เรามีความสุข และเป็นความสุขที่แท้จริง

ทั้งนี้ จากการที่ทำงานอยู่ในระบบการทำงานมานาน บางทีมีความคิดว่าอยากทำอะไรตามความพอใจบ้าง ดังนั้นหลังเกษียณก็ได้มีการวางแผนไว้ว่า 80% จะทำกิจกรรมเพื่อครอบครัวมากขึ้น เช่น การจัดบ้านให้น่าอยู่ เป็นต้น 10% ทำกิจกรรมที่ตนเองอยากทำ เช่น งานศิลปะ ทำคอลเลกชั่นต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชื่นชอบอาจมีการต่อยอดไปในงานศิลปะอื่นๆ และอีก 10% มีแนวคิดอยากอาสาเป็นครูโดยการใช้ประสบการณ์ความรู้ที่มีสอนเด็กเล็กเด็กประถม เพราะคิดว่าหากมีการให้พื้นฐาน หลักคิด ทัศนคติที่ดี มันเป็นการปูพื้นฐานให้กับเยาวชนเหล่านี้

"คนรุ่นใหม่เรื่องโนว์ฮาวมีเยอะ แต่เราถือว่ามีประสบการณ์ชีวิต คิดว่าอะไรที่เป็นพื้นฐานความคิด ทัศนคติที่ดีๆ ซึ่งการพูดในสิ่งที่ดีย่อมส่งผลดีต่อเด็กได้ การท่องจำอย่างเดียวอาจไม่รู้ถึงสาระรู้ถึงแก่นที่แท้จริง เหมือนอย่างตอนเด็กๆ เราไม่รู้อะไรเมื่อมีโอกาสก็อยากถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับเด็กๆ ได้รับรู้" ศันสนีย์ กล่าว

นอกจากนี้ การที่เราเชื่อในหลักศาสนาว่า เหตุการกระทำ ผลของการกระทำที่ดีย่อมส่งผลดี ความไม่เที่ยงในทุกเรื่อง วันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร อย่าว่าแต่ตายเลยจะเป็นโรคอะไรยังไม่รู้และหากเป็นโรคที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็เป็นเรื่องที่ลำบากทั้งตัวเองและครอบครัว ดังนั้น การที่นำความรู้ที่มีมาทำงานต่อเนื่องก็ช่วยให้เราพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ซึ่งก็เป็นมาตรการป้องกันอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ต้องเผชิญกับมัน ทั้งนี้ต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดภาระกับคนข้างหลังและไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง

ทั้งนี้ ยังเห็นด้วยกับหลายๆ ท่านในอดีต อายุมากแล้วอย่าไปทำเรื่องใหม่ๆ เช่น ไปทำสวน ร่างกายสู้ไม่ไหว ฯลฯ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบสิ่งที่ถนัดทำแล้วต้องสนุกดีที่สุดและไม่เดือดร้อนคนอื่น ขณะเดียวกันต้องมีความยืดหยุ่นด้วยเพราะไม่มีอะไรที่แน่นอน

การที่ภาครัฐให้ความสนใจกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ที่มีโอกาสน้อยกว่าพวกที่รับราชการซึ่งจะได้รับการดูแลที่ดี โดยเฉพาะระบบสาธารณสุขแต่ก็เป็นภาระอย่างมากสำหรับรัฐบาลเนื่องจากใช้งบประมาณที่มากดังนั้นต้องดูแลก่อนที่จะป่วย

สำหรับผู้ที่เกษียณเองทุกคนที่เคยทำงานไม่ว่าจะระดับไหนก็ตามชั่วข้ามคืนท่านไม่ใช่คนนั้นแล้ว ฉะนั้นก็ต้องคิดเรื่องนี้ไว้ก่อน ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานควรเซฟวิ่ง มีการออมทรัพย์ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ได้ อย่าละเลยหากจะมาเริ่มตอนเกษียณไม่ได้ช้าไป อย่าซื้อของตามความอยากให้ซื้อเพื่อใช้และที่จำเป็น

“ทัศนคติในการดำรงชีวิต ต้องคิดดีทำดีไว้ ซึ่งมนุษย์ต้องมีการยกระดับทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรม ความรู้คิด และต้องมองโลกในความเป็นจริง หากคาดหวังเกินไปอาจไม่เป็นสุขแต่จะเป็นทุกข์แทน นอกจากนี้ อย่าให้ความทุกข์มาบั่นทอน ถ้าจะทำอะไรตัดสินใจให้ดีอย่าเสียใจภายหลังแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าปล่อยผ่าน” ศันสนีย์ กล่าวทิ้งท้าย